สิ้นเสียง พวกชาวบ้านอึ้งไป
อู้หมิงเห็นทุกคนเงียบก็คิดว่าในที่สุดตนก็ชนะ รอแค่ฟางเจิ้งตอบ แล้วอาศัยจังหวะลงมือกดอยู่เหนืออีกฝ่าย!
ทว่า…
“อู้หมิง นายเป็นบ้าอะไร? ทำไมพูดอะไรแบบนั้น?”
“พวกเราเห็นฟางเจิ้งมาตั้งแต่เล็ก คิดว่าพวกเราไม่รู้ว่าเขาเป็นเด็กแบบไหนเหรอ?”
“ไอ้ลาหัวล้าน ไม่ชอบหน้าแกมานานละ ไอ้สารเลว!”
“อู้หมิง ไสหัวไปไอ้สารเลว ที่นี่คือวัด ไม่อย่างนั้นล่ะก็คงกระทืบแกพิการไปแล้ว!” ซ่งเอ้อโก่วกล่าว
ถานหย่งก็เอ่ยเช่นกัน “คนอื่นเป็นยังไงฉันไม่กล้าพูดหรอกนะ แต่เทียบกับนายแล้ว ฉันเชื่อฟางเจิ้งมากกว่า!”
ถานหมิงเสริมด้วย “ใช่ ฉันเคยเห็นหลวงจีนปลอมมาเยอะแล้ว ฉันว่านะนายไม่ใช่คนดีหรอก! แถมยังมาใส่ร้ายฟางเจิ้งอีก? นายหัดดูตัวเองซะบ้างว่าน่าระอาแค่ไหน!”
อู้หมิงพลันอึ้งไป คิดคำนวณอย่างหนัก แต่ลืมความสัมพันธ์ระหว่างฟางเจิ้งกับพวกชาวบ้านไป! นี่ไม่ใช่ญาติโยมธรรมดา นี่คือญาติพี่น้องของฟางเจิ้ง!
ประโยคเดียวจุดถังดินปืน อู้หมิงสำนึกเสียใจแล้ว! น่าเสียดายไม่มียาสำนึกเสียใจให้กิน ทว่าจะจบสิ้นแล้วก็ยังดิ้นรน “ไร้ปัญญา! พวกโยมจะต้องเสียใจ!”
ทุกคนจะด่าทอต่อ ทว่าฟางเจิ้งประนมสองมือกล่าวเสียงก้อง “อมิตาพุทธ พวกโยมใจเย็นลงก่อน อาตมาบอกว่าธูปดอกแรกไม่สำคัญ หลวงพี่อู้หมิงบอกว่าสำคัญ จริงๆ แล้วเรื่องนี้ง่าย ให้อาจารย์ของหลวงพี่อู้หมิงออกมาพูดสิ ก็จะรู้ทุกอย่างเอง! อาตมาก็เคยได้ยินชื่อเสียงโด่งดังของหลวงจีนหงเหยียนมาก่อน เขาเป็นพระอาจารย์ อาตมาเชื่อว่าหลวงจีนหงเหยียนจะให้คำตอบที่พอใจกับทุกคน”
“อาจารย์อายุเยอะแล้ว ไม่สะดวกจะขึ้นเขา พวกโยมจะเชื่อก็เชื่อ ไม่เชื่อก็ช่างเถอะ! อาตมาแค่อยากทำความดี สั่งสมบุญกุศล ในเมื่อพวกโยมไม่เชื่อก็ช่าง!” พูดจบอู้หมิงผลักกลุ่มคนออก รีบเดินลงเขาไป
“ชิ!” ทุกคนไม่ใช่คนโง่ อู้หมิงจากไปอย่างเหงาหงอยแบบนี้ เห็นได้ชัดว่ากลัวจะถูกจับได้ว่าโกหก ตอนนี้เองมีคนมากมายส่งนิ้วกลางให้!
