บทที่ 138 รักษา (2)

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

บทที่ 138 รักษา (2)
[วิชาหยินหยางกระเรียนหยก: ระดับสี่ ผลพิเศษ: ฟื้นปราณเร็วขึ้น สมานตัวเร็วขึ้น ปรับสมดุลหยินหยาง]

‘เราปรารถนาพลังมากเกินไป…’ ลู่เซิ่งเงียบขรึม กำหมัด ‘ถ้าหากยกระดับวิชาหยินหยางกระเรียนหยกเหมือนตอนเริ่มแรก การรักษาต้านพิษของเราคงไม่มีประสิทธิผลเพียงเท่านี้ ไม่ถึงกับตกต่ำถึงขั้นบาดเจ็บสาหัสต้องพิษ เส้นลมปราณเสียหายอย่างตอนนี้’

[ดำเนินการเรียนรู้วรยุทธ์หรือไม่] กรอบสนทนาเด้งขึ้นมาบนเครื่องมือปรับเปลี่ยน

ลู่เซิ่งสูดหายใจลึก สงบจิตใจ

[ใช่] เขายืนยันคำตอบ

โคมไฟสีเหลืองอ่อนโยกตามลม

เซียวหงเย่เงยหน้ามองจันทร์เพ็ญกลางฟ้ายามราตรีอยู่ในตัวลาน

“ยังไม่กลับมาหรือ” เขาถามเบาๆ

“เฒ่าเฮยออกไปหาแล้ว เชื่อว่าอีกเดี๋ยวจะมีข่าว” ไป๋เฟิงเหล่าเต้าที่อยู่ด้านหลังขมวดคิ้วกล่าว “ออกไปนานขนาดนี้ ทูตเขตแดนสี่คนไร้ข่าวคราว ตอนนี้แม้แต่ใต้เท้าผู้ประกอบพิธีที่ตามหลังไปก็หายไปด้วย แดนเหนืออันตรายแบบนี้ตั้งแต่เมื่อใด”

ไป๋เฟิงส่ายหน้า “ถ้าเฒ่าเฮยหายไปด้วยเล่า” เขามองเซียวหงเย่

“ข้าจะรายงานตามจริง” เซียวหงเย่ถอนใจ

“ยอดฝีมือระดับสุดยอดคนหนึ่งอย่างผู้ประกอบพิธีหายสาบสูญ บวกกับทูตเขตแดนอีกสี่คน นี่เป็นการโจมตีครั้งใหญ่ต่อจวนอู๋โยว” ไป๋เฟิงเอ่ยเสียงเบา

เซียวหงเย่ไม่ได้พูดอันใด ความจริงด้วยสายตาและความสามารถด้านข่าวสารของพวกเขาสองคน ย่อมพบเสียงดังกึกก้องกับร่องรอยการต่อสู้ที่ส่งมาจากหุบเขาไร้ลมแต่แรก สภาพการต่อสู้ที่รุนแรงปานนั้น นอกจากผู้ประกอบพิธีกับทูตเขตแดนสี่คน ไม่มีใครกระทำได้อีก

พวกเขาออกไปลอบโจมตีพันธมิตรบู๊ กลับคาดไม่ถึงว่าจะหายสาบสูญทั้งหมด พันธมิตรบู๊เป็นศัตรูคู่อาฆาตกับจวนอู๋โยว นี่ไม่อาจไม่ทำให้คนนึกเชื่อมโยง

“บางทีผู้นำพันธมิตรบู๊อาจลงมือเอง ทว่าด่วนสรุปยังเร็วไป” เซียวหงเย่ส่ายหน้าเล็กน้อย

“ถ้าครั้งนี้เกิดเรื่องจริงๆ พิธีกฎเกณฑ์คงต้องเปลี่ยนที่ แดนเหนือวุ่นวายเกินไป” ไป๋เฟิงเอ่ยเสียงเบา

“ใช่แล้ว…” เซียวหงเย่ไม่ส่งเสียงอีก

“ภัยพิบัติมังกรสีชาด ตระกูลเจินจากไป จัตุรัสแดงซ่อนตัว ตอนนี้นอกจากพันธมิตาบู๊ ก็ไม่มีขุมกำลังใดๆ ฉุดรั้งใต้เท้าผู้ประกอบพิธีได้จริงๆ” ไป๋เฟิงเอ่ยต่อ

เปรี้ยง!

