บทที่ 67

“ท่านฟีเรนเทีย…”

เอสทีร่าสวมกอดฟีเรนเทียไว้เสียแน่น

“ตอนได้รับสารของข้า คงจะตกใจมากเลยสินะ”

รอบนัยน์ตาที่ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นหลังจากไม่ได้พบหน้ากันเสียนาน เริ่มมีน้ำตาเอ่อคลอขึ้นมา

“เพราะอย่างนั้นถึงได้สั่งให้ข้าวิจัยยารักษาเทรนด์บลู…”

เอสทีร่าพึมพำเมื่อในที่สุดก็ตระหนักขึ้นมาได้ แต่ก็รีบปิดปากลงทันทีเมื่อเห็นสองพี่น้องลอรีลกับเครย์ลีบันยืนอยู่ข้างหลังเธอ

คงจะกังวลว่าคนอื่นจะมาล่วงรู้เรื่องราวภายในคฤหาสน์ที่แสนเข้มงวดสินะ

“ทักทายสิ เอสทีร่า”

เธอชี้ไปยังทั้งสองคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอในขณะที่เอ่ยแนะนำ

“คุณเครย์ลีบันกับลอรีลน่ะ”

“ยินดีที่ได้พบกันครั้งแรกค่ะ ข้าลอรีล ดิลลาร์ดค่ะ”

“อะ…เอสทีร่าค่ะ”

พอเห็นว่าลอรีลที่ถึงแม้จะเป็นผู้ดูแลนายหญิงของเธอ แต่ขนาดมองแค่ปราดเดียวยังให้ความรู้สึกดั่งคุณหนูตระกูลขุนนางถึงขนาดกล่าวทักทายตัวเองอย่างสุภาพอ่อนน้อม เอสทีร่าก็ถึงกับไม่รู้ว่าจะวางตัวยังไงดีและนางก็หันไปกล่าวทักทายเครย์ลีบัน

“ไม่ได้พบกันเสียนานเลยนะครับ คุณเอสทีร่า”

เอสทีร่าเองก็เคยอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ลอมบาร์เดียช่วงหนึ่งนางจึงพอจะคุ้นหน้าคุ้นตากับเครย์ลีบันอยู่บ้างแต่ก็รู้จักในฐานะอาจารย์สอนหนังสือของเธอเท่านั้น

ไม่ใช่ในฐานะคนของเธอ

“ไม่เป็นไร ต่อหน้าสองคนนี้ พูดตามสบายก็ได้”

“ค่ะ…”

ถึงแม้จะพยักหน้าตอบรับ แต่เอสทีร่าก็ยังคงรู้สึกกระอักกระอ่วนใจอยู่ดี

ดูจากที่นางยังคงลอบสังเกตสายตาของทั้งคู่อยู่เหมือนเคย

ฟีเรนเทียเดินนำเอสทีร่าไปยังห้องพักสำหรับแขกที่จัดเตรียมเอาไว้ให้นางก่อน

“ขะ…ข้าไม่จำเป็นต้องมีห้องหรูหราแบบนี้ก็ได้ค่ะ คุณหนู!”

“ไม่ได้หรอก เอสทีร่าเป็นแขกที่ข้าต้องคอยดูแลนะ และข้าก็เตรียมห้องวิจัยไว้ให้แล้วด้วย ตอนแรกก็ลังเลอยู่ว่าจะให้อยู่ใกล้ๆ กับห้องวิจัยของดอกเตอร์โอมัลลี่ดีมั้ย แต่ก็เปลี่ยนใจสร้างมันเสียในคฤหาสน์หลังรองนี่แทน คงใช้ได้นะ”

“ค่ะ…ขอบคุณค่ะ”

เอสทีร่ายังคงมองห้องพักสำหรับแขกที่ถูกตกแต่งอย่างหรูหราด้วยความไม่คุ้นเคยในขณะที่เอ่ยตอบ

“ข้าต้องการให้เอสทีร่าช่วยดูแลท่านพ่อในสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุด”

