ตอนที่ 213 อย่าลืมบอกฉันว่ารู้สึกยังไง / ตอนที่ 214 ตอนนี้ผมโกรธมาก

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 213 อย่าลืมบอกฉันว่ารู้สึกยังไง

 

 

น้ำเสียงของสวี่ชิงจือฟังดูรีบร้อน หลังจากที่เฉินฝานซิงได้ฟัง เธอก็หันไปสบตากับชายหนุ่มที่กำลังพยายามสงบสติอารมณ์อยู่แวบหนึ่ง แล้วเก็บโทรศัพท์

 

 

จากนั้น เธอก็ลุกขึ้นยืนแล้วพูดกับชายหนุ่มว่า “คุณกินไปก่อนะ ในหม้อยังมีอีก ค่อยๆ กินไป ฉันจะขึ้นไปห้องหนังสือชั้นบนหน่อย”

 

 

เฉินฝานซิงพูดจบก็กลับหลังหันเดินไปหยิบน้ำเปล่าขวดหนึ่งหน้าตู้เย็นแล้วเดินออกจากห้องครัวไปทันที ท่าทางร้อนรนแบบนั้นดูเหมือนจะมีเรื่องสำคัญอะไรจริงๆ

 

 

ส่งบางอย่างมาให้?

 

 

เมื่อนึกถึงเสียงผู้หญิงที่ฟังดูไม่คุ้นเคยที่เพิ่งดังมาจากโทรศัพท์ของเฉินฝานซิง สีหน้าของป๋อจิ่งชวนก็ค่อยๆ มีเครื่องหมายคำถามผุดขึ้นมาทีละชั้นทีละชั้น

 

 

 ระหว่างที่เฉินฝานซิงกำลังเดินขึ้นด้านบน เธอก็ส่งข้อความเสียงหาสวี่ชิงจือไปด้วย

 

 

[เธอส่งอะไรมาให้ฉัน สำคัญมากเลยเหรอ]

 

 

สวี่ชิงจือตอบ…

 

 

[สำคัญแน่นอน เธอดูแล้วก็จะรู้เอง]

 

 

เข้าห้องหนังสือ เปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค เปิดอีเมล์ เธอทำทุกอย่างเสร็จในรวดเดียว

 

 

อีเมล์ที่สวี่ชิงจือส่งมามีคลิปวีดีโอแนบมาหนึ่งคลิป เฉินฝานซิงเลือกเปิดดูแบบออนไลน์ทันที

 

 

จากเนื้อหาตอนเริ่มดูเหมือนจะเป็นหนังของต่างประเทศ เพียงแต่มีความยาวแค่สามสิบกว่านาทีเท่านั้น

 

 

หนังเปิดฉากในผับแห่งหนึ่งซึ่งอบอวลไปด้วยควันบุหรี่และแสงไฟหลากสีละลานตา หนุ่มสาวทั้งหลายกำลังส่ายเอวพลิ้วไหวอยู่บนฟลอร์เต้นรำ…

 

 

สำหรับฉากเปิดตัวหนังประเภทนี้ เฉินฝานซิงไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ

 

 

เพียงแต่ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ สวี่ชิงจือถึงได้ส่งหนังมาให้เธอปุบปับแบบนี้

 

 

เมื่อครู่นี้ฟังจากน้ำเสียงดูเหมือนจะรีบร้อนมาก จนเธอคิดว่าจะมีเรื่องสำคัญเร่งด่วนอะไร

 

 

เฉินฝานซิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อพิมพ์ข้อความส่งไปหาเธอ

 

 

[เธอแน่ใจนะว่าไม่ได้ส่งผิด มีแค่คลิปหนังเรื่องเดียวเอง]

 

 

สวี่ชิงจือ: [อืม]

 

 

เฉินฝานซิงคิ้วขมวดเล็กน้อย

 

 

[…ฉันก็คิดว่าเธอมีเรื่องสำคัญอะไรซะอีก]

 

 

สวี่ชิงจือ: [เรื่องนี้สำคัญมากเลยนะ วันนี้ไม่ใช่ว่าฉันบอกเธอไปแล้วเหรอ ว่าฉันจะศึกษาว่าจะให้ความ ‘สุก’ อย่างว่ากับเธอได้ยังไง…]