อู้หมิงรู้สึกไม่ปลอดภัย จึงรีบเดินเร็วกว่าเดิม ทว่าไม่ระวังเหยียบบนน้ำแข็งลื่นล้มกับพื้น ทุกคนหัวเราะเสียงดัง เขายิ่งอยู่ในสภาพย่ำแย่ไปใหญ่…
ในกลุ่มคน เฉินจินเห็นดังนั้นก็ถอนหายใจ ไม่ได้พูดอะไร เขารู้ว่าอู้หมิงจบสิ้นแล้ว อย่างน้อยหมู่บ้านเอกดรรชนีก็ไม่มีที่ให้เขาพูดแล้ว ส่วนเฉินจินเองก็เข้าใจแล้วว่าอู้หมิงไม่ใช่คนดีอะไร ทว่าไม่มีอู้หมิง เขาจะหารายได้พิเศษยังไง? ตัดช่องทางรวยเรียบร้อย ฉะนั้นเฉินจินจึงยังไม่ชอบฟางเจิ้ง! พอนึกถึงว่าก่อนหน้านี้มาขอโจ๊กล่าปาแล้วถูกปฏิเสธ เขากับอู้หมิงขายหน้าเหมือนกันเลย!
ในใจเฉินจินมีความแค้น แต่ก็รู้ว่าตอนนี้ไม่เหมาะจะเผยออกมา ส่วนจะให้ลงเขาตอนนี้? บอกคนอื่นไปแล้วไม่ใช่หรือว่าเขากับอู้หมิงมาด้วยกัน? เขาไม่อยากขายหน้าอีก ดังนั้นเลยตามกลุ่มคนไปอย่างสงบ คิดว่าจะตามเข้าไปจุดธูป จากนั้นกลับบ้านพร้อมกัน พอนึกถึงซูหงภรรยาที่บ้านและยังมีลูกที่รีบกลับมาช่วงปลายปีกับหลานชาย ในใจจึงเกิดความอบอุ่น
อู้หมิงไปแล้ว แต่ฟางเจิ้งก็ยังปวดหัวอยู่เล็กน้อย แม้พุทธศาสนาจะบอกว่าธูปดอกแรกคือธูปดอกแรกของทุกคนก็ตาม ทว่าทุกวัด ธูปดอกแรกของปีใหม่เป็นการยอมรับอย่างหนึ่งของชาวบ้าน! โดยเฉพาะคนจีน ผูกใจกับคำว่าอันดับหนึ่งลุ่มลึกมาก จึงจัดการยากมาก
ตอนนี้เอง ใต้ภูเขาไกลออกไปพลันมีเสียงประทัดดังขึ้น ได้ยินเสียงคนโห่ร้องรางๆ เสียงประทัดดังขนาดนี้ หมายความว่าปีใหม่มาถึงแล้ว!
แต่แม้พวกชาวบ้านจะเชื่อฟางเจิ้ง ทว่าก็ยังกระตือรือร้นอยากลอง
ฟางเจิ้งปิ๊งความคิดขึ้นมา หมุนตัวกลับไหว้อุโบสถ “นักบวชฟางเจิ้ง พาชาวบ้านภูเขาเอกดรรชนีใต้ภูเขามาไหว้พระโพธิสัตว์ด้วยความเคารพ!”
พูดจบฟางเจิ้งเดินเข้าไปหยิบธูปธรรมดามาดอกหนึ่ง จุดไฟสะบัดไปมา แล้วปักไว้บนกระถางธูป!
ทุกคนเห็นฟางเจิ้งเอาธูปดอกแรกไปไหว้แล้วก็มองหน้ากัน จากนั้นคิดเหมือนแบบนี้ก็ไม่มีอะไรเสียหาย อีกฝ่ายเป็นเจ้าอาวาสวัด ไปจุดธูปก็สมเหตุผล…
ไม่มีธูปดอกแรกแล้ว ทุกคนเลยผ่อนคลายลงมาก แต่ละคนเรียงแถวเข้าไปจุดธูปขอพร
ฟางเจิ้งมองอุโบสถที่ครึกครื้นพลางรู้สึกภูมิใจเล็กน้อย แต่ก็มีความกลุ้มใจมากกว่า “ระบบ พระแม่กวนอิมปางประทานบุตรองค์เดียวไม่พอจริงๆ! มีผลกระทบถึงการพัฒนาวัดอย่างหนักเลย!”
“ติ๊ง ดังนั้นนายจะต้องพยายามแล้วล่ะ”
“ให้คำแนะนำที่สร้างสรรค์หน่อยได้ไหม?” ฟางเจิ้งถาม
“ได้!”
“พูดมา”
“นายจะต้องพยายาม!”
