บทที่ 251 ทุบตีพวกเขาจนตาย + บทที่ 252 ทุกสิ่งไม่จีรัง

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 251 ทุบตีพวกเขาจนตาย

เดิมทีนั้น ฮูหยินเป็นคนรักและเอ็นดูลูกหลาน แต่เหตุการณ์ในครั้งนี้ ทำให้นางนึกถึงความอวดดีของเซียวจื่อเซวียนขึ้นมา นางจึงไม่มีทางรู้สึกชื่นชอบเด็กคนนี้เด็ดขาด

หลังจากหลิงหลัวยกเรื่องนี้ขึ้นมา ฮูหยินจึงรู้สึกกระวนกระวายใจ พลางคิดถึงตอนที่เด็กคนนี้คลอดออกมา แล้วจวนตระกูลเซียวส่งของขวัญมาให้ รวมถึงความรักของเซียวอี้หลินที่มีต่อเด็กคนนี้แล้ว ฮูหยินจึงเปลี่ยนท่าที ก่อนจะขมวดคิ้ว “ไม่น่าจะเกิดปัญหาอะไร จริงไหม”

“ท่านแม่ หากไม่มีธุระอะไรแล้ว ข้าขอตัวไปหาลูกของข้าก่อน” หลิงหลัวไม่อยากจะอยู่ที่นี่ต่อ เนื่องจากมีเรื่องมากมายให้จัดการ เขาไม่มีเวลามาใส่ใจหญิงสาวกลุ่มนี้

หลิงหลัวหมุนตัวจากไป โดยไม่ให้โอกาสนางพูดอะไร

หลังจากเขาออกไป ฮูหยินเองก็ไม่อยากจะวุ่นวายกับเหล่าหญิงสาวทั้งหลายเช่นกัน นางจึงโบกมืออย่างหมดความอดทน ก่อนจะจากไป และเดินมานั่งตรงที่นั่งของตนเองอย่างกระสับกระส่าย

เมื่อหลิงหลัวกลับไปหาเซียวจื่อเซวียน เขาก็ได้ยินเสียงนางกรีดร้อง

“เจ้าพูดว่าอะไรนะ พูดใหม่อีกครั้งสิ” ดวงตาของเซียวจื่อเซวียนเบิกโพลงขณะจ้องมองท่านหมอตรงหน้า

ท่านหมอผู้มีความรู้ความสามารถมากที่สุดเริ่มกังวลเล็กน้อย “ไข้ของเด็กผู้นี้ลดลงแล้วขอรับ แต่…แต่ว่า…”

“แต่อะไรเล่า พูดให้มันชัดเจนสิ” เซียวจื่อเซวียนขบฟันกรอดพลางมองกลุ่มท่านหมอที่อยู่ตรงหน้าด้วยดวงตาดุดัน

“แม้ว่าไข้ของเขาจะลดลง แต่มันก็สายเกินไปแล้วขอรับ ในอนาคตนั้น สติปัญญาของเด็กผู้นี้อาจจะ…” เขาพูดไม่จบประโยค แต่หากคนที่ไม่โง่เขลาได้ฟัง ก็ต่างเข้าใจความหมายของเขาได้ดี

“ไม่…เป็นไปไม่ได้” ลูกชายของนางน่ารักน่าชัง แล้วจะกลายเป็นคนเช่นนั้นได้อย่างไรกัน จะไม่ให้นางรู้สึกโกรธเกลียดเลยหรือเช่นไร

“เงาทมิฬหมายเลขหนึ่ง ออกมา” เซียวจื่อเซวียนถอยหลังสองก้าวด้วยสีหน้าอันแค้นเคือง

“ขอรับ นายหญิง”

“ไปตามสืบว่าใครเป็นคนดูแลลูกชายของข้าก่อนที่เขาจะล้มป่วย” นางพูดพลางขบฟันแน่น

เซียวจื่อเซวียนต้องการให้คนเหล่านั้นรู้ว่าพวกเขาไม่อาจจะมาทำร้ายคนที่นางรักและห่วงใยอย่างสุดซึ้งได้ง่ายๆ

“ขอรับ”

เงาทมิฬหมายเลขหนึ่งเผยตัว และเพียงชั่วพริบตา เขาก็จากไปอย่างรวดเร็ว

หลิงหลัวยืนฟังเซียวจื่อเซวียนออกคำสั่งอยู่ด้านนอก ก่อนจะขมวดคิ้ว เขารู้ว่านางมีองครักษ์ลับประจำตัว และคิดว่าทั้งหมดถูกเซียวฉีเทียนและคนอื่นๆ ฆ่าจนตายไปตั้งแต่การลอบสังหารครั้งก่อนแล้ว หลิงหลัวไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าจะยังมีองครักษ์หลงเหลืออยู่อีก

