ตอนที่ 311 สองคนแย่งความรัก / ตอนที่ 312 ผู้ชายที่ปากกับใจไม่ตรงกัน

หวานรักจับหัวใจท่านประธาน

ตอนที่ 311 สองคนแย่งความรัก

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ยังทันได้พูดอะไร คุณครูที่อยู่ข้างๆ ก็ยิ้มรับพร้อมใบหน้าอิจฉา

 

 

“ไม่เป็นไรค่ะ ทั้งสองคนเดินทางปลอดภัยนะคะ”

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ “…”

 

 

เมื่อเห็นสีหน้าของคุณครู ถึงแม้ตอนนี้เธอบอกว่าพวกเขาไม่ใช่สามีภรรยากัน คุณครูก็คงจะไม่เชื่อแล้ว

 

 

แถมคุณครูใช้สายตา ‘มีสาทีที่ทั้งหล่อและรักคุณขนาดนี้ คุณต้องทะนุถนอมไว้ให้ดี’ มองเธออีก มองจนเธอจนลุกแล้ว

 

 

หญิงสาวจับมือของอวี๋เยว่หานวิ่ง

 

 

เมื่อวางไปถึงประตูรถ ถึงจะรู้ตัวว่าตนเองจับมือของเขามาตลอด จึงหดมือกลับอย่างเก้ๆ กังๆ

 

 

จากนั้นก็มุดเข้าไปในรถ

 

 

เมื่อขึ้นไปบนรถแล้ว เธอก็รับเสี่ยวลิ่วลิ่วไปเอง

 

 

ราวกับกอดเครื่องรางปกป้องตนเองเอาไว้ ให้ตายอย่างไรก็ไม่ปล่อยมือ

 

 

“คุณหนูไปโรงเรียนวันแรกไม่ร้องไห้เลย สุดยอดมากจริงๆ ครับ!” คนขับรถอยู่ข้างหน้า เขามองเสี่ยวลิ่วลิ่วพร้อมรอยยิ้ม อดชมไม่ได้

 

 

เมื่อได้ยินดังนั้น เหนียนเสี่ยวมู่ก็ก้มมองเจ้าก้อนข้าวเหนียวในอกครั้งหนึ่ง

 

 

ในมือของเด็กหญิงกำลังง่วนอยู่กับอะไรบ้างอย่าง จึงไม่พูดจาตลอดทาง

 

 

เมื่อครู่เหนียนเสี่ยวมู่สนใจแต่อวี๋เยว่หาน ตอนนี้เพิ่งเห็นว่าวันนี้เสี่ยวลิ่วลิ่วเงียบเป็นพิเศษ

 

 

ตั้งแต่รับเธอมา จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่พูดสักคำ

 

 

คงไม่ได้ถูกแกล้งที่โรงเรียนหรอกใช่ไหม

 

 

พอคิดถึงเรื่องนี้ เหนียนเสี่ยวมู่ก็เครียดขึ้นมาทันที!

 

 

ขณะกำลังจะพลิกร่างเล็กของเด็กหญิง เพื่อถามถึงเรื่องราวในโรงเรียนของวันนี้ ก็เห็นมือเล็กขาวนวดยื่นมาที่หน้าของเธออย่างกะทันหัน

 

 

แปะ มือนั้นแนบลงบนหน้าของเธอ

 

 

ทำเอาเธอตะลึงงันไป

 

 

จากนั้นเสี่ยวลิ่วลิ่วก็คลานออกจากในอกของเธอ ไปอยู่ข้างๆ อวี๋เยว่หาน แล้วยกมือขึ้นแนบหน้าของเขาครั้งหนึ่ง

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ไม่เห็นหน้าตนเอง แต่เห็นหน้าของเขา

 

 

เป็นสติกเกอร์ดอกไม้เล็กๆ สีแดงดอกหนึ่ง

 

 

มันน่ารักมาก แต่แอบไม่เข้ากับเขาอยู่บ้าง

 

 

มือของเหนียนเสี่ยวมู่ลูบบนใบหน้าของตนเอง ท่าทางจะเหมือนกับเขา

 

 

ใบหน้ารูปไข่สะสวยยิ้มแป้น

 

 

“คุณครูบอกว่า เสี่ยวลิ่วลิ่วเป็นเด็กดี เลยให้รางวัลเป็นดอกไม้สองดอก”

 

 

“…”

 

 

“คุณอวี๋หนึ่งดอก คุณนายอวี๋หนึ่งดอก!”

