บทที่ 142 จดหมายโบราณ
เอ่อ ความร่วมมือ? เอากลับมาพูดตอนนี้เนี่ยนะ? ยัยนี่ก็แค่มองหาโอกาสที่จะทำให้เราอับอายอีกครั้งล่ะสิ?
“ฉันได้ดูข้อเสนอเหล่านั้นแล้ว และฉันเห็นด้วยอย่างยิ่ง” เธอพูดอย่างเย็นชา
“… คุณชาร์ล็อต คุณเห็นด้วยงั้นเหรอ?”
“ถูกต้อง ฉันได้พิจารณาข้อเสนออย่างรอบคอบแล้วก่อนที่จะมาที่นี่ และเชื่อว่าข้อเสนอนี้เป็นผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างตระกูลทั้งสองของเรา ฉันมีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจเกี่ยวกับมันในตอนนี้”
“ฉันเข้าใจดี… ขอขอบคุณในนามของเขตการปกครองแอสคาร์ด พวกเราคาดหวังผลตอบแทนที่ดีในการร่วมงานกับสมาคมพ่อค้าโซโรฟยา คุณสามารถส่งผู้เจรจาของคุณมาเมื่อใดก็ได้ตามที่สะดวก เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดของสัญญากับฝ่ายกฎหมายของเรา”
สีหน้าของโรเอลผ่อนคลายลงเล็กน้อยหลังจากที่ได้ยินชาร์ล็อตเห็นด้วยกับข้อเสนอความร่วมมือ เมื่อเห็นสิ่งนี้ชาร์ล็อตก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อข้อตกลงทางธุรกิจคลี่คลาย บรรยากาศระหว่างพวกเขาก็ดีขึ้นเล็กน้อย
“คุณโรเอล ฉันรู้สึกเสียใจอย่างมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อบ่ายวันนี้ อย่างไรก็ตามหลังจากไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้ว ฉันยังคงต้องการยกเลิกการหมั้นของเรา ฉันขอทราบความคิดของคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ไหม?”
“นี่… ขอโทษนะ แต่ฉันคิดว่าเรื่องนั้นมันยังกะทันหันเกินไป…”
โรเอลมองไปที่เหนือหัวของชาร์ล็อต ซึ่งไม่เคยเปลี่ยนเป็นสีเขียวเลยแม้แต่ครั้งเดียวตลอดทั้งวันตั้งแต่พบกัน และเขารู้สึกลังเลเล็กน้อยที่จะปล่อยเธอไปแบบนั้น ทว่าชาร์ล็อตตีความทัศนคติที่ลังเลใจของเขาแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง
“300,000 เหรียญทอง”
“หา?”
“ฉันยินดีที่จะชดเชยให้ตระกูลแอสคาร์ด 300,000 เหรียญทองสำหรับการเพิกถอนสัญญาหมั้นหมายในครั้งนี้”
“…”
ทันทีที่โรเอลได้ยินข้อเสนออันเอื้อเฟื้อจากเด็กสาวผู้มั่งคั่งของตระกูลโซโรฟยา ร่างกายของเขาก็แข็งทื่อทันที เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อได้กลิ่นของโอกาส
มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับโรเอลที่จะได้รับแต้มความสนใจจากชาร์ล็อตอีก แต่อย่างน้อย ๆ เด็กชายก็สามารถรีดเงินบางส่วนมาจากตระกูลโซโรฟยาอันร่ำรวยได้ นี่เป็นข้อตกลงสำหรับเธอที่จะได้อิสรภาพกลับคืนมา เงินเท่านั้นไม่น่าจะกระทบขนหน้าแข้งเท่าไหร่
นอกจากนี้ชาร์ล็อตยังติดหนี้โรเอลสำหรับบาดแผลทางจิตใจที่เขาได้รับเมื่อบ่ายอีกด้วย!
