ตอนที่ 224 แบงก์ร้อยหยวนสีแดงชาด
“เล่นเป็นค่ะ” เธอเหลือบมองไปที่โต๊ะที่ตอนนี้เต็มไปด้วยแบงก์ร้อยหยวนสีแดง ก่อนจะพูดว่า “แต่ฉันไม่มีเงินนะคะ”
“ง่ายนิดเดียว ถ้าชนะทุกอย่างนี่เป็นของเธอ แต่ถ้าแพ้……” สายตาของชายคนนั้นเหลือบมองไปที่เธออย่างไม่ตั้งใจและพูดว่า “คุณมีอย่างอื่นที่ต้องให้แทน”
“ได้ค่ะ!” เธอวางถาดในมือลง ก่อนจะเดินไปที่ด้านข้างของหานเซียวอย่างกล้าหาญและนั่งยอง ๆ ลง ก่อนจะพูดว่า “เล่นอะไรคะ?”
เมื่อครู่นี้เธอสังเกตเห็นเก้าอี้ที่ไม่มีคนนั่ง แต่อีกสองคนไม่คิดอยากแตะต้องเท่าไรนัก หานเซียวเป็นเป้าหมายแต่แรกของเธออยู่แล้ว และดูเหมือนเขาเองก็ไม่ใช่คนที่จะคิดลงมือตามใจชอบด้วย ซึ่งอย่างน้อยก็น่าจะปลอดภัยกว่าชายสองคนนั้นแน่ ๆ
“ไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ด?[1]” ชายทางขวายิ้มและยื่นข้อเสนอนี้ให้
“ได้ค่ะ” เธอตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
ควันที่อยู่ข้าง ๆ ค่อนข้างหนาแน่น ทำให้เธอกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ก่อนที่จะสำลักออกมาและเบือนหน้าหนีควันเพื่อสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ
ขณะที่เธอหันกลับมานั้น ซิการ์ที่อยู่ในมือของหานเซียวก็ได้ถูกวางไว้บนที่เขี่ยบุหรี่โปร่งใส ดูเหมือนเขาจะจัดการดับมันด้วยตัวเอง
แต่ก่อนตอนที่ตระกูลอันยังไม่ล่มสลายไปนั้น คุณแม่ของเธอมักจะมีเพื่อนมาเล่นที่บ้านเป็นประจำ บางครั้งก็ยังส่งคนไปให้เธอจัดการ และก็พบว่าเธอมีความสามารถ มีความสามารถเสียจนจัดการผู้คนได้อยู่หมัด และไม่เคยแพ้ให้กับใครทั้งสิ้น และหลังจากนั้นก็ไม่เคยให้เธอได้ลงสนามเพื่อเล่นด้วยอีกเลย
เมื่อเริ่มต้นเกมแรก เธอก็เป็นฝ่ายชนะเสียแล้ว
ชายทั้งสองคนมองไปที่เธอ ก่อนจะเอาเงินที่อยู่ด้านข้างยื่นให้กับเธอ ฝ่ายตรงข้ามเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟแท้ ๆ กลับมีความสามารถล้มไพ่และเอาชนะไปเสียได้ ระหว่างรอสับไพ่อยู่นั้น พนักงานก็ได้เริ่มแจกไพ่ให้กับพวกเขาอีกครั้ง
ภายในเกมที่สอง เธอก็เป็นฝ่ายชนะอีกครั้ง
“แม่หนู ทักษะเธอไม่เลวเลยนี่!” ชายที่อยู่ทางด้านขวาเหลือบมองมาที่ตัวเธอ มือขวาของเขานั้นกำลังโอบหญิงสาวที่ดูมีเสน่ห์ไว้อย่างแนบแน่น
“นิดหน่อยค่ะ” เธอยิ้มอย่างอ่อนหวานและถ่อมตน
เพียงแต่หลายเกมต่อมา ไม่ว่าจะเป็นเจ้ามือหรือจะเป็นผู้ท้าชิง เธอล้วนแล้วเป็นฝ่ายชนะทั้งสิ้น
เอาจริง ๆ เธอเองก็ไม่ได้เล่นมานานแล้ว แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังรู้สึกประหลาดใจเหมือนกัน
ในที่สุดหานเซียวก็ได้เอ่ยปากพูดเป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่เล่นมา แต่ก็มีเพียงสองคำที่เรียบง่ายพูดมาสั้น ๆ ว่า “เคยเรียน?”