ขณะทั้งสองคนกำลังคุยกัน ทันใดนั้นประตูลานก็ถูกกระแทกเปิด เฒ่าเฮยที่ใส่ชุดดำ หลังค่อมตาเดียวจ้องมองเซียวหงเย่ที่อยู่ในตัวลานด้วยสายตาเย็นชา

เขาโยนผ้าป่านบนบ่าไปที่พื้น ด้านในมีเลือดซึมออกมา “แจ้งจวน ทูตเขตแดนสี่คนสละชีพ ใต้เท้าผู้ประกอบพิธีหายตัวไป มีความเป็นไปได้ว่าจะสู้ศึกจนตัวตาย ขอความช่วยเหลือ!”

เขาเพิ่งพูดจบ ก็หมุนตัวเดินไปด้านนอก

เซียวหงเย่กับไป๋เฟิงตกตะลึง เห็นเฒ่าเฮยเดินไปด้านนอก เซียวหงเย่ถามด้วยน้ำเสียงเร่งร้อน “เฒ่าเฮยท่านจะไปไหน!”

“ไปหาคนร้าย แก้แค้นให้นายท่าน!” เฒ่าเฮยชะงักฝีเท้า พลันหันกลับมาจ้องเซียวหงเย่

“เจ้าดีใจใช่หรือไม่ ไม่มีนายท่านแย่งอำนาจ แดนเหนือแห่งนี้ก็เป็นถิ่นของเจ้าคนเดียว?!”

เซียวหงเย่ใบหน้าเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย

“เฒ่าเฮยท่านพูดอะไร ข้าผู้แซ่เซียวถ้าสนใจเรื่องเหล่านี้จริงๆ ตอนแรกไม่ทำตามคำสั่งของใต้เท้าผู้ประกอบพิธีก็ได้! ถ้าข้าไม่ปล่อยอำนาจ ต่อให้เป็นใต้เท้าผู้ประกอบพิธีก็ไม่อาจพูดอะไรได้!”

“กล่าววาจาน่าฟัง ในใจท่านคิดอะไร ผู้ใดล่วงรู้” เฒ่าเฮยยิ้มเยือกเย็น “ไม่แน่ที่ครั้งนี้ใต้เท้าถูกซุ่มจู่โจม เป็นท่านลอบแจ้งพันธมิตรบู๊!”

“เฒ่าเฮย!” เซียวหงเย่ใบหน้าแปรเปลี่ยนกลับกลาย ตวาดเสียงเฉียบขาด “คำพูดบางคำไม่อาจพูดส่งเดช!”

“เรื่องจริงเป็นอย่างไร ท่านรู้อยู่แก่ใจ อย่าให้ข้าตรวจสอบได้ว่าท่านลงมือในที่ลับก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้น…” เฒ่าเฮยดวงตาสาดประกายสีแดง หมุนตัวพุ่งปราดไปด้านหน้า พริบตาเดียวก็หายไปจากนอกประตู

ตอนนี้ไป๋เฟิงเหล่าเต้าเดินเขัาไป ใช้กระบี่ที่อยู่ติดตัว กรีดไปที่ถุงผ้าป่าน เลือดเนื้อซากศพที่แขนขาขาดส่วนหนึ่งกลิ้งออกมา

“นี่คือ…!?” ไป๋เฟิงจำไม่ได้ชั่วขณะ

แต่พอเซียวหงเย่เห็นเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่ปนอยู่ในซากศพ ในที่สุดก็สูดหายใจลึกด้วยสีหน้าเหยเก

“นี่เป็นซากศพของทูตเขตแดนไป๋จิ้งและเฉวียนฮวน! ข้าเห็นด้านในมีหยกแขวนที่พวกเขามักใช้”

เขาพอกล่าวคำพูดนี้ ไป๋เฟิงพลันมีสีหน้าเปลี่ยนแปลงไป

ก่อนหน้านี้ทั้งสองคนเพียงคาดเดา แต่ตอนที่เห็นซากศพที่น่าอนาถขนาดนี้ ก็รู้สึกสั่นสะท้าน

“ไม่ใช่ฝีมือของผู้นำพันธมิตรบู๊…” เซียวหงเย่เกิดข้อวินิจฉัยนี้ ผู้นำพันธมิตรบู๊มีเมตตามือไม้อ่อน ต่อให้สังหารทูตเขตแดนสี่คนจริงๆ ก็ไม่ใช้วิธีการโหดเหี้ยมแบบนี้

ไป๋เฟิงกับเขาแลกเปลี่ยนสายตากัน ทั้งสองคนเกิดความตื่นตระหนก

แดนเหนือสับสนลี้ลับกว่าเดิมแล้ว…

“รายงาน!”

