ตอนที่ 245 สังหารในเสี้ยวพริบตา! + ตอนที่ 246 มังกรขึ้นน้ำลงสนาม!

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า

ตอนที่ 245 สังหารในเสี้ยวพริบตา!

เพียงเห็นคุณชายหลิ่วบนพื้นถูกบิดจนกลายเป็นลูกหนัง ร่างกายไม่รู้ว่าถูกหักพับเช่นไร แค่เห็นว่ามือเท้าล้วนบิดไปด้านหลัง แม้แต่คอยังถูกหมุนหันข้าง กระดูกทั่วร่างโค้งหดเข้าหากันราวกับโดนบดขยี้แตกเป็นชิ้นๆ

ไม่เพียงเช่นนี้ เส้นเอ็นในร่างกายยังชักกระตุก เส้นเอ็นสีเขียวแต่ละเส้นปูดขึ้น คางถูกดึงลงมา พูดอะไรไม่ออกทำได้เพียงตะโกนอาๆ พลางน้ำลายไหล

เห็นคุณชายหลิ่วที่ก่อนหน้านี้ยังคงฮึกเหิมลำพองมาอยู่ในสภาพเช่นนี้ คนอื่นๆ ต่างก็ตกใจ

หนุ่มน้อยชุดแดงผู้นี้ต้องการเป็นปรปักษ์กับตระกูลหลิ่วงั้นรึ? ถึงกล้าบดกระดูกคุณชายหลิ่วแหลกเป็นชิ้นๆ เสียจนมีสภาพตายทั้งเป็นเช่นนี้ นี่มัน หากคนของตระกูลหลิ่วเขามาเห็นเข้า จะโกรธสักเพียงใด?

ชายวัยกลางคนข้างๆ มองภาพเช่นนี้ ก็กลืนน้ำลายอย่างอดไม่ได้ ด้วยความหวาดหวั่นหัวใจ

ชายหนุ่มชุดแดงลงมือได้น่ากลัวเกินไปแล้ว!

ฆ่าคนแค่เล็งตรงหัว แต่เขากลับหักกระดูกทุกส่วนในร่างคุณชายตระกูลหลิ่วแตกสลาย ซ้ำยังไม่รู้ว่าใช้ท่ามืออะไรทำให้ร่างกายตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ แม้คุณชายหลิ่วยังมีชีวิต แต่สถานการณ์ตรงหน้ากลับตายทั้งเป็นเลยจริงๆ

กระดูกทั้งหมดแตกหัก เพียงเกรงว่าจะไม่มีทางคืนสภาพเดิม หากไม่อาจกลับคืนดังเดิมเขาก็เหมือนคนไร้ประโยชน์ สำหรับผู้ฝึกตนคนหนึ่งแล้ว หากกลายเป็นคนไร้ค่า จะเป็นเรื่องที่โหดร้ายเพียงใดกันนะ?

“เหล่าไป๋ พวกเราไปเถอะ” เฟิ่งจิ่วตบๆ ม้ามังกรที่คอยอยู่ข้างกาย ก่อนจะจากไป

ทว่า เธอในเวลานี้ คิดจะจากไปอย่างง่ายดายเช่นนั้นได้อย่างไร?

“คุณชาย เกรงว่าท่านจะจากไปทั้งแบบนี้ไม่ได้นะขอรับ”

ชายวัยกลางคนเอ่ยปากบอก มองคุณชายตระกูลหลิ่วที่ร่างชักกระตุกอยู่บนพื้น เอ่ยว่า “คนของจวนตระกูลหลิ่วยังไม่มา หากคุณชายไปแล้ว เกรงว่าพวกเรารับมือได้ยากยิ่งขอรับ”

ได้ยินเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วหยุดฝีเท้าลงกวาดมองเขา เลิกคิ้วขึ้นเบาๆ “พูดขนาดนี้ เจ้าคิดจะขวางข้ารึ?”

ชายวัยกลางคนผู้นั้นยังไม่ปริปาก ก็ได้ยินเสียงตะโกนโกรธเกรี้ยวลอยจากด้านนอกเข้ามาด้านใน น้ำเสียงนั้น แฝงด้วยแรงกดดันมหาศาล สะเทือนเสียจนทั้งสนามสั่นไหวไปสักพัก

“ใครกล้าทำร้ายลูกหลานตระกูลหลิ่วข้า!”

พอสิ้นสุดน้ำเสียงผู้อาวุโสชุดเทาก็พุ่งมาปรากฏตัวกลางพื้นสนามในชั่วพริบตา เมื่อเห็นคุณชายหลิ่วที่ร่างกายถูกบิดเบี้ยวนอนอยู่บนพื้น ก็โมโหโกรธาขึ้นมา แรงกดดันทั่วร่างและกลิ่นอายเยือกเย็นพลันปะทุออกมา

“เป็นใคร! ใครกล้าทำร้ายคนตระกูลหลิ่วข้า!”