 

 

 

 

ทางด้านป๋อจิ่งชวน ไหนเลยจะมีอารมณ์กินข้าวถ้วยที่สองได้อีก

 

 

วันนี้ตั้งแต่ตอนเช้าจนถึงตอนนี้ เขารู้สึกมาตลอดว่าผู้หญิงที่ชื่อสวี่ชิงจือคนนั้นตามติดเธอแจจนเขาหาช่องว่างแทรกซึมไม่ได้เลย

 

 

วันนี้ทั้งวัน ในหัวของเขามีแค่ภาพผู้หญิงคนนั้นกำลังล่อลวงผู้หญิงของเขา

 

 

ทุกครั้งที่นึกถึง เขาก็อยากจะจับผู้หญิงคนนั้นโยนออกไปนอกนประเทศให้รู้แล้วรู้รอด

 

 

เมื่อคิดถึงวันนี้ที่เฉินงฝานซิงปฏิเสธเขาครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อสวี่ชิงจือ สีหน้าของป๋อจิ่งชวนก็เย็นชาราวกับมีเกล็ดน้ำแข็งเกาะขึ้นมาทันที

 

 

ขณะที่แหงนหน้ามองขึ้นไปยังชั้นบน ดวงตาดำสนิทของเขาฉายประกายความเยือกเย็นที่สุดแสนจะลึกล้ำออกมา

 

 

 

 

ประตูห้องหนังสือไม่ได้ปิดสนิทดี ระหว่างที่ป๋อจิ่งชวนเปิดประตูเข้าไป เฉินฝานซิงกำลังนั่งอยู่ตรงหน้าคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค ก้มหน้าดูโทรศัพท์ ท่าทางเหมือนกำลังแชทกันอยู่

 

 

จากนั้นก็เห็นแววตาที่จ้องมองอยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์ของเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนที่นิ้วเรียวยาวจะเริ่มขยับไปมา…

 

 

[วีดีโอที่เธอส่งมาให้ฉันคงไม่ใช่…คลิปอย่างว่าหรอกนะ]

 

 

สวี่ชิงจือตอบกลับภายในเสี้ยววินาที [อื้ม เธอลองดูก่อน ดูจบแล้วบอกฉันด้วยความรู้สึกยังไง]

 

 

ยังต้องบรรยายความรู้สึกอีก…

 

 

หนังที่กำลังเปิดอยู่ตรงหน้าไม่มีเสียงดังวุ่นวายแบบเมื่อกี้แล้ว เฉินฝานซิงกลับไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาดู

 

 

หนังประเภทนี้ น่าอายจะตายไป

 

 

แต่เธอก็ยังคงมีความอยากรู้อยากเห็นอยู่ลึกๆ เมื่อก่อนแค่เคยได้ยินมาบ้าง ตอนนี้กลับมาอยู่ตรงหน้าแล้ว…

 

 

เธอหลับตาปี๋พร้อมกับสูดหายใจลึกหนึ่งเฮือก ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองไปยังหน้าจอโน้ตบุ๊ค

 

 

เธออ้าปากค้างด้วยความอึ้งไปชั่วขณะ

 

 

นี่มัน…

 

 

“เฉินฝานซิง!”

 

 

เฉินฝานซิงยังไม่ทันจะตอบโต้ น้ำเสียงเย็นยะเยือกราวกับถูกเกาะกุมไปด้วยน้ำแข็งหลายชั้นก็ดังขึ้นมาจากด้านข้างกะทันหัน

 

 

 

 

ตอนที่ 214 ตอนนี้ผมโกรธมาก

 

 

เสียงที่ดังขึ้นกะทันหันทำให้แพขนตายาวของเธอสั่นไหว ก่อนจะหันหน้าไปดูตามสัญชาตญาณ

 

 

นัยน์ตาดำสนิทคู่นั้นของป๋อจิ่งชวนเยือกเย็นราวกับแผ่นน้ำแข็งหนาทึบ ลึกลงไปในแววตาแฝงไปด้วยความบึ้งตึง

 

 