นอกตัวลาน ชายฉกรรจ์ร่างกำยำสวมชุดทหารสีม่วงคนหนึ่งรีบรุดมาถึง คุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น สองมือส่งจดหมายที่ผนึกเทียนเรียบร้อยให้ไป๋เฟิง

“ขุนนางตรวจการมีจดหมายด่วน!”

ไป๋เฟิงเอื้อมมือไปรับ เปิดออกอ่าน ไม่ทันไรสายตาก็เคร่งเครียด

“ประมุขพรรคลู่ผู้นั้นดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บในปฏิบัติการครั้งนี้เช่นกัน ถ้าอยากรู้ความจริง ถามเขาจะต้องมีคำตอบแน่”

เขาพับจดหมายมองเซียวหงเย่

“ประมุขพรรคลู่ผู้นี้จะต้องเป็นหนึ่งในคนที่รู้ความจริง ข้าได้รับรายงานมาว่า เขาพาคนออกไปตอนกลางคืน สถานที่ไปก็คือหุบเขาไร้ลมใต้ตีนเขาบูรพา นั่นเป็นสถานที่ที่ซุ่มจู่โจมพันธมิตรบู๊ที่ผู้ประกอบพิธีเคยพูดถึง”

“ดูเหมือนประมุขพรรคลู่ผู้นี้จะไม่ธรรมดาเช่นกัน” เซียวหงเย่เอ่ยอย่างสงบนิ่ง

ในห้องลับ

ลู่เซิ่งหลับตา เพ่งสำนึกบนเครื่องมือปรับเปลี่ยนตรงที่วิชาหยินหยางกระเรียนหยกอยู่

‘ปราณหยินมากพอ ยกระดับวิชาหยินหยางกระเรียนหยกเท่าที่ได้ก่อนค่อยว่ากัน ตอนนี้พลทหารสักคนก็กำจัดเราทิ้งได้ อันตรายเกินไป’

เขาใช้ความคิดกดลงบนปุ่มปรับเปลี่ยนของวิชาหยินหยางกระเรียนหยก

ฟู่…

คำว่าวิชาหยินหยางกระเรียนหยกจางลงอย่างรวดเร็ว กรอบพร่ามัวด้วยความเร็วสูง

วิชาพิสดารที่เกิดขึ้นหลังหลอมรวมวิชาหล่อเลี้ยงชีวิตจำนวนมากวิชานี้สั่นไหวในร่างลู่เซิ่ง แล้วโคจรด้วยความเร็วสูง

มันพอโคจร พลันทำให้ลู่เซิ่งค้นพบความมหัศจรรย์กว่าเดิม เส้นทางปราณภายในของวิชาหยินหยางกระเรียนหยกเหมือนมีปราณขวดสมบัติที่เขาเพิ่งได้รับมา

‘หรือว่าจะต้องการดูดซับจุดเด่นของปราณขวดสมบัติ เพื่อปรับปรุงอีกขั้น’ ลู่เซิ่งหวั่นไหว รู้สึกว่าปราณหยินหายไปอย่างต่อเนื่อง

อย่างรวดเร็ว หลายอึดใจต่อมา วิชาหยินหยางกระเรียนหยกก็แจ่มชัดขึ้น

[วิชาปริศนา: ระดับห้า ผลพิเศษ: ต้านพิษ คืนปราณเร็วขึ้น สมานตัวเร็วขึ้น ปรับสมดุลหยินหยาง ถ่ายปราณ]

‘หือ? ถ่ายปราณคือผลพิเศษอะไร’ ลู่เซิ่งงุนงง จากนั้นนึกถึงบันทึกเกี่ยวกับการถ่ายปราณในเกมมือถือที่ตนเคยเล่น

‘จำได้ว่าการถ่ายปราณในเกมมือถือเกมนั้น คือสามารถชักนำปราณภายในเข้าสู่ร่างคนอื่น อย่างนั้นการถ่ายปราณในองค์ประกอบรวมของวิชาหล่อเลี้ยงชีวิตนี้หรือจะเป็นการรักษาคนอื่น’

เขานั่งขัดสมาธิ โคจรปราณภายในวิชากระเรียนหยกที่ใหญ่กว่าเดิมเบาๆ ปราณภายในที่เย็นฉ่ำอ่อนโยนนี้นุ่มนวลกว่าก่อนหน้านี้มาก ตอนไหลถึงหน้าอก ก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าอาการบาดเจ็บมีความชาและคัน