ดูเหมือนว่าขุนนางเซียวจะรักลูกสาวคนนี้มาก จนต้องส่งคนๆ นี้มาให้เซียวจื่อเซวียนเลยทีเดียว

“ไปเสีย” เซียวจื่อเซวียนรู้สึกหงุดหงิดใจเมื่อเห็นบรรดาท่านหมอต่างตัวสั่นเทิ้มด้วยความกลัว

เมื่อพวกเขาได้รับสั่ง ก็รีบลนลานเก็บกล่องเครื่องมือแพทย์และจากไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากหวาดกลัวว่าหากชักช้าเพียงเสี้ยววินาที อาจจะถูกเซียวจื่อเซวียนประหารก็เป็นได้

เงาทมิฬหมายเลขหนึ่งใช้เวลาสืบความเรื่องนี้เพียงไม่นาน หลังจากนั้นเซียวจื่อเซวียนจึงอ่านผลรายงาน พลันรู้สึกตะลึงงัน

อากาศช่างหนาวเหน็บ และห้องของเด็กน้อยก็ไม่มีอุปกรณ์ทำความร้อน นอกจากนี้ พวกเขายังไม่จุดไฟถ่านให้อีกด้วย เหล่าข้ารับใช้ที่แม่สามีผู้แสนดีส่งมากลับกลายเป็นไม่ชอบใจเด็กคนนี้อยู่ลึกๆ ทั้งยังยักยอกสมบัติของเด็กคนนี้ไปทุกชิ้นอีกด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เหล่าข้ารับใช้พวกนั้นต่างเป็นคนของแม่สามีทั้งสิ้น

ดี ดีจริงเชียว

เซียวจื่อเซวียนเยาะเย้ย ก่อนจะเรียกองครักษ์ที่นางพามาจากจวนตระกูลเซียว รวมถึงเงาทมิฬหมายเลขหนึ่งมาหา ขณะที่นางกำลังจะจากไปก็เห็นหลิงหลัว นางจึงโยนรายงานที่เงาทมิฬหมายเลขหนึ่งไปสืบมาให้หลิงหลัว โดยที่เขายังไม่ทันจะพูดอะไร

จากนั้นนางจึงพากลุ่มองครักษ์ทั้งหลายไปยังลานบ้านของฮูหยิน

เมื่อเซียวจื่อเซวียนเข้ามาด้านใน นางจึงชี้ไปยังเหล่าข้ารับใช้สองสามคนข้างๆ นาง ด้วยสีหน้าบึ้งตึง “จับตัวเอาไว้ และทุบตีพวกเขาจนตายไปเสีย”

“ขอรับ พระชายา”

สีหน้าของฮูหยินถมึงทึงทันทีที่เห็นเหตุการณ์ดังกล่าว ก่อนจะตบโต๊ะข้างๆ “เซียวจื่อเซวียน เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังทำอะไรอยู่” นางกล้าบุกเข้ามาถึงลานบ้านของแม่สามี และต่อยตีผู้คนจนถึงแก่ชีวิตนั้น ไม่ต่างอะไรกับการตบหน้านางอย่างจัง

เซียวจื่อเซวียนมองผู้หญิงตรงหน้าอย่างเย้ยหยัน “ในเมื่อท่านไม่รู้วิธีสั่งสอนข้ารับใช้ของตัวเองให้ถูกต้อง ข้าจึงต้องมาช่วยท่านอย่างไรเล่า จัดการต่อ” ในเมื่อคนพวกนี้กล้าลองดีกับนายหญิงของตนเอง จึงสมควรแล้วที่จะฉีกร่างพวกเขาออกเป็นชิ้นๆ

“ช่างบังอาจนัก”

“ทำไมข้าจะต้องกลัวด้วยเล่า ลูกชายของข้าก็เป็นนายน้อยแห่งจวนตระกูลเซียวเช่นกัน พวกต่ำต้อยเหล่านี้ดูแคลนเขาได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน กล้าดีอย่างไรจึงทิ้งเด็กน้อยไว้ในห้องอันหนาวเย็น ทั้งยังเอาข้าวของของเด็กผู้นี้ไปอีกต่างหาก ท่านยังจะปกป้องคนพวกนี้ที่กล้าเหยียบหัวนายท่านของพวกเขาอีกหรือ หรือว่าพวกเขาจะรับคำสั่งมาจากท่านกันแน่” เซียวจื่อเซวียนจ้องมองฮูหยินด้วยแววตาทิ่มแทง และรอดูว่าหญิงผู้นี้จะตอบโต้กลับเช่นไร