ฟางเจิ้ง “2Y@)”
อุโบสถคึกคักถึงประมาณตีสองก็จบลง ทุกคนเข้าไปจุดธูปแล้ว เด็กวิ่งเล่น คนชรายิ้ม คุยกันอยู่ทุกที่ แต่ฟางเจิ้งแทบจะยิ้มหยีตา เขาเห็นชัดเจนว่าอาจเป็นเพราะปีใหม่ทุกคนจึงใจกว้างมาก! ครั้งนี้จุดธูปชั้นดีกันหมด! แม้ระบบจะเก็บรายได้ฟางเจิ้งไปครึ่งหนึ่ง แต่รายได้ก็ยังมากพอดูทีเดียว!
การขยายวัดเข้าใกล้มาอีกแล้ว!
ขณะที่ฟางเจิ้งกำลังแอบยิ้มอยู่นั้น…
“ทำไมตีนเขาถึงเป็นสีแดงล่ะ?” มีคนพลันถามขึ้น
พอเข้าไปดูใกล้ๆ หน้าผา ก็ได้ยินเสียงคนตะโกน “แย่แล้ว หมู่บ้านไฟไหม้! รีบดับไฟเร็ว!”
พวกหวังโอ้วกุ้ย ถานจวี่กั๋วร้อนรนโดยพลัน วิ่งไปมองข้างล่างตรงหน้าผา ไฟไหม้จริงๆ หวังโอ้วกุ้ยจึงรีบให้หยางผิงแจ้งรถดับเพลิง ส่วนตนร้องเรียก “พวกผู้ใหญ่ตามฉันลงเขา ช่วยกันดับไฟ”
ตอนนี้เองชายหญิงวัยผู้ใหญ่วิ่งลงเขาไป
ฟางเจิ้งได้ยินข้างนอกเกิดความวุ่นวายเหมือนว่าจะไฟไหม้เลยออกมาดูสถานการณ์ ยืนมองอยู่ตรงริมหน้าผา ไม่รู้ว่ากองฟางบ้านใครตรงตีนเขาไฟไหม้! แม้หน้าหนาวจะมีหิมะ แต่หิมะไม่ใช่ฝน ด้วยสภาพอากาศกับวัตถุแห้งๆ แถมยังมีลมแรง ไฟจึงลุกลามเร็วมาก! แปปเดียวก็ลุกไหม้ถึงบ้าน หน้าหลังติดไฟพร้อมกัน…
เฉินจินข้างหลังเห็นทุกคนร้อนรนก็กล่าวอย่างมีเจตนาไม่ดี “หึหึ ปีใหม่ไม่อยู่บ้าน เป็นไงล่ะไฟไหม้เลย? ภูเขาสูงขนาดนี้ต่อให้ลงไปก็ไหม้จนหมดแล้ว…”
ตอนนี้เองมือถือเฉินจินดังขึ้น
เฉินจินหยิบขึ้นมาดู เป็นซูหงภรรยาเขาโทรมา พอรับสายก็พูดทันที ไม่รอให้ปลายสายพูด “ในหมู่บ้านเหมือนจะไฟไหม้นะ เมฆหมอกหนามองเห็นไม่ชัด คุณระวังด้วยล่ะ”
“ช่วยด้วย! บ้านเราไฟไหม้ ออกไปไม่ได้!” เสียงร้องของซูหงจากปลายสายดังเข้ามา
เฉินจินอึ้ง ร้องเสียงดัง “บ้านฉัน! บ้านฉัน! บ้านฉัน!”
เฉินจินวิ่งลงเขา…ตอนนี้เขาไม่เยาะเย้ยแล้ว ล้มลุกคลุกคลานตลอดทาง ใช้ขาไม่ได้แล้ว มือถือก็โยนทิ้งไปแล้ว
ฟางเจิ้งหยิบมือถือขึ้นมาก็ได้ยินเสียงร้องด้วยความตกใจจากปลายสาย รวมถึงเสียงเปลวไฟดังเปาะแปะ เสียงร้องไห้ของเด็ก เสียงร้องของผู้หญิงดังไม่ขาดสาย…แย่แล้ว จะมีคนเสียชีวิต!
เดิมทีฟางเจิ้งคิดว่าชาวบ้านขึ้นเขามากันหมดเลยไม่น่าเป็นห่วง แต่ตอนนี้ไม่ใช่แบบนั้นแล้ว! มีคนถูกขัง!
คิดได้ดังนั้นฟางเจิ้งก็ร้อนใจ ทว่าจะวิ่งลงเขาก็ไม่ทันกาลแล้ว!
……………………