บทที่ 155 เต็มพิกัด

ในขณะที่เฉินเฉียงกำลังประหลาดใจกับจุดชีพจรที่เปิดขึ้นมาเองโดยไม่ได้ทำอะไรนี้ ทำให้เขาสูญเสียการควบคุมพลังจิตไป และเป็นตอนนี้ที่ทำให้เขาเผลอเพิ่มไฟเข้าไปอีก และนี่ทำให้อุณหภูมิในเตาปรุงยาของเขาเพิ่มสูงขึ้นจนทำให้การปรุงดอกไม้กินคนกับดอกดาราจันทราเสร็จสิ้นลง

-มาพลาดเอาตอนนี้เนี่ยนะ-

เฉินเฉียงได้มองไปที่เตาปรุงยาที่ว่างเปล่าของเขาอย่างเซ็งจิต

แต่เดิมเขามีดอกไม้กินคนเพียงสี่ดอก และตอนนี้เขาเหลือเพียงสามเท่านั้น

เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดซ้ำอีก เฉินเฉียงแก่นคริสตัลออกมาสิบชิ้นแล้วดูดซับมัน หลังจากผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ เมื่อจุดชีพจรลับที่สิบของเขาถูกเติมแล้วเขาจึงได้ทำการปรุงยาต่อ

ในตอนนี้เขาไม่คิดจะทำเป็นเล่นและเพียงลองทำดูแบบครั้งก่อนอีกต่อไป เข้าใช้สมาธิอย่างมาก จนในที่สุดเขาก็ปรุงยาเสริมสร้างจิตวิญญาณระดับสมบูรณ์ขึ้นมาได้

เขาหยิบยาเสริมจิตวิญญาณที่พึ่งปรุงเสร็จออกมาจากเตาและกินมันในทันที ตอนนี้ทั่วทั้งร่างของเขานั้นรับรู้ได้ถึงพลังที่เพิ่มขึ้น เขารู้สึกได้ว่าพลังจากยาเสริมจิตวิญญาณได้แปรเปลี่ยนไปเป็นค่าพลังจิตของเขา

“แต่กินไปได้เพียงเม็ดเดียว ค่าพลังจิตของข้าก็เพิ่มถึงสี่สิบสามแต้มเลยแฮะ”

เฉินเฉียงได้ลืมตาตื่นขึ้นมาในทันทีที่รู้ตัวและดีใจอย่างที่สุด

แถมการหลอมยาเม็ดนี้เขายังไม่ได้ใส่พลังจากแก่นคริสตัลที่ได้จากเหยี่ยวดาราพวกนั้นเข้าไปด้วย

ในตอนนี้ หลังจากรับรู้ผลของยาเสริมสร้างจิตวิญญาณแล้ว เขาก็ได้ทำการปรุงยาต่อ

การหลอมจิตแก่นคริสตัลนั้นอยากกว่าการหลอมสมุนไพรมากมายนัก

อีกห้าวันผ่านไป เฉินเฉียงในที่สุดก็หลอมเม็ดยาได้อีกสองเม็ด

เฉินเฉียงไม่รอช้ากินพวกมันเข้าไปในทันที

ในทันทีที่เม็ดยาเข้าปาก เขารู้สึกว่ามันอร่อยมากจนไม่เหมือนเม็ดยาด้วยซ้ำ

หลังจากผ่านไปสองวัน เฉินเฉียงก็ดูดซับผลของเม็ดยาได้จนหมด ค่าพลังจิตของเขานั้นเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ค่าพลังจิตในหน้าจอแสดงสถานะของเขานั้นแสดงให้เห็นว่าค่าพลังจิตของเขานั้นขึ้นสูงไปที่ 572 หน่วยเรียบร้อยแล้ว