“เปล่าค่ะ แค่โชคช่วยเท่านั้นเอง” เธอมองไปที่ไพ่ที่อยู่ในมือของเธอและคิดว่ามันดูไม่เลวจริง ๆ
เธอส่งไพ่ที่อยู่ในมือออกไปตรงหน้าของหานเซียวและพูดว่า “อยากจะลองดูหน่อยไหมคะ?”
ทั้งสองคนมองไปที่พวกเขา ราวกับว่าพวกเขารอการพ่ายแพ้ของเธอ แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้พวกเขาต้องประหลาดใจก็คือทันทีที่เขาเอื้อมมือไปเปิดไพ่ที่อยู่ในมือของเธอนั้นก็ถึงกับต้องผงะ
“ลูกพี่ พวกเราควรที่จะชนะได้แล้วนะ!”
“ใช่แล้ว! นี่เธอชนะติดต่อกันเยอะเกินไปแล้ว!”
“ก็ไม่แน่เสมอไปหรอก” หานเซียวย้ายไพ่ที่อยู่ตรงหน้าเธอออก ก่อนจะพ่นควันซิการ์ออกมา “เธอบอกมาสิว่าจะทำยังไง?”
วิธีเล่นแตกต่างแบบนี้เธอไปได้มาจากไหนกันแน่?
เธอเหลือบมองไปที่คู่ที่สามและสองที่อยู่ใกล้ ๆ ก่อนจะยื่นนิ้วที่ขาวผ่องออกมาและชี้นิ้วไปที่ไพ่ใบหนึ่ง “ตรงนี้”
ครั้งที่หานเซียวดึงไพ่หนึ่งในสามออกมา ทั้งสองคนนั้นก็ยิ้ม รอบที่หนึ่งหานเซียวแยกคู่เป็นสอง เมื่อถึงเวลาพวกเขาก็ลงไพ่ต่อไปอีก
ซึ่งในช่วงเวลานั้นไพ่ของเขาค่อนข้างดี ขอเพียงไม่เกิดอะไรที่วุ่นวายขึ้นก็ย่อมเป็นฝ่ายชนะ แต่แล้วภายใต้นิ้วที่เด็ดขาดและบงการของเธอ หานเซียวก็จะกลายเป็นฝ่ายชนะในเกมนี้
แต่เมื่อทั้งสองคนตะโกนออกมาไม่ให้เธอเป็นผู้สั่งการ ด้วยความสามารถของตัวเอง หานเซียวจึงค่อย ๆ สบตากับพวกเขาอย่างเย็นชาเพื่อบอกให้ทั้งสองคนสงบปากสงบคำและหยิบเงินออกมา
ช่วงเวลาระหว่างคิดออกไพ่ หานเซียวค่อย ๆ ยกน้ำผลไม้ที่อยู่ตรงหน้าขึ้นมาดื่ม เธอเองก็รีบหยิบกระดาษทิชชูมายื่นส่งให้กับเขาทันที
เขาเอื้อมมือไปรับมัน ก่อนจะเช็ดปากและพูดประโยคหนึ่งที่ทำให้ผู้คนต่างก็ตกใจ “เธอดูเหมือนคนคนหนึ่งนะ”
หัวใจของเธอเต้นเร็วมากขึ้น ก่อนหน้านั้นเธอกับเขาไม่เคยเจอกันมาก่อนอย่างแน่นอน อีกอย่างครั้งนี้หน้าของเธอก็แต่งแบบหนาจัด น่าจะไม่ใช่คนที่เขาคิดสิ แต่แม้เขาจะพูดจาแบบนี้ออกมา เธอเองก็ไม่ได้แสดงอาการแต่อย่างใด “ฉันศัลยกรรมมาทั่วใบหน้า เป็นไปเพราะคุณหมอศัลยกรรมให้เหมือน ๆ กัน ดูแล้วเหมือนใครเหรอคะ?”