เพียงแต่ทิวทัศน์งามอยู่ไม่นาน ปราณภายในของวิชาหยินหยางกระเรียนหยกที่เพิ่งยกระดับฟื้นฟู ไม่ทันไรก็ถูกอาการบาดเจ็บในร่างผลาญจนหมด ที่เหลืออยู่พอสร้างปราณภายใน ก็ถูกส่งไปยังจุดบาดเจ็บทันที

‘มาอีก!’ ลู่เซิ่งรู้สึกว่าครั้งนี้ใช้ปราณหยินแค่ห้าหกหน่วย จึงมองปุ่มกดปรับเปลี่ยนของวิชาหยินหยางกระเรียนหยกทันที

ตุบ

เขาใช้สำนึกกดอีกรอบ

กรอบตรงที่วิชาหยินหยางกระเรียนหยกอยู่จางลงอีกครั้ง

ครั้งนี้ผ่านไปราวสิบกว่าอึดใจ กรอบค่อยชัดเจน

[วิชาปริศนา: ระดับหก ผลพิเศษ: คืนปราณเร็วขึ้น ต้านพิษดีขึ้น ฟื้นตัวด้วยความเร็วสูง สะกดหยินหยาง ถ่ายปราณ]

หลังการเรียนรู้ยกระดับในครั้งนี้ ลู่เซิ่งรู้สึกถึงความแตกต่างของคุณสมบัติในวิชาได้ทันที

เพิ่งเรียนรู้จบ ปราณภายในวิชาหยินหยางกระเรียนหยกก็รวมตัวที่ตำแหน่งระหว่างหน้าอกและท้องของเขาอย่างรวดเร็ว กลายเป็นกลุ่มปราณขนาดเท่าไข่ห่านกลุ่มหนึ่ง หมุนอย่างช้าๆ

สิ่งที่ทำให้ลู่เซิ่งโล่งใจก็คือ ความรู้สึกแสบร้อนจากบาดแผลบนตัวหายไปอย่างรวดเร็ว นั่นหมายความว่าพิษอัคคีแดงที่ผู้ประกอบพิธีทิ้งไว้ถูกขับออกไปนอกร่างกายด้วยความเร็วสูง

การเรียนรู้ในครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่าวิชาหยินหยางกระเรียนหยกดูดซับจุดเด่นของปราณขวดสมบัติ ขณะเดียวกันก็ทำให้ประสิทธิผลของตัวเองดีขึ้น

รู้สึกว่าทั่วร่างเย็นๆ ความเจ็บปวดลดลงมาก ลู่เซิ่งมองกรอบวิชาหยินหยางกระเรียนหยกอีกครั้ง

‘ตอนนี้ไม่ควรเรียกว่าวิชาหยินหยางกระเรียนหยกแล้ว เมื่อดูดซับจุดเด่นของปราณขวดสมบัติไป อือ… ต่อจากนี้เรียก…’

‘ปราณขวดสมบัติหยินหยางกระเรียนหยก!’

ลู่เซิ่งตกลงใจ ในกรอบนั้นก็มีชื่อปราณหยินหยางขวดสมบัติค่อยๆ โผล่ขึ้น

เขารู้สึกว่าบนร่างส่งความรู้สึกเย็นสดชื่นและชาคันมาตลอด แง้มผ้าพันแผลออกดูปากแผลบนน่อง พิษสีแดงม่วงบนผิวบริเวณบาดแผลจางลงไปมากกว่าครึ่ง

บาดแผลนี้เมื่อครู่ยังมีสัญญาณพิษอัคคีแดงปนเปื้อนอยู่ ตอนนี้เหลือแค่พิษเล็กๆ น้อยๆ แล้ว

‘ร้ายกาจ!’ ลู่เซิ่งถอนใจชมเชย

ปราณหยินหยางขวดสมบัติแม้ไม่ใช่วิชากำลังภายในธาตุหยาง ไม่มีพลังทำลายต่อภูตผีปีศาจ แต่ไม่ว่าจะเป็นปราณเข็มทิ่มแทง หรือว่าผลพิเศษด้านการรักษาและขับพิษ ต่างแสดงให้เห็นว่าวิชากำลังภายในวิชานี้เป็นวิชากำลังภายในชนิดรักษาที่สมบูรณ์แบบที่สุด