เป็นตอนนี้ที่ทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงจนได้

ทักษะการสะกดจิตของเขาในตอนนี้กลายเป็นขั้นสูง

เคล็ดวิชาเทคนิคการยิงของโฮวอี้ได้เพิ่มขึ้นเป็นระดับขั้นต้น

เคล็ดวิชาสะกดข่มวิญญาณมารสวรรค์ของเขาเลื่อนระดับเป็นขั้นสูง

และยิ่งไปกว่านั้นคือ เคล็ดวิชาภาพวาดห้วงมหาสมุทรของเขานั้นที่อยู่ในระดับเรียนรู้มานานแสนนานในที่สุดก็ก้าวเข้าสู่ระดับต้น

เมื่อเฉินเฉียงลองใช้พลังจิตกระตุ้นเคล็ดวิชาภาพวาดห้วงมหาสมุทรนั้นที่แต่เดิมเขานั้นไม่สามารถรับรู้อะไรได้เลย ในที่สุดก็เริ่มเข้าใจในเนื้อหาของมัน

ในตอนนี้ได้มีภาพห้วงมหาสมุทรเกิดขึ้นในจิตสำนึกของเขาและหายไปอย่างช้าๆ แต่น้ำที่เกิดจากภาพนั้นกลับไหลเข้าไปในจิตสำนึกของเขาอย่างช้าๆไม่ได้หายไปไหน

หลังจากตรวจสอบดูดีๆแล้วเขาก็พบว่าค่าพลังจิตของเขานั้นได้เพิ่มขึ้นในระหว่างเกิดกระบวนการไหลของสายน้ำที่เข้าสู่จิตสำนึกของเขา

เมื่อมาถึงจุดนี้ เฉินเฉียงได้หลับตาลงและทำการนึกถึงเคล็ดวิชานี้อีกครั้ง

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพียงชั่วพริบตา เวลาก็ผ่านไปสามเดือน

ระดับบนหน้าจอแสดงอันดับมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

แต่อันดับของเฉินเฉียงยังอยู่ที่อันดับหนึ่งไม่เปลี่ยนแปลง

ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมานั้น คะแนนของเฉินเฉียงที่ทำได้นั้นยังคงอยู่ที่ 21,730 แต้มไม่เปลี่ยนแปลง

“พี่เฉียน ถ้าอันดับของเฉินเฉียงนั้นไม่ได้ยังคงอยู่ที่อันดับหนึ่งตลอดอยู่ล่ะก็ นี่ทำให้ข้านึกไปจริงๆแล้วนะว่าเขานั้นถูกสัตว์ประหลาดฆ่าตายไปแล้วน่ะ”

เว่ยหยวนตี้ส่ายหัวไปมาพลางถอดถอนลมหายใจและยกถ้วยไวน์ขึ้นมาดื่ม

เฉียนฝู่ยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้และพูดออกมา “ข้าเองก็คิดไม่ต่างกัน ท่านเว่ย คะแนนของเฉินเฉียงไม่ได้เปลี่ยนแปลงมาตั้งสี่เดือนครึ่งแล้ว แถมบางช่วง คะแนนของเขายังตกลงไปเล็กน้อย นี่เป็นสถานการณ์ที่แปลกประหลาดจริงๆ”

“หากเป็นแบบนี้ต่อไป อันดับหนึ่งของเฉินเฉียงคงจนถูกใครแทนที่เข้าจนได้”

“ไอ้เฒ่าเฉียน เจ้าไม่ต้องมาทำเป็นพูดดีเลยนะโว้ย นี่แกกำลังแอบดีใจอยู่ใช่ไหมล่ะ” ซุนไค ผอ.แห่งสำนักมังกรอาชูร่าได้พูดออกมาประหนึ่งดังรู้ทันความคิด “นอกจากเฉินเฉียงแล้วยังมีศิษย์สำนักของเจ้าที่ชื่อหลู่ฟางได้อันดับหกอยู่ ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ในปีนี้ดูเหมือนสำนักของเจ้าจะมีศิษย์อย่างน้อยสองคนติดอันดับสองในสิบเป็นแน่”

