บทที่ 137 เลือกผู้จัดการสาขา

ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี

เผยเชียนให้เลขาซินพาไปที่ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู

ระหว่างทาง เผยเชียนก็พูดเรื่องฉางหยางเกมส์ขึ้นมา

“หลังวันหยุดยาว ช่วยเช็กสถานการณ์ที่ฉางหยางเกมส์แล้วมารายงานผมอย่างละเอียด คุณบอกบอสทางนู้นไปก็ได้ว่าผมสนใจอยากซื้อกิจการต่อ”

เผยเชียนกลัวว่าบริษัทจะเจ๊งก่อนที่พวกเขาจะทันได้ไปตรวจสอบ ถ้าเป็นแบบนั้นเขาก็ต้องไปตามหาพนักงานกลับมาทีละคน คงยุ่งยากน่าดู

กระจกที่แตกย่อมมีรอยร้าวหลงเหลืออยู่ ถ้าจะเข้าซื้อกิจการ ก็ต้องเอามาให้ได้ทั้งหมด!

เพราะเหตุนี้เขาจึงตัดสินใจปล่อยข้อมูลให้บอสของฉางหยางเกมส์รู้ว่าตนสนใจซื้อกิจการ อีกฝ่ายจะได้รู้สึกมีความหวังและไม่รีบร้อนปิดกิจการ

เลขาซินที่กำลังขับรถอยู่พยักหน้า “ได้ค่ะบอสเผย แต่เท่าที่ดิฉันรู้มา เห็นว่าบริษัทนี้สภาพการณ์ไม่ค่อยดีเลยนะคะ”

เลขาซินพูดอย่างมีชั้นเชิง

“ผมไม่ได้เป็นห่วงสถานการณ์ในตอนนี้ ผมสนใจศักยภาพในอนาคตมากกว่า” เผยเชียนตอบอย่างมั่นใจ

“โอเคค่ะ ดิฉันเชื่อในวิสัยทัศน์ของบอสเผย” เลขาซินตอบ “อยากให้ดิฉันติดตามเรื่องนี้นานแค่ไหนคะ ยิ่งให้เวลาเยอะ ก็ยิ่งได้ข้อมูลเยอะค่ะ จะเป็นประโยชน์เวลาเราเจรจากับอีกฝ่าย”

เลขาซินหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “แล้วก็เหมือนตอนนี้บริษัทที่ว่าจะอยู่ในช่วงขาดทุน เราสามารถชะลอการซื้อกิจการไปสักพัก จะได้ต่อรองราคาได้ง่ายขึ้นค่ะ”

ต่อราคาเหรอ

ทำไมเราต้องต่อราคาด้วย ยิ่งแพงยิ่งดีสิ!

เผยเชียนรีบส่ายหน้า “เราไม่ควรชะลอเรื่องนี้ จัดการให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

“วงการเกมแข่งขันกันดุเดือดมาก แทนที่จะชะลอเรื่องเพื่อลดราคา รีบซื้อกิจการมาแล้วลงทุนกับการดำเนินการของบริษัทจะไม่ดีกว่าเหรอ เราไม่ควรสนใจแค่เรื่องเล็กๆ ต้องมองในภาพรวม”

“โอเคค่ะ” เลขาซินถามต่อ “เราจะซื้อกิจการทั้งหมดเลยไหมคะ หรือจะจัดการยังไงดี…”

การเข้าซื้อกิจการทำได้หลายแบบ จะซื้อแค่กิจการ ไม่เอาพนักงานก็ได้ถ้าสนใจแค่ลิขสิทธิ์เกมของบริษัท หรืออีกตัวเลือกคือซื้อกิจการทั้งหมดแต่ไปปรับเปลี่ยนโครงสร้างภายใน เช่น ไล่หัวหน้า เปลี่ยนฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคล และอื่นๆ

จะเข้าซื้อกิจการแบบไหน ขึ้นอยู่กับว่าเผยเชียนสนใจอะไรในตัวฉางหยางเกมส์ เลขาซินก็จะสามารถเจรจาเรื่องราคาได้ง่ายขึ้น

เผยเชียนไม่ได้สนใจพนักงานของฉางหยางเกมส์ ลิขสิทธิ์เกมก็ไม่ได้สนใจ เขาสนใจศักยภาพการขาดทุนของฉางหยางเกมส์ต่างหาก

ดังนั้นเผยเชียนจึงต้องซื้อกิจการฉางหยางทั้งหมดเพื่อที่จะได้รักษาสภาพปัจจุบันไว้

เขารีบตอบ “ซื้อกิจการทั้งหมด ห้ามเปลี่ยนโครงสร้างภายในแม้แต่นิดเดียว”

“ได้ค่ะ บอสเผย เข้าใจแล้วค่ะ” พอเข้าใจจุดประสงค์ของเจ้านาย เลขาซินก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ

การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ดูไม่ค่อยจะสมเหตุสมผลเท่าไหร่

เพราะ…ฉางหยางเกมส์ไม่มีอะไรดีพอที่จะซื้อ

ถ้าเผยเชียนสนใจพนักงานเก่งๆ แค่ไปล่อมาเข้าเถิงต๋าก็พอแล้วนี่

ถ้าสนใจเกมไหน ก็ขอซื้อแค่ลิขสิทธิ์เกมนั้นมาก็พอ เท่านี้ฉางหยางเกมส์ก็ดีใจจนน้ำตาไหลแล้วที่มีบริษัทอื่นมาขอซื้อลิขสิทธิ์เกม

แต่บอสเผยกลับคิดจะซื้อกิจการทั้งหมด

ไม่เห็นจะสมเหตุสมผลเลย

แต่เลขาซินก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ หน้าที่ของเธอคือทำตามที่เจ้านายสั่งอย่างเคร่งครัดและไม่ถามอะไรให้มากความถ้าไม่จำเป็นต้องรู้คำตอบจริงๆ

อีกอย่างบอสเผยน่าจะมีเหตุผลที่ทำแบบนี้ บอสน่าจะเห็นอะไรบางอย่างในฉางหยางเกมส์

เนื่องจากเป็นช่วงวันแรงงานแห่งชาติ เมืองจิงโจวจึงค่อนข้างแน่นขนัด พวกเขาใช้เวลาเดินทางไปถึงร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูมากกว่าปกติ

เผยเชียนเดินลงจากรถแล้วตรงเข้าร้านไป

อืม โล่งเหมือนเดิม ค่อยโล่งอกหน่อย!

จนถึงตอนนี้ ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูได้ลูกค้าประจำมานิดหน่อย เป็นพวกคนล่ำซำที่ไม่ได้สนใจเรื่องราคา พวกเขาชอบมาเล่นอินเทอร์เน็ตและจิบกาแฟที่ร้าน บางคนมีพาเพื่อนมาสังสรรค์ด้วย

บางครั้งบางคราวก็จะมีกลุ่มเพื่อนมารวมตัวเล่นเกมด้วยกัน

ถึงอย่างไรที่ร้านก็บรรยากาศดี บริการก็ดี คนไม่ค่อยเยอะ

สำหรับลูกค้าผู้ล่ำซำพวกนี้ก็เหมือนจ่ายเงินเพิ่มเพื่อซื้อบรรยากาศดีๆ สำหรับเล่นเกม

ถึงอย่างนั้นร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูก็ไม่สามารถหาเงินคืนทุนได้ เพราะลูกค้าล่ำซำมีน้อยเกินไป!

ร้านตั้งอยู่ห่างจากย่านการค้าอันเงียบเหงาไปหนึ่งถนน ไม่มีป้ายใหญ่บอกทางไปร้าน แถมทำเลที่ตั้งก็ไม่ใช่ย่านพักอาศัยระดับสูงอีก

ทำเลและราคาของร้านทำให้มีแค่ลูกค้าล่ำซำกลุ่มเล็กๆ เข้ามาใช้งานบ้าง เงินที่ได้ไม่เพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจเลย

แต่เผยเชียนก็ไม่ได้กังวลใจสักนิด

พอเห็นเผยเชียนเข้ามาในร้าน หม่าหยางกับจางหยวนก็รีบไปต้อนรับ

“บอสเผยมาเยี่ยมเหรอครับ รับเครื่องดื่มสักแก้วไหมครับ” จางหยวนถาม

เผยเชียนไล่สายตาดูเมนู “เอามาร์การิต้าแก้วนึง”

เผยเชียนมองไปรอบๆ ไม่เห็นลูกค้าทั้งโซนอินเทอร์เน็ตและโซนคาเฟ่ วันนี้ร้านดูโล่งเหลือเกิน

“วันนี้ไม่มีลูกค้าเหรอ” เผยเชียนถามเสียงเรียบ

หม่าหยางถูมือด้วยความขายหน้า “ใช่ครับพี่เชียน ไม่รู้วันนี้มันวันอะไร สงสัยเพราะใกล้ถึงวันหยุดแล้ว…”

วันก่อนๆ ยังพอมีลูกค้าเข้ามาเล่นเกมบ้าง แต่ช่วงบ่ายวันนี้ไม่มีลูกค้าเข้าร้านเลยสักคน ไม่รู้ทำไม…

แต่เผยเชียนไม่ได้ใส่ใจอะไร จริงๆ แล้วเขานึกดีใจด้วยซ้ำ

“โอเค งั้นไปปิดประตู วันนี้เราปิดร้านเร็วหน่อย

“จางหยวน ทำเครื่องดื่มให้ทุกคนด้วย ลงบัญชีบริษัท

“บ่ายนี้ไม่ต้องทำงานแล้ว ทุกคนมานั่งก่อน”

