ภาคที่ 1 บทที่ 112 เจ้าเวรกรรมกลับมาแล้ว

เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]

บทที่ 112 เจ้าเวรกรรมกลับมาแล้ว

“ไอ้เราก็เข้าใจมาตลอดว่าเพลงหมัดขั้นพื้นฐานมีกระบวนท่ากำหนดตายตัว ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ แต่พอได้เห็นการต่อสู้ของท่านเทพ X ด้วยตาของตัวเอง ฉันก็เข้าใจแล้วว่าเพลงหมัดนี้มันสามารถยืดหยุ่นได้!”

“ก็นั่นมันท่านเทพ X เชียวนะ! แล้วพวกเราเป็นใคร? ฝีมือในการต่อสู้ดีเท่าเขาหรือเปล่า? แถมพลังลมปราณก็ยังอ่อนด้อยมากกว่ากันอีกไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่”

“ก่อนหน้านี้ทุกคนต่างก็คิดว่าตัวเองสามารถใช้งานเพลงหมัดได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่เมื่อได้เห็นยอดฝีมือแสดงกระบวนท่าเหล่านี้ออกมา นั่นแหละพวกเราถึงได้รู้ว่าความแตกต่างระหว่างคนธรรมดากับยอดฝีมือมันเป็นยังไง!”

หลังจากตกตะลึงกันอยู่นานสองนาน ในที่สุดก็เริ่มมีผู้คนได้สติขึ้นมาแล้ว

ต้องรีบจดจำเอาไว้ให้เร็วไว!

นี่คือโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง

เมื่อได้รับชมคลิปวิดีโอขนาดสั้น ๆ ไม่ถึงหนึ่งนาทีจบลง ทุกคนก็เปิดดูมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อจดจำและวิเคราะห์กระบวนท่าแต่ละหมัดที่ผู้เล่น X ใช้งานออกมาอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ระหว่างที่ดูคลิปวนไปนั้น กลุ่มผู้เล่นก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา

ตอนแรกท่านเทพ X ก็เป็นคนที่สอนให้พวกเขาล่าสัตว์ประหลาดได้อย่างถูกต้อง

ตอนนี้ท่านเทพ X ก็ยังเป็นคนสอนให้พวกเขาใช้เพลงหมัดขั้นพื้นฐานต่อสู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดอีกด้วย

พวกเขาไม่รู้จะขอบคุณท่านเทพ X อย่างไรอีกแล้ว!

ในเวลาเดียวกันนี้ ซูชือกับจินฟานก็ถูกบังคับให้ออกจากระบบเพราะหมดเวลาเล่นพอดี ทั้งสองหนุ่มนอนอยู่บนเตียงรับชมคลิปวิดีโอของท่านเทพ X ด้วยใบหน้าบิดเบี้ยวแสดงความไม่สบอารมณ์

“ว่าแต่ใครเป็นคนปล่อยคลิปวะ?”

จินฟานที่นอนอยู่บนเตียงหันหน้ามาชำเลืองมองซูชือที่อยู่อีกฝั่งของห้อง พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “แม่งแอบถ่ายไม่บอกไม่กล่าว เกินไปหน่อยไหมแบบนี้?”

“ฉันว่าคงต้องเป็นฝีมือของไอ้จางกงหมิงแหง ๆ”

ซูชือตอบกลับไปด้วยเสียงขมขื่น “รู้งี้ฉันน่าจะแต่งหล่อให้มากกว่านี้ก็ดีหรอก”

พูดมาถึงตรงนี้ซูชือก็เหมือนกับจะนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบหันไปตะโกนบอกซูเย่ “เสี่ยวเย่ นายรีบเข้าไปดูคลิปของท่านเทพ X เร็วเข้า”

“ฉันดูไปแล้ว”

ซูเย่ตอบกลับมาพร้อมกับหย่อนขาลงจากเตียง

“นายเองก็มีฝีมือไม่น้อยเหมือนกันนะ แค่คืนเดียวก็ขึ้นมาอยู่เลเวล 25 แล้ว ถ้าให้นายไปสู้กับท่านเทพ X นายคิดว่าตัวเองจะสามารถเอาชนะหมอนั่นได้ไหม?”