‘การถ่ายปราณนี้อาจเป็นการรักษาคนอื่น อีกเดี๋ยวหาคนมาทดลองดู’ ลู่เซิ่งคาดคำนวณ ‘ถ้าหากฟื้นฟูด้วยความเร็วนี้ได้ตลอด ราวสองเดือนบาดแผลคงหายดี’

ความกังวลในใจเขาสุดท้ายก็หายไป

ถ้าครั้งนี้อาการบาดเจ็บไม่อาจฟื้นฟูโดยเร็ว การคุกคามและอันตรายที่ต้องเผชิญในตำแหน่งของเขา ยากจะจินตนาการได้

ดีที่ตอนนี้มีความหวังฟื้นฟูอย่างรวดเร็วแล้ว

‘ไม่รู้ว่าเร็วกว่านี้ได้หรือไม่!’ ลู่เซิ่งนึกถึงพลังฟื้นฟูอันน่าสะพรึงกลัวระดับพันธนาการ ในใจมีความคาดหวังส่วนหนึ่ง มองปราณหยินหยางขวดสมบัติต่อ

ครั้งนี้เขาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้มากมาย ปราณหยินมีมากกว่าห้าสิบหน่วย เมื่อครู่ยกระดับสองครั้ง ใช้ไปแค่สิบกว่าหน่วย

‘ยกระดับอีกรอบดู ในเมื่อดูดซับจุดเด่นของปราณขวดสมบัติ อาจจะปรับสมดุลสภาพหยางโชติช่วงได้เช่นกัน!’ คิดแล้วทำทันที ลู่เซิ่งนั่งลงกินอาหาร ก่อนจะทำสมาธิต่อ

อาศัยตอนที่ยังไม่ปิดอินเตอร์เฟซเครื่องมือปรับเปลี่ยน เขาใช้สำนึกกดปุ่มด้านหลังปราณหยินหยางขวดสมบัติอีกครั้ง

ซู่…

เครื่องมือปรับเปลี่ยนพลันสั่นอย่างรุนแรง กรอบจางลง

เวลาเคลื่อนคล้อย สิบอึดใจผ่านไป ยี่สิบอึดใจผ่านไป สามสิบอึดใจ สี่สิบอึดใจ! จนกระทั่งหกสิบกว่าลมหายใจ กรอบของปราณหยินหยางขวดสมบัติค่อยๆ ชัดขึ้น

[ปราณหยินหยางขวดสมบัติ: ระดับเจ็ด ผลพิเศษ: คืนปราณเร็วขึ้น ต้านพิษดีขึ้น ฟื้นตัวด้วยความเร็วสูง สะกดหยินหยาง ถ่ายปราณ กลืนกลาย]

‘กลืนกลายหรือ นี่เป็นผลพิเศษอะไรกัน’ ลู่เซิ่งรู้สึกขาดทุน การยกระดับในครั้งนี้นอกจากปราณภายในเพิ่มขึ้นเกือบหนึ่งเท่า ก็ไม่รู้สึกถึงอย่างอื่นอีก เพียงแต่มีผลพิเศษกลืนกลายเพิ่มมา

กระนั้นลางสังหรณ์ในความมืดมัวบอกเขาว่า ผลพิเศษกลืนกลายนี้คล้ายไม่ธรรมดา

ดีที่เป็นเพาะปริมาณรวมของปราณภายในเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่า ความรู้สึกร้อนรุ่มในร่างที่สภาพหยางโชติช่วงทิ้งไว้ก่อนหน้าสลายไปอย่างรวดเร็ว ทั่วร่างอบอุ่น ไม่มีความอึดอัดใดๆ

‘ช่างเถอะ ต่อจากนี้ตั้งใจรักษาตัว อย่าเพิ่งเคลื่อนไหว รออาการบาดเจ็บหายดีแล้ว ค่อยใช้ปราณหยินที่เหลืออยู่เพิ่มระดับ ดูท่าข้อเสียที่ปราณหยางหนักเกินไปจะได้รับการบรรเทาแล้ว ภายหลังขอแค่ยกระดับปราณหยินหยางขวดสมบัติพร้อมกันก็ใช้ได้’ ลู่เซิ่งยังไม่ไปคิดมาก ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บก่อนสำคัญกว่า เขาไม่เชื่อว่าจวนอู๋โยวเสียกำลังหลักไปมากมาย จะไร้การเคลื่อนไหว

อีกไม่นานจะคงจะมีคนพบว่าเขามุ่งหน้าไปยังตีนเขาบูรพาตอนดึก แล้วส่งคนมาถามไถ่

……………………………………….