ไอแห่งความหนาวเย็นและแหลมคมแผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของเขา

 

 

เป็นพลังงานที่เปี่ยมไปด้วยการทำลายล้างที่แทบจะจับใครบางคนฉีกออกเป็นชิ้นๆ เสียให้ได้ตรงนั้น

 

 

“คุณเข้ามาได้ยังไง”

 

 

ป๋อจิ่งชวนหรี่ตามองเธอ ก่อนจะหันหน้าไปมองทางหน้าจอโน้ตบุ๊คที่วางอยู่ตรงหน้าของเธอ

 

 

เรือนร่างขาวนวลของหญิงสาวสองคนกอดรัดกันนัวเนียอยู่บนเตียง

 

 

ลำโพงโน้ตบุ๊คมีเสียงหายใจรุนแรงด้วยความเหนื่อยหอบสองเสียงดังลอดออกมา สีหน้าของป๋อจิ่งชวนตึงเครียดยิ่งกว่าเดิม

 

 

เฉินฝานซิงลุกขึ้นยืนด้วยความลนลาน

 

 

เธอหันไปทางป๋อจิ่งชวน มือหนึ่งค้ำขอบโต๊ะเอาไว้ อีกมือหนึ่งก็ยกขึ้นมาลูบผมไปมาแก้เขิน

 

 

“…คุณกินเสร็จแล้วเหรอ”

 

 

เฉินฝานซิงแก้มแดงเป็นแถบเพราะความเขินอาย แม้แต่ตอนพูดก็ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา

 

 

ความรู้สึกตอนโดนจับได้ว่าแอบดูหนังอย่างว่า อย่างน้อยชีวิตนี้เธอก็ได้สัมผัสกับมันด้วยตัวเองจริงๆ จังๆ สักครั้งหนึ่งแล้ว

 

 

ช่างเป็นความรู้สึกที่น่าขายหน้าที่สุดตั้งแต่มีมาในประวัติศาสตร์เลยจริงๆ

 

 

ทันใดนั้นเอง ลมหายใจที่รุนแรงกว่าปกติก็กระชั้นชิดเข้ามาใกล้เธอทีละนิด สุดท้ายก็ห้อมล้อมเธอไว้สนิท

 

 

เฉินฝานซิงเงยหน้าขึ้นมา รูปร่างสูงเพรียวล่ำสันของป๋อจิ่งชวนอยู่ตรงหน้าเธอ บนใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติแฝงไปด้วยความเย็นชาอยู่ลางๆ นัยน์ตาดำขลับที่จ้องมองเธออยู่เวลานี้ดูคล้ายกับก้อนหยกสีดำสนิท

 

 

ท่ามกลางความเงียบ กลับสัมผัสได้ถึงไฟโกรธที่คุกรุ่นไปทั่ว

 

 

“คุณไม่มีอะไรอยากพูดกับผมเหรอ”

 

 

 จากนั้น คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คด้านหลังก็ส่งเสียงครางขึ้นมาหนึ่งทีอย่างกะทันหันราวกับกำลังโต้ตอบกับเขาอยู่

 

 

 สีหน้าของทั้งคู่ต่างก็เปลี่ยนไปในทันที

 

 

เฉินฝานซิงหมุนตัวยื่นมือออกไปพับโน้ตบุ๊คเก็บลงไปอย่างรวดเร็ว พรึ่บ!

 

 

เธอเม้มริมฝีปากแน่นด้วยความรู้สึกอึดอัดใจจนทำตัวไม่ถูก

 

 

แต่ทว่า ในขณะที่เธอกำลังปิดฝาคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คอยู่นั้นเอง แขนที่เปี่ยมไปด้วยพละกำลังข้างหนึ่งก็คล้องเอวเธอเอาไว้จากด้านหลัง ก่อนจะหมุนตัวเธอให้หันกลับมา

 

 

ท่ามกลางความตื่นตระหนก เธอหันไปสบตาเข้ากับดวงตาที่เคร่งขรึมดูน่าเกรงขามคู่นั้นของป๋อจิ่งชวนเข้าพอดี จึงรีบเปิดปากอธิบาย

 

 