“ท่าทีอารมณ์เองก็คล้ายกัน” ประโยคของหานเซียวที่เอ่ยขึ้นมาอีกนั้นทำให้เธอยิ่งประหลาดใจมากขึ้นกว่าเดิม
อารมณ์มันไม่ใช่สิ่งที่จะศัลยกรรมได้แต่อย่างใด
เธอมองไปที่ใบหน้าของเขาอย่างระมัดระวัง ชายที่อายุประมาณห้าสิบปี ภายใต้แสงสีน้ำเงินที่สาดส่อง ทำให้ใบหน้าของเขาที่เผยออกมานั้นดูดีไม่ใช่น้อย เพียงแต่ริ้วรอยที่มุมของตาและหน้าผากของเขาก็บ่งบอกได้ว่าเขานั้นไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว
ตั้งแต่เด็กที่คล้ายกับแม่ของเธอ ดูฉลาด สุขุม และดูงดงาม
หรือว่าพวกเขาจะรู้จักกันจริง ๆ
“ฉันแต่งหน้าค่ะ” เธอฝืนเผยรอยยิ้มออกมา ก่อนจะหยิบไพ่ที่อยู่บนโต๊ะและยื่นให้เขาตรงหน้า นิ้วมือของเธอนั้นดูสั่นเล็กน้อย
ถ้าหากเขารู้จักกับแม่ของเธอจริง ๆ ดูเหมือนว่าแม้กระทั่งเขาเองก็อาจจะไม่รู้ว่าเธอนั้นอยู่ที่ไหน ในปีนั้นเหตุการณ์ในครั้งนั้นเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างนั้นเหรอ
“อา…..” ทันใดนั้นร่างของหานเซียวก็กระตุกราวกับถูกคำสาป ตัวเขาร่วงหล่นลงจากโซฟา มือที่ถือไพ่อยู่นั้นกระจัดกระจายไปทั่ว มือซ้ายกุมที่หน้าอกของตัวเองด้วยท่าทีเกร็งไปทั่วทั้งตัว
“ยา ยา…….” ตัวของเขากระตุกขึ้น ภายในห้องส่วนตัวจึงวุ่นวายขึ้นมาทันที ผู้หญิงคนอื่น ๆ ต่างก็กรีดร้องออกมา
“ยา!” เธอหันมองไปที่ชายสองคนที่เหลือและพูดว่า “พวกคุณไม่มีเหรอคะ?”
เธอไม่ได้สนใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนจะนั่งยอง ๆ พลางคลำไปทั่วทั้งตัวของเขา ปกติคนทั่วไปแล้ว คนที่เป็นโรคหัวใจมักจะพกยาติดตัวไว้เสมออยู่แล้ว
มือของเธอสัมผัสไปตรงเสื้อผ้าของเขา ไม่ช้าผมของเธอก็ถูกคนด้านหลังดึงไว้ ส่งผลให้ตัวเธอนั้นเซถอยไปที่ด้านหลังทันที
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเธอคิดจะพยายามเข้าใจถึงเหตุการณ์ปัจจุบันนั้น ถึงแม้ว่าตัวของเขาจะมียาอยู่จริง ๆ นั่นก็อาจจะไม่ใช่ความจริงเสมอไป ซึ่งปกติแล้วเขาก็ต้องกินมันเข้าปากไปตั้งนานแล้ว
ทำไมถึงได้โชคร้ายถึงขนาดนี้ พอคิดจะเข้ามาสู้จริง ๆ ถึงในรังเช่นนี้ เรื่องแย่งชิงอำนาจก็ดูร้ายแรงขึ้นขนาดนั้นเลยเหรอ? หรือทุกอย่างจะเป็นเพราะน้ำผลไม้แก้วนั้นจริง ๆ?
เธอเอามือกุมไปที่หัวของตัวเองด้วยความเจ็บก่อนจะมองดูแก้วน้ำผลไม้บนโต๊ะ และคิดว่ามันต้องมีปัญหาแน่ ๆ
“คนอื่นต่างก็รู้ดีว่าต้องหนี แต่คุณกลับโง่ที่จะอยู่ต่อ ทำไมขาดคนชุบเลี้ยงหรือยังไง? เขาเป็นแค่คนแก่ที่ขี้เหร่คนหนึ่ง เธอไม่สู้ติดตามพี่ชายฉันไปเหรอ?” ชายร่างผอมก้มหัวต่ำลงและยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ เธอ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความทุกข์ระทม
เธอยิ้มบาง ๆ ก่อนจะขยับเท้าขวาออกและพลิกตัวขึ้นเล็กน้อย พลางลุกขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็วและวิ่งหนีออกจากที่นั่นอย่างรวดเร็ว
ชายคนนั้นรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก แต่ก็รีบลุกขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็วและวิ่งตามเธอไป ส่วนชายอีกคนที่รวดเร็วกว่านั้นมากนักก็ได้จับตัวเธอไว้และพูดขึ้น “จะวิ่งหนีเพื่อ?”