บทที่ 252 ทุกสิ่งไม่จีรัง

ฮูหยินแทบกระอักเลือด พลางจ้องมองเซียวจื่อเซวียนด้วยร่างกายอันสั่นเทา แน่นอนว่านางรู้เรื่องการกระทำของข้ารับใช้ของตน แต่ทว่าไม่อยากใส่ใจ และคิดไปเองว่าสาวใช้พวกนั้นจะไม่เอาของไปมากมายนัก แต่ใครจะรู้ว่าพวกนางจะไม่ระมัดระวังจนทำเรื่องผิดพลาดเช่นนี้ได้

นางคิดว่าเซียวจื่อเซวียนจะไม่กล้าทำตัวเป็นศัตรูต่อหน้าตน และจะยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป แต่ใครจะคาดคิดว่านางจะเข้ามาหาเรื่องเช่นนี้เล่า

“ฮูหยิน โปรดเมตตาเถิด พวกเรามิได้ทำอะไรเลยเจ้าค่ะ” ข้ารับใช้สองสามคนนั่งคุกเข่าอ้อนวอนอยู่ข้างๆ หากพวกเขารู้ว่าเรื่องราวจะกลายเป็นแบบนี้ ก็คงจะไม่กล้าทำเช่นนั้นจนตัวเองต้องถูกซ้อมจนตายเป็นแน่

พวกนางต่างเคยเห็นสิ่งของมีราคามาก่อน แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงรู้สึกละโมบและอยากได้สิ่งของของนายน้อยขึ้นมา

เซียวจื่อเซวียนมองข้ารับใช้สองสามคนที่กำลังคุกเข่าบนพื้น ‘ดีจริงเชียว ดูเหมือนว่าทุกคนจะอยู่ที่นี่’

“ลากพวกนางออกไปโบยจนขาดใจตายให้หมดทุกคน หากใครกล้าขัดขวางก็ฆ่าทิ้งเสีย” เซียวจื่อเซวียนจ้องมองหญิงสาวสองสามคนอย่างอาฆาตแค้น พวกนางเป็นฝ่ายผิดที่ทำให้ลูกชายผู้น่าสงสารของนางต้องอยู่ในสภาพเช่นนี้

“ขอรับ พระชายา”

‘ฮูหยินจะสามารถห้ามพวกเขาได้หรือ ไม่ว่าอย่างไร เหล่าข้ารับใช้ก็สมควรได้รับโทษแล้ว เพราะหากข่าวการยักยอกสิ่งของ จนเป็นเหตุให้เด็กน้อยต้องป่วยหนักแพร่กระจายไป คงจะเป็นเรื่องน่าอายของจวนตระกูลหลิงอย่างแน่นอน แล้วคนในตระกูลจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนได้เล่า’

เซียวจื่อเซวียนมองไปทางอีกฝ่าย พลางยิ้มอย่างแผ่วเบา “ทำไมหรือ ท่านแม่สามี ท่านคิดจะขัดขวางหรือ”

“เซียวจื่อเซวียน อย่าเลยเถิดไปนัก” ฮูหยินหน้าซีดเผือด และไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะจัดการอีกฝ่ายได้ยากขนาดนี้

เซียวจื่อเซวียนหัวเราะลั่น “ข้าทำเกินไปเช่นนั้นหรือ ใครกันแน่ที่ทำเกินไป จัดการพวกเขา”

นางรู้สึกกระหายเลือด หลังจากได้ยินเหล่าสาวใช้และแม่นมทั้งหลายส่งเสียงร้องอ้อนวอน ‘มันเป็นความผิดของพวกเขา เป็นเพราะพวกนางเองทั้งสิ้น’

หลังจากนั้นไม่นานนัก ก็มีเสียงร้องน่าเวทนาดังออกมาจากด้านนอก ทั้งยังมีกลิ่นเลือดโชยออกมาจางๆ พร้อมกับเสียงโหยหวนอีกด้วย เสียงของเหล่าข้ารับใช้ทำให้ฮูหยินขมวดคิ้ว ใบหน้าซีดขาวจนแทบไม่มีเลือดมาหล่อเลี้ยง