“เมื่อกี้นั่นมัน จริงๆ แล้วก่อนเปิดฉันก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นหนังประเภทนี้…”

 

 

ป๋อจิ่งชวนยิ้มมุมปาก แต่ในดวงตากลับไม่มีความหมายของรอยยิ้มอยู่เลยแม้แต่น้อย

 

 

“นี่ก็คือสิ่งที่เพื่อนที่ชื่อสวี่ชิงจือคนนั้นของคุณส่งมาให้เหรอ”

 

 

เฉินฝานซิงหรี่หางตาลงเล็กน้อย พลางพยักหน้าด้วยท่าทางกระดากอาย “ใช่…”

 

 

“หึ”

 

 

เสียงหัวเราะในลำคอ แหบพร่า

 

 

“คุณกับเธอ…”

 

 

ต่อให้เฉินฝานซิงจะสมองช้าแค่ไหน แต่ก็ฟังความหมายที่แฝงอยู่ในประโยคนี้ของเขาออก โดยเฉพาะหลังจากที่ดูหนังหญิงรักหญิงไปแล้ว เธอยิ่งรู้สึกอ่อนไหวกับเนื้อหาประเภทนี้มากกว่าเดิม

 

 

“ฉันกับชิงจือเป็นแค่เพื่อนกัน คุณอย่าคิดมาก…” เธอรีบพูดตัดบทเขา

 

 

“เพื่อน? เพื่อนที่อยากแต่งงานกับคุณ แถมยังส่งของแบบนี้มาให้คุณอย่างนั้นเหรอ”

 

 

“อาจจะเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบของเธอ ฉันกับเธอไม่มีอะไรจริงๆ เป็นเพื่อนกันมาตั้งหลายปีขนาดนี้ ถ้าจะมีอะไรกันจริงๆ คงมีไปนานแล้ว ฉันยังไม่เบี่ยงเบนทางเพศหรอกนะ…คุณลองดูซูเหิงสิ ฉันกับซูเหิงคบกันตั้งหลายปี…”

 

 

เฉินฝานซิงไม่ได้สนใจรายละเอียดว่าป๋อจิ่งชวนรู้เรื่องที่สวี่ชิงจืออยากแต่งงานกับเธอได้ยังไง เธอสนแค่ว่าเธอต้องการอธิบายความจริงให้เขาฟัง

 

 

 เพียงแต่ยังไม่ทันพูดจบ เอวทั้งสองข้างก็ถูกรัดแน่นกะทันหัน ร่างเพรียวสูงของป๋อจิ่งชวนแนบชิดเข้ากับตัวเธอในทันที

 

 

สีหน้าท่าทางและลมหายใจที่แผ่ซ่านออกมาอึมครึมและน่ากลัวกว่าเมื่อสักครู่เสียอีก

 

 

คำอธิบายของเธอยังไม่สู้ไม่อธิบายเลยเสียจะดีกว่า

 

 

เธอบริสุทธิ์ใจกับสวี่ชิงจือ แต่กลับหยิบยกเรื่องที่คบกับซูเหิงมานานหลายปีมายืนยันเรื่องรสนิยมทางเพศของตัวเอง?

 

 

นี่เธอกำลังตอกย้ำเรื่องที่เคยเกิดขึ้นระหว่างตัวเธอเองและซูเหิงอยู่เหรอเนี่ย

 

 

ถึงแม้ว่าเขาจะรู้มาตลอดว่าเฉินฝานซิงกับซูเหิงคบกันมานานหลายปี แต่เรื่องที่เคยเกิดขึ้นระหว่างพวกเขา ป๋อจิ่งชวนไม่เคยคิดจะใส่ใจเลย

 

 

แต่ตอนนี้ เธอกลับพูดมันออกจากปากของเธอเอง เขาก็คงจะไม่สนใจไม่ได้

 

 

เขาพยายามข่มไฟโกรธที่กำลังสุมอยู่ในทรวงอกอย่างสุดกำลัง ระหว่างนั้นก็ยื่นมือออกไปช้อนใต้คางของเธอ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ทรงพลังแต่อ่อนโยน

 

 

“ฝานซิง ตอนนี้ผมโกรธมาก ทำยังไงดีล่ะ”