รอยยิ้มบนหน้าของเธอยิ่งเพิ่มมากขึ้น ในความเป็นจริงแล้วเธอรู้สึกประหม่าไม่ใช่น้อย กว่าจะได้เบาะแสอะไรมันช่างยากเย็นเสียจริง ๆ และเบาะแสนั้นกำลังจะถูกตัดขาดลงไปต่อหน้าของเธอ
“ฉันแค่คิดอยากปกป้องตัวเอง พวกคุณจะเป็นอะไรหรือยังไงฉันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรทั้งนั้น” เธอเอียงศีรษะเล็กน้อยเพื่อมองไปยังหานเซียวที่ตอนนี้กำลังนอนอยู่บนพื้นพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้าง ก่อนจะเอ่ยปากพูดว่า “เขาฟื้นแล้ว!”
ทั้งสองคนรีบเดินเข้าไปหาหานเซียวในทันที เธอจึงรีบเปิดประตูออกไป แต่ขณะที่เปิดประตูนั้นเอง บอดี้การ์ดที่อยู่ตรงประตูก็หายไปแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมตอนคนออกมากันเยอะขนาดนั้นถึงไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรตอบกลับแต่อย่างใด
เธอไม่ได้ขึ้นบันได แต่กลับเปิดประตูไปที่ห้องข้าง ๆ ทันที เธอรีบสวมเสื้อผ้าของบริกรอย่างใจเย็นและทำท่าเก็บกวาดโต๊ะ โดยไม่ทำท่าทีน่าสงสัยแต่อย่างใด
มีกล้องวงจรปิดอยู่บริเวณทางเดิน เธอรู้สึกว่าถ้าเธอปรากฏตัวออกไปละก็ มีแต่จะถูกจับทั้งเป็นได้แน่ ไม่ว่าจะเป็นแก้วใหญ่แก้วเล็กต่างก็มีลายนิ้วมือของเธออยู่ ถ้าหากทั้งสองคนนั้นเข้าไปรายงานและอธิบายให้กับพี่ชายของพวกเขาฟังละก็ เธอจะกลายเป็นแพะรับบาปขึ้นมาทันที
แต่เมื่อได้ยินเสียงประตูที่ห้องข้าง ๆ เธอก็ทำท่าหยิบกระดาษออกมาสองสามแผ่นและเดินกลับเข้าไปในห้องอย่างใจกล้า เพื่อที่จะเช็ดลายนิ้วมือของเธอออกจากแก้วอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงเดินออกจากห้องไปทันที
หลังจากที่เธอลงลิฟต์มาและเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็รีบเดินไปที่ล็อบบี้ ก่อนจะเดินออกจากประตูด้วยท่าทีที่มั่นใจ
แต่เมื่อออกมาจากประตู เธอก็ได้เหลือบเห็นชายสองคนนั้นที่อีกคนกำลังมองไปรอบ ๆ ส่วนอีกคนกำลังคุยโทรศัพท์อยู่
เธอแสร้งเดินเข้าไปที่ข้างรถสีดำคันหนึ่งอย่างใจเย็น ก่อนจะโน้มตัวลงและเคาะที่หน้าต่างรถและพูดขึ้นว่า “พี่ชายสุดหล่อ ขอติดรถไปด้วยได้ไหม?”
กระจกหน้าต่างค่อย ๆ ลดลง ก่อนที่เธอจะเห็นใบหน้าที่ดูหล่อเหลาและใบหน้าที่ดูคล้ายกับว่าคุ้นเคยเล็กน้อย ราวกับว่าเธอนั้นเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
[1] ไพ่พิชิตแลนลอร์ด เป็นเกมไพ่ที่นิยมอย่างมากในประเทศจีน เกมจะถูกแบ่งเป็นผู้เล่นสองฝ่าย หนึ่งคือเจ้าของที่ดิน อีกสองคนคือชาวนา และชาวนาสองคนต้องหาวิธีเอาชนะเจ้าของที่ดินให้ได้ โดยเจ้าของที่ดินจะมีสิทธิ์ได้ออกไพ่ก่อน และได้ไพ่มากกว่าชาวนาสามใบ ไม่ว่าผู้เล่นจะเป็นชาวนาหรือเจ้าของที่ดิน ฝ่ายไหนที่ไพ่หมดมือก่อนก็จะเป็นฝ่ายชนะ