ด้วยความคิดเช่นนั้นสายตาของโรเอลที่มุ่งตรงไปยังชาร์ล็อตก็ยิ่งดูเปี่ยมไปด้วยความเมตตาและใจดียิ่งขึ้น แม้ว่าหัวของชาร์ล็อตจะไม่เคยเปลี่ยนเป็นสีเขียวเลย แต่เขารู้สึกเหมือนกับว่าทั้งตัวของเธอเปล่งประกายราวกับทุ่งกะหล่ำปลีในทันที
“คุณชาร์ล็อต คุณพูดแบบนี้ได้ยังไง!”
โรเอลในฐานะเกษตรกรผู้มีประสบการณ์ได้ลงมือในทันที เพื่อเพิ่มผลผลิตให้สูงสุด ด้วยกำปั้นที่กำแน่น เขาจ้องไปยังชาร์ล็อตด้วยความตกตะลึง ราวกับว่าชายผู้ซื่อสัตย์ที่เพิ่งถูกคนรักหักหลังอย่างโหดเหี้ยม
“ฉันปฏิบัติต่อคุณด้วยความจริงใจอย่างสุดความสามารถ เพื่อทำตามสัญญาหมั้นอันศักดิ์สิทธิ์ของบรรพบุรุษ แต่คุณกลับต้องการยกเลิกการหมั้นแบบนี้งั้นเหรอ? 300,000 เหรียญทอง? มูลค่าเพียงแค่นั้นน่ะเหรอจะมาเทียบกับคำมั่นสัญญาระหว่างตระกูลของเรา?!”
“…”
การประกาศอย่างไม่พอใจของโรเอล ทำให้ชาร์ล็อตรู้สึกตกตะลึงถึงที่สุด ในฐานะที่เป็นคนที่ทำข้อตกลงทางธุรกิจในสมาคมพ่อค้าโซโรฟยามาหลายปีแล้ว ไม่มีทางที่เธอจะไม่เข้าใจสิ่งที่เขากำลังทำ
ว้าว ข้าไม่เคยเห็นใครกล้าเรียกเงินเพิ่มในลักษณะที่ไร้ยางอายเช่นนี้มาก่อนเลย
ชาร์ล็อตสูดหายใจเข้าลึก ๆ สองสามครั้งเพื่อตั้งสติ ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้วว่าทำไมโรเอลถึงสามารถกระตุ้นการพัฒนาของเขตการปกครองแอสคาร์ดได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี แม้ว่าเด็กชายจะเป็นขุนนาง แต่เขาก็มีไหวพริบไม่น้อยไปกว่าพ่อค้าที่ชำนาญการเลย!
ยังกล้าอ้างแบบนั้นอีกงั้นเหรอ? เห็นได้ชัดว่าเจ้าคือคนที่ต้องการผลประโยชน์สูงสุดจากการหมั้นหมายครั้งนี้!
โรเอลรู้สึกว่าชาร์ล็อตเริ่มอารมณ์เสีย แต่เด็กชายก็ไม่ได้หวาดกลัวเลย แม้ภายนอกของเขาจะดูมั่งคั่ง แต่ในความจริงก็คือเขากำลังติดหนี้ก้อนโต ผ่านไปแล้วตั้งสามปี แต่โรเอลยังมีหนี้ของระบบเหลืออยู่อีกตั้ง 350,000 เหรียญทอง
มันไม่ใช่เงินมูลค่าเพียงเล็กน้อยอย่างแน่นอน จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกกังวลกับมัน
“350,000 เหรียญทอง นั่นน่าจะเพียงพอแล้วที่จะแสดงความจริงใจของฉัน”
“พวกเราลูกหลานของตระกูลแอสคาร์ด ภูมิใจในมรดกของพวกเรามาก เราคำนึงถึงเจตจำนงของบรรพบุรุษเป็นอย่างสูง วิญญาณของบรรพบุรุษมักปรากฏในความฝันเพื่อ…”
“400,000 เหรียญทอง!”
“แม้แต่ในบันทึกของพอนเต้ แอสคาร์ดบรรพบุรุษของฉันก็ยังถูกเก็บไว้อย่างปลอดภัยในคฤหสน์เขาวงกตที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ คำมั่นสัญญาแห่งการหมั้นอายุนับศตวรรษนี้ได้รับเกียรติจากท่านปู่บลังก์ แสดงถึงมิตรภาพร้อยปีของเรากับตระกูลโซโรฟยา…”
“450,000 เหรียญทอง! คุณโรเอล คุณควรจะพอใจได้แล้วนะ!”
