บทที่ 134 ความผิดร้ายแรงสามกระทงของอวี่อ๋อง!

ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD

“ยังอยากจะขัดขืนอยู่อีกหรือไม่”

“ภารกิจฉุกเฉินแนะนำ: เก็บผลตื่นรู้สามสายจากของวิเศษในโลงศพของจักรพรรดิ ผลไม้ระดับเจ็ดนี้มีลายสามสายอยู่บนพื้นผิว และส่งกลิ่นสามแบบออกมาในเวลาเดียวกัน นี่เป็นวัตถุดิบชั้นเลิศสำหรับการทำสุรา ระบบแนะนำให้ใช้ผลไม้นี้เป็นวัตถุดิบหลัก”

ปู้ฟางยืนอยู่ที่ทางเข้าประตูมายาสวรรค์ ปากก็กัดขนมปังหอยนางรมกรอบ หอยนางรมตัวใหญ่อ้วนผ่านเข้าไปในปาก จนชายหนุ่มแทบจะกลืนลิ้นตัวเองด้วยความอร่อย สุดท้ายแล้วเขาก็โยนขนมปังหอยนางรมชิ้นสุดท้ายเข้าปาก พร้อมกับที่เสียงของระบบประกาศขึ้นในจิตพอดี

ปู้ฟางชะงักไปชั่วขณะ เขาต้องเก็บของในโลงศพของจักรพรรดิมาเป็นของตนเช่นนั้นรึ ของที่ว่าก็คือผลตื่นรู้สามสายหรือนี่ ยิ่งไปกว่านั้นระบบยังแนะนำให้เอาไว้ใช้หมักสุราด้วย

การประกาศอย่างปุบปับของระบบเหนือความคาดหมายของชายหนุ่มเป็นอันมาก ดูเหมือนว่าระบบจะแนะนำให้เป็นภารกิจฉุกเฉิน

ข้อมูลที่เขาได้รับมาจากหนี่หยันบอกว่าลมหายใจมังกรนั้นใช้สมุนไพรกว่าร้อยชนิดในการปรุง ทั้งยังผ่านกรรมวิธีพิเศษในการหมักอีกด้วย แต่ละขั้นตอนลำบากเลือดตาแทบกระเด็น ส่วนวัตถุดิบที่ใช้ก็เลิศล้ำ จึงเทียบชั้นไม่ได้กับสุราธรรมดาแม้แต่น้อย หากปู้ฟางต้องการหมักสุราที่ยอดเยี่ยมกว่าลมหายใจมังกร เขาก็ต้องใช้วัตถุดิบและกรรมวิธีการหมักที่เหนือชั้นกว่า

หากปู้ฟางต้องไปตามล่าหาวัตถุดิบเอาเอง เขาคงไปต่อไม่ถูก การที่ระบบแนะนำมาให้เช่นนี้ถือว่าเป็นบุญของเขาแล้ว

“สมแล้วที่เป็นระบบซึ่งกำลังช่วยข้าให้เป็นพ่อครัวเทพ ทั้งละเอียดรอบคอบและสมบูรณ์แบบจริงๆ” ชายหนุ่มคิด

ปู้ฟางยิ้มเผล่ พร้อมกันนั้นเสียงมังกรคำรามก็ดังมาจากลานจัตุรัส ร่างมายาของมังกรเทพแทบจะบดบังท้องฟ้าเอาไว้เสียมิด จนเกือบเป็นสิ่งเดียวที่ชายหนุ่มมองเห็น

“ระบบ… ข้าต้องไปจริงๆ หรือ ดูเหมือนว่าข้างในนั้นจะอันตรายนะ” เขาถามระบบด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“พ่อหนุ่ม ในฐานะชายผู้หมายมั่นจะเป็นพ่อครัวเทพ ท่านจะแสดงความกลัวออกมาระหว่างการเก็บเกี่ยววัตถุดิบไม่ได้! เพื่อวัตถุดิบชั้นเลิศ ท่านต้องมุ่งหน้าต่อไปให้สุดขอบฟ้า!” ระบบให้กำลังใจเขาด้วยเสียงขรึม

ปู้ฟางจนด้วยคำพูด

“ไอ้พวกกบฏจากสำนักทุกตัวที่หลุดมาอยู่ในลานจัตุรัสมายาสวรรค์นี้…จะต้องตาย!”