เซียวจื่อเซวียนยืนมองดูเหตุการณ์ภายนอกอย่างไร้ความรู้สึกอยู่ตรงทางเข้า

นางไม่ใช่คนจิตใจดีอะไรตั้งแต่แรกเริ่ม แต่ว่านางก็รักลูกของตนเองอย่างมาก หากผู้ใดมาทำให้เขาร้องไห้ นางก็จะสังหารผู้คนที่เกี่ยวข้องอย่างไม่ลังเลเลยทีเดียว

เสียงร้องจากบรรดาข้ารับใช้ค่อยๆ เงียบหายไป หลังจากได้รับการยืนยันแล้วว่าพวกเขาทั้งหมดเสียชีวิตแล้ว เซียวจื่อเซวียนจึงจากไปพร้อมกับองครักษ์ของตนเอง ก่อนจะหันหลังให้ฮูหยินอย่างไม่สนใจ

จากนั้นฮูหยินก็บังเอิญเห็นฉากด้านนอก นางตกใจและหมดสติไป ส่วนหลิงหลัวนั้นเพิ่งมาถึงจุดเกิดเหตุ ภาพที่เห็นทำให้เขาอดขมวดคิ้วอย่างไม่ได้ ‘นี่มันอะไรกัน’

หนิงเมิ่งเหยาและเฉียวเทียนช่างรับรู้เรื่องราวในจวนตระกูลหลิงอย่างรวดเร็ว

ฝ่ามือของหญิงสาวที่กำลังประคองถ้วยชาอยู่นั้นสั่นเทาทันที หลังจากได้ยินว่าลูกชายของเซียวจื่อเซวียนหายป่วยจากอาการไข้ขึ้นสูงแล้ว แต่กลับพบว่าในอนาคต สติปัญญาของเขาอาจจะมีปัญหาได้

หญิงสาวขมวดคิ้ว นางเกลียดชังเซียวจื่อเซวียนก็จริง และในตอนที่นางแท้งลูก นางก็อยากจะให้ลูกของอีกฝ่ายเสียชีวิตด้วยเช่นกัน แต่นางก็ไม่ทำเช่นนั้น เพราะไม่ว่าอย่างไร เด็กคนนั้นก็บริสุทธิ์ไร้เดียงสาเกินไป

ทว่าตอนนี้ เด็กคนนั้นกลับโดนท่านย่าของตนเองทำร้าย ช่างตลกร้ายเสียจริง

“เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่หรือ” เฉียวเทียนช่างเห็นหญิงสาวตกอยู่ในภวังค์ ราวกับกำลังคิดบางอย่างอยู่ ก็ขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ ‘หญิงสาวผู้นี้เป็นอะไรไป ดูเหมือนว่านางมีเรื่องมากมายอยู่ในใจ’

หนิงเมิ่งเหยาวางถ้วยชาลง “ไม่มีอะไรหรอก ข้ารู้สึกว่าสิ่งใดๆ ล้วนแล้วแต่ไม่จีรังทั้งสิ้น” ลูกของเซียวจื่อเซวียนป่วยหนัก ขณะเดียวกันนางก็เคยปวดใจมาก่อน หนิงเมิ่งเหยาไม่คิดจะจองเวรจองกรรมกับนางแต่อย่างใด

“เจ้าจะใส่ใจทำไมกัน” เฉียวเทียนช่างไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีที่ได้ฟังคำพูดของนางเกี่ยวกับเด็กน้อยคนหนึ่งเช่นนี้

หนิงเมิ่งเหยาเหลือบมองเฉียวเทียนช่าง “เจ้าคิดว่าเราควรทำมันต่อไปไหม”

“เจ้าคิดเช่นไรเล่า”

หนิงเมิ่งเหยาส่ายศีรษะอย่างแผ่วเบา “ข้าไม่แน่ใจเช่นกัน ข้าอยากให้จวนตระกูลหลิงและจวนตระกูลเซียวทุกข์ทรมานเช่นเดียวกับจวนตระกูลเฉียวก็จริง แต่ไม่ว่าพวกเราจะทำอะไรก็ตาม ลูกของเราก็ไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว”

“เจ้ามีความคิดเช่นนี้ เพราะลูกของเซียวจื่อเซวียนหรือ”

“ใช่” หญิงสาวผงกศีรษะ นางไม่อาจปิดบังความรู้สึกของตนเองต่อเฉียวเทียนช่างได้เลย