สำนักเต่าดำไม่เคยทำผลงานได้ดีขนาดนี้มาก่อน

ยิ่งไปกว่านั้นคือทุกคนรู้ดีว่ากระบวนการแข่งขันในครั้งนี้เป็นยังไง อันตรายมากมายขนาดไหน แต่สำหรับศิษย์ผู้ซึ่งมีทักษะการปรุงยาที่เลิศล้ำแน่นอนว่าย่อมอยู่ได้อย่างสบายๆไปจนจบการแข่งขัน

“หากว่าเขาบาดเจ็บก็คงจะปรุงยารักษาตัวเองได้”

“แต่ดูเหมือนว่าเขานั้นจะใช้เวลารักษาตัวนานไปแล้วนา”

“หากว่าเขานั้นต้องใช้เวลารักษาตัวเกินกว่าสี่เดือนแบบนี้ นั่นหมายความว่าเขาคงต้องเจ็บหนักจริงๆ”

“เฒ่าเฉียน ข้ารู้สึกว่าเขาไม่ได้บาดเจ็บจากการประลองนั้น ข้าว่าเขาน่าจะทะลวงข้ามขั้นเสียมากกว่า”

สิ่งที่ซุนไคคิดก็ไม่ผิดสักทีเดียว นั่นก็เพราะในตอนนี้เฉินเฉียงได้ออกมาจากการดำดิ่งสู่ห้วงมหาสมุทรเมื่อสองเดือนก่อน

เขาเองแม้ไม่รู้ว่าใครกันที่ทรงพลังพอที่จะสร้างเคล็ดวิชาภาพวาดแห่งห้วงมหาสมุทรนี้ขึ้นมาได้ คนที่ได้เรียนรู้เคล็ดวิชานี้นั้นสามารถเพิ่มพลังจิตในทุกๆครั้งที่สามารถนึกถึงภาพของมหาสมุทรขึ้นมาได้

และหลังจากไปสองเดือนแรก ภาพห้วงมหาสมุทรของเฉินเฉียงนั้นได้แจ่มชัดมากยิ่งขึ้น

และในช่วงเดือนถัดมา เมื่อเฉินเฉียงลืมตาขึ้นมานั้น ภาพของห้วงมหาสมุทรในจิตสำนึกของเฉินเฉียงไม่ได้จางหายอีกต่อไป มันยังคงอยู่และคอยเติมค่าพลังจิตให้เขาอยู่ตลอดโดยที่เขาไม่ต้องทำอะไรมันอีก

เฉินเฉียงหลังจากลืมตาแล้ว เขานั้นยังไม่รีบร้อนแต่อย่างใด เขาได้หยิบแผ่นพลังงานออกมาจากแหวนของเขา

ในตอนนี้เขานั้นได้เปิดจุดชีพจรลับที่สิบไปแล้ว เขาจึงคิดว่าจะเติมเต็มมันด้วยพลังสายเลือดเสียก่อน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และในตอนนี้เขานั้นได้ไปถึงจุดชีพจรลับที่สิบสองแล้ว

เฉินเฉียงได้บ่มเพาะอย่างหนักต่อไป และเขาได้เริ่มต้นเปิดจุดชีพจรที่สิบสอง

หลังจากผ่านไปอีกสองเดือน เฉินเฉียงก็ได้เปิดจุดชีพจรที่สิบสองได้สำเร็จ

เมื่อมาถึงจุดนี้ เฉินเฉียงถือได้ว่าเปิดจุดชีพจรที่ถือว่าเป็นรากฐานการบ่มเพาะทั้งสามจุดลับได้อย่างสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่ร่างกายเขาจะรับได้

และค่าพลังจิตของเขานั้นอยู่ที่ 688 หน่วย

เฉินเฉียงได้ยืนขึ้นมาก่อนที่จะกลับคืนสู่ผืนดิน เมื่อถึงผืนดิน เขาได้ใช้กระแสจตของเขา ในตอนนี้เขาพบว่ากระแสจิตของเขานั้นครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดหนึ่งพันห้าร้อยเมตร