เสียงน่าเกรงขามของจักรพรรดิสะท้อนก้องไปทั่วประตูมายาสวรรค์ ดังลั่นจนทุกคนในที่แห่งนั้นหูแทบดับ ราวกับอสนีบาตได้ฟาดลงมาจากฟากฟ้าแล้วระเบิดดังตูม

ร่างมายาของมังกรเทพเปิดปากพูดด้วยเสียงของจักรพรรดิองค์ก่อน

ซู้ด!

ทุกคนสูดลมเย็นเข้าปอด ใบหน้าดูไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย จักรพรรดิสวรรคตแล้ว ความจริงข้อนี้ทุกคนต่างรู้ดี แต่เขากลับใช้วิธีการเหนือความคาดหมายเพื่อกลับมาอีกครั้ง โดยเปลี่ยนจิตนึกคิดของตนให้กลายเป็นวิญญาณประจำวงแหวนปราณ ด้วยความช่วยเหลือของพลังลึกลับโบราณแห่งประตูมายาสวรรค์!

ในฐานะวิญญาณประจำวงแหวนปราณ จักรพรรดิถือการควบคุมอภิมหาวงแหวนปราณหายนะเศียรมังกรอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด!

หรือจะพูดให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือ อำนาจทำลายล้างของอภิมหาวงแหวนปราณหายนะเศียรมังกรอยู่ในมือเขา

ใบหน้าตกอกตกใจของเจ้ามู่เฉิงค่อยๆ เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มบาง “สมแล้วที่เป็นจักรพรรดิฉางเฟิ่ง ข้าประเมินเขาต่ำไปจริงๆ”

“แต่เขาคิดว่าจะทำลายผู้ฝึกตนจากสำนักมากมายให้ราบคาบโดยใช้เพียงอภิมหาวงแหวนปราณหายนะเศียรมังกร ด้วยสภาพที่เป็นเพียงเงาของร่างเดิมนี่น่ะรึ”

“ท่านพ่อ… นั่นท่านจริงๆ หรือขอรับ!” จีเฉิงเสวี่ยมองขึ้นไปบนฟ้า จ้องไปที่จีฉางเฟิ่งในรูปร่างมังกรเทพ เขารู้สึกประหลาดยิ่งนักเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังออกมาจากร่างมายา

“ข้าได้เลือกเจ้าเป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ต่อจากข้าแล้ว หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง” ร่างมายาของมังกรเทพพูดด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ ห่างเหินเย็นชาต่อสิ่งมีชีวิตน้อยใหญ่ในโลกมนุษย์

จีเฉิงเสวี่ยสูดหายใจเข้าลึกแล้วพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม

“ทำไมเล่า! ท่านพ่อ เหตุใดท่านจึงเลือกมัน!”

เสียงโกรธเกรี้ยวเต็มไปด้วยความขมขื่นดังขึ้นไม่ไกลออกไป ใบหน้าของอวี่อ๋องเปี่ยมด้วยความประสงค์ร้ายและความจงเกลียดจงชังรุนแรง ขณะตั้งคำถามต่อร่างมายาของมังกรเทพ

เขาไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะพยายามคิดอย่างไรก็ตาม จนทำให้เขายอมรับการตัดสินใจนี้ไม่ได้! บิดาของเขาใช้หลักเหตุผลใดในการเลือกจีเฉิงเสวี่ยเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์ ทั้งที่ตัวหมอนี่เองแทบจะหลุดออกจากวงโคจรของราชสำนักไปแล้ว

ใบหน้าขององค์ชายรัชทายาทก็ดูขมขื่นเช่นกัน แต่เขาไม่ได้เอ่ยถามอะไร หรือจะพูดให้ถูกก็คือเขาไม่กล้าถามมากกว่า จีฉางเฟิ่งในตอนนี้ไม่ใช่จีฉางเฟิ่งที่ป่วยหนักอีกต่อไป แต่เป็นจักรพรรดิที่เปลี่ยนไปเป็นมังกรเทพมายาผู้ทรงอำนาจ ภายในวงแหวนปราณนี้ เขาจะเอาชีวิตใครก็ได้เพียงแค่นึกคิดเท่านั้น