เผยเชียนนั่งลงตรงโซนคาเฟ่พร้อมกวักมือเรียกทุกคน

พนักงานบางคนเดินปรี่เข้าไปนั่ง บางคนจัดข้าวของก่อน บางคนจัดโต๊ะจัดเก้าอี้ จางหยวนเริ่มทำเครื่องดื่มให้ทุกคน

ไม่นานพนักงานทุกคนรวมเชฟทั้งสามคน (ตอนแรกมีคนเดียว แต่จ้างเพิ่มอีกสองคนเพื่อทำอาหารให้บริษัทเถิงต๋า) ก็นั่งลงตรงโซนคาเฟ่ ตรงหน้ามีแก้วค็อกเทลวางอยู่

จางหยวนกับหม่าหยางนั่งด้านหน้า ข้างๆ กับเผยเชียน พวกเขาตั้งตาคอยฟังว่าเผยเชียนจะพูดเรื่องอะไร

เผยเชียนกระแอมกระไอเบาๆ พยายามสร้างบรรยากาศ

“เดือนหน้าเราจะเปิดร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูเพิ่มอีกสี่สาขา

“แต่เราจะทยอยเปิดทีละสาขา เพราะมีทุนไม่พอเปิดรวดเดียวทั้งหมด

“ใครอยากเป็นผู้จัดการสาขา ยกมือขึ้น”

พนักงานสี่คนตรงแถวหน้ารีบยกมือขึ้นทันที เชฟคนหนึ่งที่นั่งอยู่ด้านหลังนึกลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยกมือขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ

จางหยวนเองก็ยกมือขึ้นด้วย

เผยเชียนโบกมือให้จางหยวนเอามือลง “เดี๋ยวคุณจะได้เลื่อนขั้นเป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายบริหารดูแลพวกผู้จัดการสาขา เพราะงั้นไม่ต้องยกมือ”

จางหยวนเอามือลงด้วยความดีใจ

อะไรเนี่ย จู่ๆ ก็ได้เลื่อนขั้นเหรอ!

เผยเชียนมองห้าคนที่ยกมือขึ้น “โอเค มีแค่ห้าคนนี้นะ จางหยวนจดชื่อไว้ให้หน่อะ ห้าคนนี้จะได้เป็นผู้จัดการสาขาประจำร้านสาขาที่กำลังจะเปิด”

ผู้จัดการสาขาประจำร้านนี้คือหม่าหยาง แต่หลังจากเปิดสาขาเพิ่ม หม่าหยางกับจางหยวนก็ต้องได้เลื่อนขั้นขึ้นไปเป็นฝ่ายบริหาร ทำให้ตำแหน่งผู้จัดการสาขาประจำร้านนี้ว่าง

ดังนั้นเผยเชียนเลยรับผู้จัดการสาขาเพิ่มห้าคน

ทุกคนอึ้งไป

ง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ

พนักงานหลายคนที่ไม่ได้ยกมือถึงกับเหวอ

แม่งเอ๊ย รู้งี้ยกมือไปแล้ว!

พวกเขาลังเลเพราะกลัวจะทำหน้าที่ผู้จัดการสาขาได้ไม่ดีพอ ถ้าเกิดมีสอบคัดเลือก คงจะขายขี้หน้าน่าดูถ้าสอบไม่ผ่าน

แต่กลับไม่มีการสอบอะไรเลย!

คนที่งงที่สุดในกลุ่มคือเชฟที่ยกมือ

ตามหลักแล้ว เชฟไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลยกับการเป็นผู้จัดการสาขาร้านอินเทอร์เน็ต ถ้าต้องคัดเลือกคนที่เหมาะกับตำแหน่ง พวกพนักงานที่นั่งอยู่แถวหน้าน่าจะมีโอกาสได้รับเลือกมากกว่า

แต่แค่ยกมือขึ้นงงๆ ก็ได้รับเลือกแล้วงั้นเหรอ!

ณ ขณะนั้น เขายังทำใจยอมรับชีวิตที่พลิกผันจากเชฟมาเป็นผู้จัดการสาขาไม่ได้

หม่าหยางกระตุกแขนเสื้อเผยเชียนแล้วเข้าไปกระซิบ “พี่เชียน ทำแบบนี้จะดีเหรอ ทำไมไม่เปิดรับสมัครเอาล่ะ”

เผยเชียนส่ายหัว “คนพวกนี้คือคนที่แกจ้างมา ฉันไม่เชื่อใครนอกจากแก”

หม่าหยางยิ้มอย่างขวยเขิน “เอางั้นก็ได้”

 …………………