แววตาของเอสทีร่าเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ก่อนจะพยักหน้าแข็งขัน

ในที่สุดคำถามที่เธออยากถามมาโดยตลอดตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้พบเอสทีร่า ก็หลุดออกมาจากปากของเธอจนได้

“แล้ว…ขั้นตอนการวิจัยเป็นยังไงบ้าง”

ที่ผ่านมาพวกเราส่งจดหมายคุยกันบ้างเป็นครั้งคราว เธอเลยพอรู้ความคืบหน้าอย่างคร่าวๆ

ในสารสุดท้ายที่เอสทีร่าส่งมา เห็นว่ากำลังครุ่นคิดเรื่องอัตราส่วนของสมุนไพรหลายชนิดที่ใช้เป็นส่วนผสมอยู่

และหลังจากที่เอสทีร่าได้รับสารแจ้งเรื่องโรคของท่านพ่อ นางก็ส่งสารตอบกลับมาว่าจะออกเดินทางจากอะคาเดมีในทันที

หลังจากนั้นมาตลอดหนึ่งสัปดาห์เธอก็ได้แต่เฝ้ารอให้เอสทีร่าเดินทางกลับมาพร้อมกับยารักษา

“หลอมยามาด้วยหรือเปล่า”

เอสทีร่าเปิดกระเป๋าที่กอดไว้ด้วยความหวงแหน ค้นหาอะไรบางอย่างข้างในนั้นแทนคำตอบ

ช่วงเวลาที่ได้แต่ยืนกำหมัดแน่นเฝ้ารอคอย ฟีเรนเทียรู้สึกเหมือนมันยาวนานดั่งนิรันดร์

“อยู่นี่ค่ะ คุณหนู”

สิ่งที่เอสทีร่าส่งให้เธอคือ ขวดแก้วใบเล็กที่ใส่ของเหลวสีเขียวเข้ม

“นี่มัน…”

“ค่ะ มันเป็นยารักษาที่ได้ผลดีที่สุดในบรรดาส่วนผสมที่ข้าสกัดขึ้นมาน่ะค่ะ”

“เฮ้อ…”

เสียงถอนหายใจสั้นๆ ดังขึ้นพร้อมกับร่างกายของเธอที่โงนเงนเพราะทรงตัวไม่อยู่

“ท่านฟีเรนเทีย!”

“คุณหนู!”

หากไม่ใช่เพราะเครย์ลีบันที่ช่วยเข้ามารับเธอไว้ด้วยความตกใจ เธอคงจะล้มลงไปนั่งฟุบอยู่บนพื้นทั้งแบบนั้นแน่

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

เครย์ลีบันเอ่ยถามด้วยเสียงเปี่ยมไปด้วยความเป็นห่วง

เธอได้แต่พูดพึมพำ ไม่ได้คิดที่จะตอบเครย์ลีบันด้วยซ้ำ

“โล่งอกไปที…”

โล่งอกจริงๆ ที่มียารักษา

ฟีเรนเทียกลัวมาก

ยิ่งมันเป็นอนาคตที่เธอรู้อยู่แล้วก็ยิ่งกลัว

กลัวมากเหลือเกิน ว่าจะต้องเสียท่านพ่อไปด้วยโรคร้ายอีกครั้ง

“คุณหนู…”

ลอรีลช่วยลูบไหล่ของเธอที่สั่นเทาไม่หยุด

“มันยังไม่เสร็จสมบูรณ์หรอกนะคะ ต้องทดสอบกับท่านแคลอฮันดูก่อน ถึงจะทราบได้ค่ะ”

“ใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะเห็นผลน่ะ”

“ประมาณสองวันก็ทราบแล้วค่ะ”

“เจ้าคงจะเหนื่อย แต่ช่วยไปพบท่านพ่อตอนนี้เลยได้มั้ย”

“แน่นอนค่ะ คุณหนู”

เอสทีร่าตอบรับด้วยความยินดี ในขณะที่ถือยาและหนังสือไม่กี่เล่มพกติดมือไปด้วย