เขาส่งเสียงดังลั่น แววตาดุร้ายคมกริบกวาดมองในสนาม หยุดลงบนร่างหนุ่มน้อยชุดแดง เพราะเขารู้จักชายวัยกลางคน นั่นเป็นผู้ดูแลหอเมฆาทรงเกียรติ เป็นไปไม่ได้ที่จะทำร้ายคนตระกูลหลิ่วพวกเขา เช่นนั้นก็เหลือเพียงหนุ่มน้อยชุดแดง!

เล็งเป้าหมายไว้มั่น ฝ่ามือเขากำหมัด กระแสลมที่ก่อตัวเป็นรูปกรงเล็บพลันโจมตีหาเฟิ่งจิ่ว บีบไปตรงบริเวณลำคอนั้น จิตสังหารรุนแรง ทำให้คนตกใจอกสั่นขวัญแขวน

ดวงตาที่หรี่ลงของเฟิ่งจิ่วที่หันหลังให้ผู้อาวุโสชุดเทาฉายแววเย็นชา ขยับมือเล็กน้อย มีดสั้นแหลมคมเล่มหนึ่งโผล่ขึ้นมาในฝ่ามือ เพียงเห็นเงาร่างสีแดงแวบผ่านไป มีดสั้นคมกริบพลันโจมตีปาดไปทางผู้อาวุโสชุดเทา

“ซี๊ด!”

เสียงสูดหายใจดังขึ้น ผู้อาวุโสชุดเทาผู้นั้นดึงมือกลับอย่างรวดเร็ว กุมบาดแผลที่ถูกฟันลึกตรงข้อมือ สายตาที่จับจ้องเฟิ่งจิ่วยิ่งหมองลง

“เจ้าเด็กไม่รู้ความ! กล้าเป็นศัตรูกับตระกูลหลิ่วข้า ข้าว่าเจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วกระมัง!”

เฟิ่งจิ่วยกริมฝีปากขึ้นยิ้ม รอยยิ้มกลับมาไม่ถึงดวงตา “เจ้าเฒ่าเอ๊ย ข้าว่าเจ้านั่นแหละที่อยากตาย!”

สิ้นสุดน้ำเสียง เงาร่างสีแดงพุ่งเข้าไปอย่างไม่ให้สัญญาณเตือน ความเร็วอันว่องไว ทำให้คนทั้งนอกในสนามเบิกตาโตอย่างตกตะลึง

“ฟิ้ว!”

น้ำเสียงดุร้ายตวัดผ่าน เลือดสดกระเซ็นออกมา เงาร่างหนึ่งก็ล้มลงไปตรงๆ เช่นนั้น จนถึงตาย ดวงตาคู่นั้นยังเบิกกว้างอย่างตื่นตระหนก คล้ายจะไม่ยอมตายไปเช่นนี้…

………………………………………………….

ตอนที่ 246 มังกรขึ้นน้ำลงสนาม!

ผัวะ!

ร่างกายล้มลงบนพื้นส่งเสียงดังรุนแรง คนนอกสนามตกใจเสียจนลุกพรึบยืนขึ้นทั้งสะดุ้งโหยง มองภาพในสนามนั้นอย่างเหลือเชื่อ

“สวรรค์! เขาฆ่าผู้อาวุโสสามตระกูลหลิ่ว!”

“เฮือก! นึกไม่ถึง นึกไม่ถึงเลยว่าจะฆ่าได้ในพริบตา!”

“ผู้อาวุโสสามตระกูลหลิ่วเป็นผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานช่วงที่สี่ ไม่นึก ไม่นึกเลยว่าจะถูกหนุ่มน้อยสังหารในหนึ่งกระบวนท่า?”

“นี่ หนุ่มน้อยนี่มีที่มาที่ไปยังไงกันแน่? หรือว่าวรยุทธ์เขาจะร้ายกาจกว่าผู้อาวุโสสามตระกูลหลิ่วงั้นรึ?”

“นี่มันเป็นเรื่องใหญ่นัก! เด็กหนุ่มนี่สร้างปัญหาใหญ่เสียแล้ว…”

เสียงจอแจวุ่นวายทำให้ทั้งสนามพลันอลหม่านขึ้นมา แต่ละคนต่างอุทานพูดคุยกันเสียงเบา แววตาหวาดกลัวล้วนจับจ้องบนร่างหนุ่มน้อยชุดแดงในสนาม ตกใจกับความใจกล้าป่าเถื่อน และยิ่งหวาดผวาในพละกำลังที่สามารถสังหารผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานได้เพียงชั่ววินาที!

ต้องรู้ไว้ ผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานไม่อาจเปรียบเทียบกับพวกผู้ฝึกตนระดับปรมาจารย์หรือยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณได้เลย เพราะนั่นเป็นผู้ฝึกตนที่ก้าวเข้าสู่หนทางแห่งการฝึกวิชาเซียน และมีอายุขัยถึงสองร้อยปี! เป็นผู้ฝึกเซียนที่กระทืบเท้าทีเดียวก็สามารถทำให้ปรมาจารย์และยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณต่างหมอบลงบนพื้นด้วยความเสียขวัญ!