“…”
ชาร์ล็อตเตือนด้วยน้ำเสียงที่โกรธจัด ทำให้โรเอลหยุดโวยวายในที่สุด เขามองไปยังหญิงสาวผมสีน้ำตาลแดงที่อยู่ข้างหน้าเขา ก่อนที่จะก้มหน้าลงพร้อมกับถอนหายใจยาว ๆ เกิดความเงียบยาวนานขึ้นในอากาศ ก่อนที่โรเอลจะพูดอีกครั้งในที่สุด
“…ไม่ว่าฉันจะพูดอะไร คุณก็ยังตั้งใจแน่วแน่ที่จะยุติการหมั้นหมายครั้งนี้ด้วยเงินของคุณสินะ”
คำพูดเหล่านั้นทำให้ชาร์ล็อตโกรธจัด เธอเงยหน้าขึ้นมองดูเด็กชายผู้สิ้นหวังที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แต่แปลกที่เธอก็เริ่มรู้สึกปวดใจเล็กน้อย ความรู้สึกผิดเริ่มทิ่มแทงมาที่จิตสำนึกของเธอ
“ฉันแค่คิดว่า… พวกเราไม่เหมาะสมกัน”
“ไม่เหมาะสมกัน อืม… ฉันรู้ว่าคุณมีอคติบางอย่างเกี่ยวกับฉัน ถ้าคุณพร้อมจะบอก ฉันก็ยินดีที่จะเปลี่ยนมันเพื่อคุณ การนัดพบครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้โอกาสซึ่งกันและกันไม่ใช่หรือ?”
“… ฉันขอโทษ”
เมื่อเผชิญกับคำถามของโรเอล ใบหน้าของชาร์ล็อตก็เริ่มสบสนด้วยสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะก้มศีรษะลงและปฏิเสธเขาอีกครั้ง ซึ่งทางด้านโรเอลก็เงียบลงเช่นกัน ดวงตาสีทองของเขาสะท้อนให้เห็นถึงความผิดหวังลึก ๆ ราวกับว่าเขาไม่เข้าใจว่าทำไมชาร์ล็อตถึงปฏิเสธเขาอย่างไร้หัวใจ
บรรยากาศอันหนักหน่วงนี้ทำให้ทุกวินาทีรู้สึกเหมือนยาวนานชั่วกัลป์
เมื่อไม่สามารถทนต่อความรู้สึกผิดต่อไปได้ ในที่สุดชาร์ล็อตก็ลงเอยด้วยการทำลายความเงียบลง
“นี่เป็นปัญหาส่วนตัวของฉัน ฉันขอโทษ คุณโรเอล… ฉันจะชดเชยให้คุณเป็น 500,000 เหรียญทอง หวังว่าคุณจะให้อภัย…”
“ตกลง”
“???”
ทันทีที่โรลได้ยินข้อเสนอชาร์ล็อต เขาก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับปิดผนึกข้อตกลงในทันทีเหตุการณ์พลิกผันนี้ทำให้ชาร์ล็อตที่ยังรู้สึกผิดถึงกับตกตะลึงไปในทันที
“แค่ก แค่ก ฉันขอยอมรับความปรารถนาดีของคุณชาร์ล็อต อันที่จริงตระกูลแอสคาร์ดของเราตั้งแต่รุ่นพ่อของฉันเป็นต้นมานั้นสนับสนุนเสรีภาพในการรัก ดังนั้นเราจึงเห็นอกเห็นใจคุณมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ โปรดวางใจว่าเราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อย้ายก้อนหินอายุร้อยปีที่ขวางทางความสุขของคุณออกไป!”