ซูชือรีบถามออกมาด้วยน้ำเสียงมีความหวัง

ซูเย่ใช้เวลาขบคิดเล็กน้อย แล้วก็ตอบว่า “น่าจะชนะมั้งนะ”

ซูชือยกนิ้วโป้งให้เขาอย่างชื่นชม “ฉันชอบความมั่นใจของนายว่ะ แต่เจ้านั่นมันขึ้นไปถึงเลเวล 30 แล้ว นายยังอยู่แค่เลเวล 25 อยู่เลย แน่ใจนะว่าจะสามารถเอาชนะได้?”

ซูเย่ได้แต่ยิ้มและไม่พูดอะไร

หมวก VR ที่เขาขโมยมานั้นเมื่อขึ้นถึงเลเวลที่ 30 แล้ว ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นสักอย่าง

คืนนี้เขาจึงอยากจะพิสูจน์ว่าถ้าใช้หมวก VR ปกติอัพเลเวลขึ้นไปถึงระดับ 30 มันจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างหรือไม่

ดูจากมุมกล้องของผู้ถ่ายคลิปวิดีโอที่ถูกโพสต์ลงมาในบอร์ดข้อความนั้น ซูเย่ค่อนข้างแน่ใจว่าผู้ปล่อยคลิปคงไม่ใช่จางกงหมิงแน่นอน

แต่น่าจะเป็นทีมงานผู้ผลิตเกมนั่นแหละ

และเป็นการปล่อยคลิปอย่างตั้งใจด้วย

เพราะมันจะทำให้ผู้เล่นเกมทุกคนได้ตระหนักว่าเพลงหมัดที่ถูกสอนมานั้นยังสามารถนำมาดัดแปลง และพลิกแพลงใช้ได้อีกหลายกระบวนท่า

“ความจริงการเอาคลิปของเรามาใช้งานแบบนี้น่าจะเก็บค่าลิขสิทธิ์ได้เหมือนกันนะเนี่ย แต่โชคร้ายที่เราไม่สามารถเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงได้ ไม่งั้นป่านนี้คงมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกทางแล้ว เฮ้อ” ซูเย่ได้แต่คิดอยู่ในใจด้วยความเสียดาย

ตอนบ่าย

ลานจอดรถในมหาวิทยาลัย

เป็นอีกครั้งที่หยางเหวินป๋อต้องมายืนอยู่ข้างรถยนต์โฟล์คสวาเกนของตนเองด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยวจากความโกรธแค้น เพราะล้อยางทั้งสี่ข้างของรถยนต์ถูกปล่อยลมยางจนบี้แบนครบทุกด้าน

“เอาอีกแล้วใช่ไหม!”

“โครม!”

หยางเหวินป๋อเหวี่ยงกระเป๋าเอกสารที่ถืออยู่ในมือกระแทกเข้าใส่ตัวถังรถด้วยความโกรธแค้นสุดขีด

นี่ก็วันที่ห้าติด ๆ กันเข้าไปแล้ว

ไม่ว่าเขาจะเดินทางไปที่ไหนก็ต้องมีคนแอบมาปล่อยลมยางอยู่ตลอด

ไม่ว่าจะเป็นที่หอพักหรือที่มหาวิทยาลัยก็ตาม!

“ใครเป็นคนทำ? เก่งจริงก็ออกมาเผชิญหน้ากับฉันเลยสิวะ?”

“คิดว่าฉันจะกลัวแกหรือไง?”

“ฉันจะต้องสืบดูจนรู้ให้ได้ว่านี่เป็นฝีมือของใคร!”

เสียงคำรามด้วยความเดือดดาลดังกังวานไปทั่วท้องฟ้าเหนือลานจอดรถ

เป็นเวลา 22:00 น.

ซูเย่สวมใส่หมวก VR และเข้าสู่โลกแห่งเกม

ระหว่างเดินเข้าสู่เขตแผนที่ระดับ 26

ชายหนุ่มก็พบเหตุการณ์แปลกประหลาดบางอย่าง

มีผู้คนจำนวนมากพากันมานั่งหลับตาอยู่ใต้ต้นไม้ และรอบ ๆ ร่างกายของกลุ่มคนเหล่านี้ ก็ปรากฏสัญลักษณ์วงกลมสีขาวเป็นอาณาเขตเฉพาะบุคคล

นอกจากนั้นก็ยังมีสัญลักษณ์รูปหนังสือเล่มหนึ่งลอยขึ้นอยู่เหนือศีรษะของทุกคนอีกด้วย

“หืม?”

ซูเย่ลองสแกนข้อมูลของชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้

“ผู้เล่นกำลังอยู่ในหอสมุดจำลอง ไม่สามารถสแกนข้อมูลได้ในขณะนี้”

“หอสมุดจำลอง?”