มังกรเทพขยับตัวในที่สุด ร่างยักษ์ของมันส่ายไหวไปมา แต่ละท่วงท่าทำให้เกิดเสียงเหมือนสายฟ้าฟาด เศียรมังกรขนาดยักษ์หันมา ดวงตาจ้องไปที่บุตรชายคนที่สองอย่างไร้ความรู้สึกแล้วเปิดปากพูด

“ข้าอนุญาตให้เจ้าตั้งคำถามกับการตัดสินใจของข้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”

เสียงทรงอำนาจที่โถมเข้ามานี้ทำให้อวี่อ๋องรู้สึกราวกับฤดูหนาวได้ทับโถมลงมาบนกาย รูม่านตาของเขาหดแคบ พลังกดดันกระแทกลงมาจากฟากฟ้า กดทับบดขยี้ลงบนตัวเขา บังคับให้ชายหนุ่มต้องคุกเข่าลงกับพื้นด้วยความจำนน

“สมรู้ร่วมคิดกับกบฏจากสำนักคืออาชญากรรมแรกของเจ้า ลบหลู่ดูหมิ่นเกียรติของข้าคืออาชญากรรมที่สองของเจ้า พยายามสังหารน้องชายของตนคืออาชญากรรมที่สามของเจ้า ความผิดร้ายแรงทั้งสามกระทงนี้จะถูกตัดสินโทษพร้อมกัน ข้าจะผนึกพลังปราณของเจ้าให้ใช้การไม่ได้อีก และยึดตำแหน่งอ๋องของเจ้าเสีย เจ้าจะต้องชดใช้กรรมที่ก่อเอาไว้ โดยการเฝ้าสุสานหลวงเป็นเวลาสามปีเต็ม ภายในสามปีนี้ เจ้าจะไม่มีวันได้ย่างกรายออกจากสุสานหลวงเป็นอันขาด” ร่างมายาของมังกรเทพพูดเสียงเรียบขณะลอยอยู่บนฟากฟ้า

อวี่อ๋องที่คุกเข่าอยู่บนพื้นตัวสั่นเทาทันที เขาเงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาอาฆาตพยาบาท จากนั้นก็คำรามก้องด้วยเสียงแห่งความพิโรธ “ทำไม!”

“อวี่อ๋อง!” สตรีนางหนึ่งจากสำนักสุขสามัคคีร้องขึ้นด้วยความตกใจ ไม่ไกลไปนั้น พลังปราณของหุนเชียนอวิ่นพลันสั่นสะท้าน เขาไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าแม้แต่น้อย

“ผนึกพลังปราณ ริบตำแหน่งราชา แล้วยังตัดสินให้เฝ้าสุสานหลวงเป็นเวลาสามปีรึ มันต่างอะไรกับการจองจำตรงไหน หากอวี่อ๋องถูกตัดสินโทษเช่นนี้จริง เขาคงจบเห่แน่แล้ว…”

เสียงคำรามอย่างโกรธแค้นของอวี่อ๋องสะท้อนก้องไปทั่วประตูมายาสวรรค์ เสียงของเขาแหบพร่าจนแทบเหือดหายไป ดวงตาแดงก่ำเป็นสีเลือด ด้วยอุปนิสัยของอวี่อ๋อง เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะยอมรับชะตากรรมนี้!

“โจมตี! ฆ่ามันให้หมด! สังหารไอ้มังกรเวรนี่เสีย! ข้าจีเฉิงอวี่ จะไม่ยอมรับชะตากรรมเช่นนั้นโดยเด็ดขาด!”