ทว่าตอนนี้ ไม่นึกเลยว่าจะถูกหนุ่มน้อยชุดแดงคนหนึ่งสังหารดับภายในเสี้ยววิฯ…

ไม่เพียงคนในสนามที่ต่างตื่นตกใจ แม้แต่เจ้าเมืองฉางแห่งเมืองลิ่วเต้าก็ยังตาค้างเพราะความโหดเหี้ยมเด็ดขาดของหนุ่มน้อยชุดแดง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงภูตหมอตัวปลอมผู้นั้นที่ยืนอยู่ข้างกายท่านเจ้าเมืองและกำลังจ้องมองเฟิ่งจิ่วด้วยสายตาละโมบดังเดิม

“เด็กคนนี้ ต้องเป็นมังกรขึ้นน้ำลงสนามแน่นอน!”

หลังข้ามผ่านความประหลาดใจ ท่านเจ้าเมืองก็อุทานออกมา ส่ายหน้าพูดพลางมองไปทาง ‘ภูตหมอ’ ข้างๆ กัน “หนุ่มน้อยผู้นี้ เกรงว่าจะทำอะไรเขาไม่ได้”

เขาเป็นถึงเจ้าเมืองแห่งเมืองลิ่วเต้า อ่านคนมานับไม่ถ้วน จึงมองออกว่าความโหดเหี้ยมและเฉียบขาดของเด็กหนุ่มชุดแดงนั้นไม่ใช่ที่คนธรรมดาจะสามารถบ่มเพาะออกมาได้

ทั้งที่อีกฝ่ายรู้ดีว่าผู้อาวุโสท่านนั้นเป็นคนตระกูลหลิ่ว หนำซ้ำยังเป็นผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐาน แต่กล้าบอกว่าจะฆ่าก็ฆ่า แล้วยังฆ่าทันทีในเสี้ยววิฯ ต่อให้เป็นลูกหลานตระกูลชนชั้นสูงทั่วไปก็เป็นไปไม่ได้อย่างยิ่งที่จะมีท่าทางเช่นนั้น!

แน่นอนว่า ‘ภูตหมอ’ ผู้นั้นก็มองออก และไม่ต้องพูดถึงท่านเจ้าเมือง เขาตกตะลึงเพราะความโหดร้ายเพียงชั่วครู่ของเด็กหนุ่มชุดแดง แต่กลับกลายเป็นว่า ยิ่งเป็นเช่นนี้ ยิ่งได้มายาก ความหลงใหลในใจก็ยิ่งดำดิ่ง

เดิมทีสำหรับหนุ่มน้อยชุดแดงผู้นั้นเขาแค่เกิดความอยากรู้อยากเห็นในใจเพราะเห็นใบหน้าอันงดงามและท่าทางที่ไม่ธรรมดา แต่ยามนี้ กลับทำให้สนใจยิ่งขึ้นโดยสมบูรณ์

เฟิ่งจิ่วในสนามหรี่ตาลง กวาดมองผู้อาวุโสที่หมดลมหายใจไป สายตามองผ่านคุณชายหลิ่วที่ร่างบิดเบี้ยวเข้าหากันอยู่ข้างๆ แค่นเสียงหยัน เงยหน้ามองไปรอบๆ น้ำเสียงเย็นเยียบที่แฝงด้วยกลิ่นอายเยือกเย็นเปล่งออกมา

“ยังมีใครคิดจะขวางข้าออกไปอีกหรือไม่? อยากลองดีก็ก้าวออกมา!”

เมื่อน้ำเสียงอันหนาวเหน็บที่แฝงด้วยความดุดันและชัดเจนลอยเข้าหูผู้คนโดยรอบ แต่ละคนต่างมองเขาด้วยสีหน้าสับสน ไม่มีใครกล้าก้าวออกไปขัดขวางเขา

ช่างน่าขัน! แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานยังสามารถสังหารได้ในหนึ่งกระบวนท่า ให้พวกเขาเข้าไปขวาง? นั่นมันรนหาที่ตายชัดๆ ไม่ใช่หรือ?

ส่วนชายวัยกลางคนของหอเมฆาทรงเกียรติที่มองเฟิ่งจิ่วอยู่ เวลานี้ก็ไม่พูดอะไรอีก

นี่ไม่ใช่เรื่องที่หอเมฆาทรงเกียรติจะยื่นมือเข้าไปยุ่งได้ ทำร้ายคุณชายตระกูลหลิ่ว ซ้ำยังสังหารผู้อาวุโสสาม อีกไม่นานเรื่องนี้ก็จะกระจายไปยังตระกูลหลิ่ว ถึงเวลานั้น…

นึกถึงตรงนี้ ดวงตาเขาฉายแววเล็กน้อย เด็กหนุ่มผู้นี้ มีฝีมือเก่งกาจเพียงใดกันแน่? แล้วมีใครคอยหนุนหลังกันแน่? ถึงกล้าบอกว่าจะฆ่าท่านผู้อาวุโสตระกูลหลิ่วก็ฆ่าได้?

หรือว่าเขาจะไม่หวาดกลัวไฟโทสะของคนตระกูลหลิ่ว และไม่หวั่นเกรงว่าจะโดนตามมาเอาชีวิตเลยรึ?

………………………………………………….