 

 

เมื่อเด็กหญิงพูดจบ เธอก็คลานไปมาระหว่างทั้งสองคนด้วยความตื่นเต้น เดี๋ยวลูบดอกไม้บนหน้าของเหนียนเสี่ยวมู่ เดี๋ยวลูบดอกไม้บนหน้าของอวี๋เยว่หาน

 

 

เล่นอย่างสนุกสนาน

 

 

โดยไม่ได้สังเกตเลยว่า เหนียนเสี่ยวมู่ตะลึงลานไปแล้ว

 

 

ผ่านไปนานแล้ว ก็ยังดึงสติกลับมาไม่ได้

 

 

คุณนายอวี๋อีกแล้ว…

 

 

เธอเงยหน้าชำเลืองมองชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ครั้งหนึ่ง

 

 

อวี๋เยว่หานนั่งพิงอยู่บนเบาะ ใบหน้าเย็นชาไม่มีความรู้สึกอะไร

 

 

แต่นัยน์ตาสีดำยังคงมองเสี่ยวลิ่วลิ่วด้วยความรักใคร่

 

 

ไม่ได้รีบร้อนแกะดอกไม้ที่ถูกแปะบนหน้าออกด้วย

 

 

ก่อนจะชำเลืองมองเธอ ราวกับได้ยินที่เสี่ยวลิ่วลิ่วเรียกว่า ‘คุณนายอวี๋’

 

 

แต่ก็ไม่ได้แก้ไขให้เสี่ยวลิ่วลิ่ว

 

 

กลับยื่นมือไปหยิกแก้มของเสี่ยวลิ่วลิ่ว ฟังเธอเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในการไปโรงเรียนวันแรกเสียงเจื้อยแจ้ว

 

 

“วันนี้มีเพื่อนเต็มไปหมด ตัวเล็กเหมือนเสี่ยวลิ่วลิ่ว…”

 

 

“คุณครูบอกว่าหนูเป็นเด็กอนุบาล ชั้นเรียนที่เด็กที่สุด…”

 

 

“ปาปา หนูคิดถึงปาปาจังเลย!”

 

 

เสี่ยวลิ่วลิ่วเอ่ยเสียงออดอ้อน

 

 

คำพูดนี้ปลอบโยนอวี๋เยว่หานจนต้องยอมจำนน

 

 

ก่อนชำเลืองเหนียนเสี่ยวมู่อย่างลำพองใจ

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ “…”

 

 

อ่อนหัด!

 

 

ไม่นานนัก เสี่ยวลิ่วลิ่วก็คลานกลับมาในอกของเหนียนเสี่ยวมู่ เด็กหญิงกอดคอเธอไว้ แล้วกระซิบเสียงเบา

 

 

“ชู่ว! เมื่อกี้แค่ปลอบใจปาปา คนที่เสี่ยวลิ่วลิ่วคิดถึงที่สุด คือพี่สาวคนสวยต่างหาก!”

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ “…”

 

 

เธอหันหน้าไป เห็นชายหนุ่มข้างๆ สีหน้าดำคล้ำไปตามที่คาดไว้!

 

 

 

 

ตอนที่ 312 ผู้ชายที่ปากกับใจไม่ตรงกัน

 

 

เมื่อกลับไปที่คฤหาสน์

 

 

สีหน้าของใครบางคนยังไม่ดีขึ้น

 

 

เสี่ยวลิ่วลิ่วเล่นอยู่ในสวนกับพ่อบ้าน ส่วนเหนียนเสี่ยวมู่ถูกเขาเรียกไปที่ห้องหนังสือ

 

 

เธอเติมตามหลังเขาไปอย่างระมัดระวังตลอดทาง กลัวอยู่ลึกๆ ว่าเขาจะถือโอกาสหยิกเธอให้ตายตอนที่ไม่มีคนอื่น เพราะความอิจฉา

 

 

“คนที่ผมส่งข่าวกลับมาแล้ว” อวี๋เยว่หานเดินไปถึงหน้าโต๊ะหนังสือ ก่อนจะเงยหน้าหล่อเหลาขึ้นเล็กน้อย

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ตะลึงไป แต่ก็ดึงสติกลับมาได้ทันที

 

 

เธอพุ่งไปข้างหน้า แขนทั้งสองข้างยันอยู่บนโต๊ะหนังสือของเขา

 

 

“หมายความว่า คุณติดต่อมิสเตอร์ลอมบาร์ดีได้แล้วเหรอ”

 

 

เร็วจัง…

 

 

คนคนนี้มีความสามารถมากแค่ไหนกันแน่ เป็นปริศนาจริงๆ

 

 

“อืม” อวี๋เยว่หานชำเลืองมองเธอครั้งหนึ่ง พอใจกับท่าทางที่เธอชื่นชมเขาอย่างมาก

 

 

ไม่เสียเปล่าที่เขาให้คนวิ่งวุ่นให้โดยเฉพาะ

 

 

อวี๋เยว่หานถอดเสื้อนอกโยนไปข้างๆ อย่างสบายๆ ก่อนจะยื่นมือไปเปิดคอมพิวเตอร์ และเปิดอีเมลที่ได้รับ

 

 

จากนั้นก็หมุนมันไปตรงหน้าเธอ

 

 

“คนในสตูดิโอของมิสเตอร์ลอมบาร์ดีอาหารเป็นพิษ เพราะกินบางอย่างพลาดไป เมื่อวานบ่ายก็เลยเข้าโรงพยาบาลกันยกทีม” อวี๋เยว่หานขยับริมฝีปากบาง นัยน์ตาสีดำปรากฏแววอันแปลกประหลาด

 

 

“อาหารเป็นพิษเหรอ…สาหัสไหม พวกมิสเตอร์ลอมบาร์ดีโอเคหรือเปล่า”

 

 

สีหน้าของเหนียนเสี่ยวมู่เปลี่ยนไปทันทีที่ได้ยินเขาพูด

 

 

“ผมก็รู้ว่ามิสเตอร์ลอมบาร์ดีไม่มีทางผิดสัญญาโดยไม่มีเหตุผล เขาเป็นคนที่รักษาสัญญามาก ถ้าไม่ได้เป็นหนักมากจริงๆ เขาคงติดต่อคุณมาแล้ว!”