กระแสจิตของเขาครอบคลุมยิ่งกว่าทักษะสายตาเฉียบคมที่ได้จากเหยี่ยวดาราถึงห้าร้อยเมตร

นี่ทำให้ทักษะเหยี่ยวดารานั้นด้อยค่าลงไปในทันที

และเมื่อเขาเปิดจุดชีพจรลับมาได้จนถึงจุดนี้ ต่อให้เขาไม่ใช้ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตา เขาก็สามารถฆ่าสัตว์ประหลาดระดับนายพลขั้นกลางได้อย่างสบายๆ

ยิ่งไปกว่านั้นคือเขาคิดที่จะเก็บทักษะเคลื่อนย้ายพริบตานี้เป็นไพ่ตาย นอกจากจะมีเรื่องวิกฤต เขาจะไม่ใช้มันออกมาโดยง่าย

“อีกสี่เดือนเวลาการประลองก็จะจบลงแล้ว ดูเหมือนว่าคงต้องพยายามเก็บแต้มคะแนนให้ได้อีกสักหน่อยล่ะนะ”

เฉินเฉียงได้มองไปยังแต้มคะแนนของตนบนบัตรประจำตัว

ในช่วงสี่เดือนมานี้ คะแนนของเขาหยุดอยู่ที่สองหมื่นกว่าแต้ม เขารู้สึกว่าในช่วงเวลาที่เขาเก็บตัวบ่มเพาะนี้จะต้องมีคนมากมายได้คะแนนเหนือเขาไปแล้ว

เมื่อคิดได้ดังนี้ เฉินเฉียงจึงได้ปล่อยกระแสจิตเพื่อตรวจสอบพื้นที่โดยรอบก่อนจะรีบพุ่งตรงไปข้างหน้า

เมื่อเขาได้ใช้ทักษะก้าวย่างสวรรค์ของเขานั้น เพียงย่างก้าวแรกเขาก็ทะยานไปกว่าพันแปดร้อยเมตร

และเมื่อนำมาผนวกใช้ร่วมกับการตรวจจับของกระแสจิตของเขาที่ตรวจจับได้กว่าพันห้าร้อยเมตรแล้ว นี่ทำให้ความเร็วในการค้นหาของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

เขานั้นไม่ได้สนใจสัตว์ประหลาดระดับนายพลขั้นต้นที่พบเจอระหว่างทางแม้แต่น้อย นั่นก็เพราะเขามุ่งเน้นที่จะหาสัตว์ประหลาดระดับนายพลขั้นกลางเป็นหลัก

ยังไงซะด้วยความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้แล้ว เขาสามารถฆ่าสัตว์ประหลาดระดับนายพลขั้นกลางได้อย่างง่ายดาย

“โอ๊ะ นั่นใครกันล่ะน้ออออ”

หลังจากเฉินเฉียงพึ่งจะสังหารสัตว์ประหลาดระดับนายพลขั้นกลางไปตัวหนึ่ง เมื่อเขาได้กระแสจิตตัวสอบอีกครั้ง เขาตรวจพบคนคุ้นเคยที่อยู่ห่างไปในระยะพันเมตร

คนคนนั้นคือศิษย์พี่ใหญ่ของเขา หลู่ฟาง

ในตอนที่เขาออกมาจากสำนักเต่าดำนั้น หลู่ฟางได้รับแต้มคะแนนจากเฉินเฉียงไปหลายหมื่นแต้ม และนั่นทำให้เขาเปิดจุดชีพจรลับไปได้ถึงสิบห้าจุดและกลายเป็นศิษย์ที่ทรงพลังที่สุดในสำนัก

แต่ในตอนนี้เขากลับพบว่าหลู่ฟางนั้นถูกสัตว์ประหลาดตนหนึ่งไล่ตามอย่างสุดกำลัง แม้หลู่ฟางจะทรงพลังมากแล้วก็ตาม