ซูเย่ชะงักไปเล็กน้อย

ก่อนพึมพำกับตัวเอง

แล้วข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหอสมุดจำลองก็ปรากฏขึ้นในหัวของเขา

หอสมุดจำลองเป็นฟังก์ชันหนึ่งในตัวเกม ในนั้นจะมีตำราที่มีอยู่จริง ๆ สำหรับเป็นการเสริมความรู้ขั้นพื้นฐานให้แก่ผู้เล่นที่ไม่ชำนาญการต่อสู้ หรือถ้าอยากจะค้นคว้าหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องราวอื่น ๆ ก็มีให้ศึกษาค้นคว้าเช่นกัน

เมื่อเปิดใช้งานความสามารถนี้ ตัวของผู้เล่นก็จะถูกคุ้มครองอยู่ในเซฟโหมด

“เข้าสู่หอสมุดจำลอง”

ซูเย่ใช้คำพูดออกคำสั่งแผ่วเบา แล้วสภาพแวดล้อมรอบกายของเขาก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่วินาทีหอสมุดขนาดใหญ่ก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าแล้ว

กำแพงใหญ่ปรากฏขึ้นรอบทิศทาง มีชั้นวางหนังสือจำนวนนับไม่ถ้วนเรียงรายละลานตา

ซูเย่เห็นว่าในหอสมุดมีโต๊ะไม้วางจัดแถวอย่างเป็นระเบียบ และผู้เล่นจำนวนไม่น้อยก็กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่นั่น

ปรากฏว่าหลายคนมาจากมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางเช่นเดียวกับเขา และซูเย่ก็เคยพบหน้ามาแล้ว

“เข้ามาอ่านหนังสือเพื่อฝึกวิชาที่ไหนกัน เด็กพวกนี้แอบเข้ามาอ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวแข่งชิงทุนให้มหาวิทยาลัยต่างหาก!”

ซูเย่ยิ้มมุมปาก และกดออกมาจากหอสมุดจำลอง

ชายหนุ่มเดินเข้าสู่พื้นที่เขต 26 เพียงลำพังและเริ่มไล่ล่าฆ่าสัตว์ประหลาดอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง

เขตแผนที่ระดับ 23

“นายว่าวันนี้เสี่ยวเย่มันจะอัพถึงเลเวล 30 ได้หรือเปล่า?”

ซูชือถามจินฟานระหว่างช่วยกันฆ่าสัตว์ประหลาดเพื่อเลื่อนระดับ

“ฝีมือดีอย่างหมอนั่นคงไม่มีปัญหาหรอกมั้ง?”

จินฟานคิดอยู่เล็กน้อยก็เปิดรายชื่อเพื่อนเพื่อตรวจสอบระดับของซูเย่ในปัจจุบัน

แล้วสีหน้าของชายหนุ่มก็แสดงออกถึงความตกตะลึงสุดขีด

“เฮ้ย! หมอนั่นแม่งอัพตั้งแต่ตอนไหน? ตอนนี้อยู่เลเวล 26 แล้ว”

จินฟานอุทานด้วยความเหลือเชื่อ

“ทำไมเร็วจังวะ?”

ซูชือเบิกตาโตด้วยความประหลาดใจไม่แพ้กัน และต้องรีบเปิดรายชื่อเพื่อนขึ้นมาตรวจสอบเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง

ซูเย่ขึ้นไปอยู่ในเลเวล 26 ได้แล้วจริง ๆ ด้วย!

ซูชือยกมือขยี้ตาด้วยความไม่อยากเชื่อ

แต่อย่างไรก็ตาม พอชายหนุ่มขยี้ตาเสร็จ เขาก็พบว่าตัวเลขที่ระบุเลเวลของซูเย่ได้เปลี่ยนแปลงจาก 26 กลายเป็น 27 เรียบร้อยแล้ว!

“เชี่ย! แม่งขึ้นไปเลเวล 27 แล้วเฮ้ย!”

ซูชือหันมามองหน้าจินฟานด้วยความพิศวง

“นี่เพิ่งผ่านมาแค่ครึ่งชั่วโมงไม่ใช่หรือไง?”

จินฟานได้แต่เบิกตาโต

“หมายความว่าที่ผ่านมาพวกเราประเมินฝีมือของเสี่ยวเย่ต่ำมากเกินไปสินะ!”

สองหนุ่มเพื่อนซี้หันมามองหน้ากันอย่างพูดอะไรไม่ออก