โรเอลเปลี่ยนท่วงทำนองของเขาอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจเรื่องไร้สาระทั้งหมดที่เขาพูดถึงเกี่ยวกับมรดกของตระกูลแอสคาร์ด อีกทั้งยังสนับสนุนคาร์เตอร์ในเรื่องเสรีภาพในการรักด้วยการใช้ถ้อยคำในลักษณะที่ฟังดูราวกับว่าคำมั่นสัญญาในการหมั้นหมายที่มีมายาวนานนับร้อยปีนั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าก้อนหินที่ขวางทางทั้งสองเส้นทางสู่ความสุข
“โรเอล แอสคาร์ด ไม่เคยมีใครบอกเจ้าเลยใช่ไหม ว่าเจ้ามันเป็นคนไร้ยางอาย?”
“ฮ่า ๆๆๆ มีคนบอกฉันบ้างเป็นครั้งคราว แต่ฉันเชื่อว่าพวกเขายังไม่รู้จักฉันดีพอ”
หลังจากรีดไถเหรียญทองจำนวน 500,000 เหรียญจากชาร์ล็อตแล้ว โรเอลก็โบกมืออย่างไม่ใส่ใจ โดยไม่สนใจคำวิจารณ์อันเฉียบคมของชาร์ล็อต
ลูกค้ามักจะหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อต้องจ่ายเงิน มันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้
โรเอลในฐานะผู้เชี่ยวชาญราวกับทหารผ่านศึกในด้านนี้ มีผิวหนังที่หน้าหนาราวกับกำแพงเมือง ไม่มีทางที่ชาร์ล็อต ซึ่งไม่เคยเรียนรู้วิธีดูถูกคนอื่นมาก่อนจะสามารถต่อต้านเขาได้
อย่างไรก็ตามโรเอลก็คิดว่าเขาไม่ควรที่จะจบเรื่องนี้ลงด้วยความรู้สึกแย่ ๆ แม้ว่าเป้าหมายในการยกเลิกสัญญาหมั้นและถอนเดธแฟล็กของเขาจะสำเร็จแล้ว แต่การรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับชาร์ล็อตก็ยังมีประโยชน์
“จะว่าไปแล้ว คุณชาร์ล็อต ฉันมีจดหมายโบราณฉบับหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับตระกูลโซโรฟยา คุณช่วยตรวจสอบมันให้ฉันได้รึเปล่า?”
โรเอลต้องการเบี่ยงเบนความสนใจของชาร์ล็อตไปยังเรื่องอื่น ดังนั้นเขาจึงล้วงเข้าไปในกระเป๋าหน้าอกและหยิบซองจดหมายในนั้นออกมา เด็กชายวางมันลงบนโต๊ะแล้วผลักมันไปหาชาร์ล็อต อย่างไรก็ตามชาร์ล็อตไม่มีความคิดที่จะสนใจเขาอีกต่อไป
“คราวนี้เจ้ามีกลอุบายชั่วร้ายอะไรอีกล่ะ”
“มันไม่ใช่อุบาย ฉันให้สัญญาเลย ฉันพบซองนี้โดยบังเอิญเมื่อสองสามวันก่อนและสังเกตเห็นเครื่องหมายของดอกกุหลาบสีทองของตระกูลโซโรฟยาบนตราผนึกของมัน นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันคิดว่าควรจะนำมาให้คุณตรวจดู”
“กุหลาบสีทอง?”
คำพูดดังกล่าวกระตุ้นความสนใจของชาร์ล็อต เธอขมวดคิ้วครู่หนึ่งก่อนจะจ้องไปที่ซองจดหมายในมือของโรเอล หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเด็กสาวก็เอื้อมมือออกไป
“ข้าขอตรวจดูหน่อย”
หลังจากที่พูดจบประโยคแล้ว มือของชาร์ล็อตก็เอื้อมไปหาซองจดหมาย
เหตุการณ์ต่อจากนั้นได้สร้างความประหลาดใจให้กับทุก ๆ คน ทันทีที่มือทั้งสองของพวกเขาเชื่อมต่อกับซองจดหมาย พลังเวทมหาศาลก็ระเบิดออกมา ทำให้ทั่วทั้งคฤหาสน์ต้องสั่นสะเทือน