จีเฉิงอวี่เริ่มตะโกนอาละวาดเสียงดังก้อง บรรดาผู้ฝึกตนจากสำนักที่ยืนอยู่ไกลออกไปแสดงความลังเลออกมา

“หุนเชียนอวิ่น เจ้าลืมสิ่งที่ข้าสัญญาจะมอบให้ไปแล้วหรือ หากข้าไม่ได้เป็นจักรพรรดิ คำสัญญาที่ข้าบอกว่าจะมอบให้เจ้าจะไม่สำเร็จผลอย่างแน่นอน!” จีเฉิงอวี่ประกาศก้อง

ดวงตาของเหวยเซียงซื่อและหุนเชียนอวิ่น รวมถึงราชากระดูกที่เพิ่งลุกขึ้นจากพื้น เรืองแสงวาวโรจน์ทันที ทุกคนดูลังเล แต่สุดท้ายก็กัดฟันตัดสินใจครั้งใหญ่

ตูม ตูม ตูม!

เจ้าอเวจีปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง พร้อมด้วยพลังปราณที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมากของหุนเชียนอวิ่น

สตรีทั้งห้าสั่นกระพรวนสุขสามัคคีพร้อมกัน เพื่อสร้างวงแหวนปราณประหลาดพร้อมด้วยพลังน่ากลัวขึ้น

ส่วนราชากระดูกก็หัวเราะเสียงแหลมน่าขนลุกออกมา แล้วเปลี่ยนตนเองให้กลายเป็นโครงกระดูกน่าสยองขวัญอีกครั้ง

ทั้งสามฝ่ายมีพลังไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าขั้นนักพรตยุทธการแม้แต่น้อย ต่างพากันถีบตนเองขึ้นไปในอากาศ พุ่งเข้าหามังกรเทพ

เซียวเหมิงอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึก แม้แต่เขาเองยังรู้สึกว่าหากตนต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีจากทั้งสามฝ่ายพร้อมกัน คงบาดเจ็บปางตายแน่นอน

เพราะการโจมตีนี้เปรียบเสมือนการโจมตีของขั้นนักพรตยุทธการสามคน พลังที่รวมกันนั้นน่ากลัวเกินไป

เสียงมังกรคำรามดังไปทั่วท้องฟ้า ทุกคนรีบเอามือปิดหูทันที ลมพายุอุบัติขึ้น พร้อมด้วยกรงเล็บขนาดยักษ์ของมังกรทองที่ลดระดับลงมาจากฟากฟ้า

กรงเล็บของมังกรมีพลังกดดันมหาศาลจนน่ากลัว มันพุ่งตรงไปยังผู้ฝึกตนจากสำนักที่ผนึกกำลังกันอยู่

“พวกกบฏจากสำนัก ข้ายังไล่ไปไม่ถึงพวกเจ้าเลย… แต่กลับกล้าแทรกขึ้นมาเสียนี่ ถ้าเช่นนั้นก็ตายกันไปเสียให้หมด”

เสียงมังกรคำรามก้อง บรรดาสมาชิกจากสำนักถูกบดขยี้ลงกับพื้นด้วยกรงเล็บมังกร ประตูมายาสวรรค์สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงราวกับเกิดแผ่นดินไหว

หลังจากผ่านไปอีกสักพัก ฝุ่นตลบหนาก็เริ่มสลายหายไป เผยให้เห็นผลลัพธ์ของการต่อสู้เมื่อครู่

ทุกคนรวมถึงเจ้ามู่เฉิงเสียวสันหลังวาบทันที ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ ต่างพากันมองไปที่มังกรด้วยความหวาดกลัวจับขั้วหัวใจ

อวี่อ๋องเองก็ตกใจมากเช่นกัน ความหวาดกลัวฉายชัดในดวงตาของเขา

ร่างของผู้ฝึกตนจากสามสำนักนอกรีตถูกบดขยี้กลายเป็นเศษเนื้อด้วยกรงเล็บของมังกรเทพมายา… จนแทบจำไม่ได้เลยว่าใครเป็นใคร

ทั้งสาวงามทั้งห้าจากสำนักสุขสามัคคี หุนเชียนอวิ่น หัวหน้าผู้อาวุโสแห่งสำนักวิญญาณ และโครงกระดูกของราชากระดูก ต่างกลายเป็นเพียงเศษเนื้อไร้ค่าบนพื้นดิน

ดวงตาของมังกรเทพมายาสบลงที่จีเฉิงอวี่ ตามมาด้วยเสียงเรียบไร้ความรู้สึก

……………..