 

 

“…”

 

 

อวี๋เยว่หานมองใบหน้าเล็กที่เต็มไปด้วยความกังวล นัยน์ตาสีดำพลันหยั่งลึก

 

 

ปฏิกิริยาแรกของเธอหลังจากที่ติดต่อมิสเตอร์ลอมบาร์ดีได้ เธอไม่ได้ถามไถ่ถึงแผนการ แต่เป็นห่วงมิสเตอร์ลอมบาร์ดีกับคนในสตูดิโอของเขา

 

 

เธอ…ไม่เหมือนใครจริงๆ

 

 

“คุณชาย ในเมื่อคุณสอบถามเรื่องที่มิสเตอร์ลอมบาร์ดีอาหารเป็นพิษมาได้ งั้นคุณสอบถามอาการของพวกเขาในตอนนี้มาด้วยได้ไหม”

 

 

เหนยีนเสี่ยวมู่ร้อนใจจนยื่นมือไปคว้าแขนของเขาเอาไว้

 

 

“อาหารเป็นพิษทั่วไป หลังจากล้างท้องแล้ว พักผ่อนอีกสักวัน โดยรวมก็กลับมาเป็นปกติได้แล้ว ไม่น่าจะขาดการติดต่อตลอด แต่จนถึงตอนนี้มิสเตอร์ลอมบาร์ดียังไม่ติดต่อพวกเรามาเลย ฉันเป็นห่วงว่าเขาจะอาการแย่กว่านั้น”

 

 

แถมอาหารเป็นพิษในครั้งนี้ยังกันทั้งสตูดิโอด้วย

 

 

แต่ถ้ามีใครสักคนตื่นแล้ว ก็ไม่น่าจะถึงขั้นไม่มีใครคิดติดต่อพวกเขาจนถึงตอนนี้

 

 

ทั้งสองฝ่ายเซ็นสัญญาร่วมกันอย่างเป็นทางการแล้วด้วย

 

 

แค่มูลค่าการผิดสัญญา ก็เป็นจำนวนที่ทำให้คนตกใจได้แล้ว!

 

 

“…”

 

 

อวี๋เยว่หานไม่ได้ตอบคำถามของเธอในทันที เขาหลุบตาลงเล็กน้อย พลางจ้องมองมือข้างที่เธอเกาะแขนของเขาเอาไว้

 

 

เธอเครียดมาก

 

 

มือที่คว้าเขาเอาไว้ออกแรงมากทีเดียว ราวกับเป็นเขาเป็นที่พึ่งพิง

 

 

ปลายนิ้วเหมือนมีกระแสไฟฟ้าระลอกหนึ่ง ค่อยๆ ส่งผ่านมาที่หัวใจของเขา ทำให้หัวใจของเขาเริ่มควบคุมไม่อยู่

 

 

เขาอยากจะลูบหัวของเธอ บอกเธอว่าไม่เป็นไร

 

 

อยากจะกอดเธอไว้ในอก ให้เธอไม่ต้องกังวลและหวาดกลัว

 

 

“คุณชาย? คุณชาย?”

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่รออยู่ตั้งนานแล้ว แต่ไม่ได้คำตอบของเขา จึงเงยหน้ามองเขาด้วยความสงสัย

 

 

เมื่อสังเหตเห็นสายตาของเขา เธอถึงพบว่าตนเองจับแขนเขาไม่ยอมปล่อยอยู่ตลอด จึงหดมือกลับไปอย่างเก้ๆ กังๆ ในทันที

 

 

“เอ่อ ฉันไม่ได้ตั้งใจเอาเปรียบคุณนะ เมื่อกี้ฉันร้อนใจเกินไปหน่อย”

 

 

“…”

 

 

นัยน์ตาของอวี๋เยว่หานพลันวูบไหว เมื่อบนแขนเบาลง เขากลับขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจนัก

 

 

ผ่านไปนานทีเดียว เขาถึงจะเอ่ยปาก

 

 

“ผมให้คนไปดูโรงพยาบาลที่มิสเตอร์ลอมบาร์ดีอยู่แล้ว อีกเดี๋ยวน่าจะมีข่าวมา” อวี๋เยว่หานพูดจบ ก็ดึงเก้าอี้มานั่งลง

 

 

มือของเขานวดหว่างคิ้วของตนเองอย่างไม่รู้ตัว

 

 

ก่อนจะเลิกคิ้วมองเธอ “ยังตะลึงอะไรอยู่ เข้ามาส่งดอกเบี้ยสิ”

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ “…”