ตอนที่ 759-760

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 759 + 760 โดย Ink Stone_Romance

 บทที่ 759 ฝ่ามือตบลงบนอากาศ

‘กู้ซีจิ่ว’ ปรากฏตัวขึ้นตรงประตู สวมอาภรณ์โปร่งบางสีนวลจันทร์ เกศาดำดั่งม่านน้ำตก ดอกท้อภูเขาสีม่วงอ่อนช่อหนึ่งแซมอยู่ในเส้นผม ดอกท้อสีม่วงอ่อนหลายดอกผลิแย้มในเรือนผมเธอ

นัยน์ตาคู่นั้นใสกระจ่าง บนหน้าผากแต้มจุดชาด ริมฝีปากแดงระเรื่อหยักโค้งนิดๆ คล้ายยิ้มมิเชิงยิ้ม เย็นชามิเชิงเย็นชา

เป็นครั้งแรกที่กู้ซีจิ่วได้เพ่งพิศ ‘ตนเอง’ ด้วยมุมมองของคนนอก เธอรู้ว่าตัวเองสวยมาก แต่นึกไม่ถึงว่าทั้งร่างจะดูงดงามถึงเพียงนี้!

นี่ไม่เหมือนการส่องกระจก ตัวเองในกระจกบางทีอาจผิดเพี้ยนไปบ้างเนื่องจากการหักเหของผิวกระจก แต่ยามนี้เธอได้เห็นตัวเองจริงๆ…

สวย! สวยจริงๆ!

ความงามของอวิ๋นชิงหลัวเป็นความงามดั่งนางเซียนผู้สูงส่ง แต่ความงามของกู้ซีจิ่วเป็นความที่บางเบาเยือกเย็น ทำให้คนอธิบายลักษณะของเธอของเป็นรูปธรรมไม่ได้ ทว่ามีผลกระทบยิ่งนัก ทำให้คนมองเห็นแวบเดียวก็ลืมไม่ลง

โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นของเธอ กลอกกลิ้งดั่งคลื่นทะเลแวววาว ทว่าสุกสกาวดุจดารา

ต้องกล่าวเลยว่าตี้ฝูอีเป็นบุคลที่เชี่ยวชาญการสวมบทบาท ตอนนี้เขาใช้ร่างของกู้ซีจิ่ว ทุกกิริยาท่าทางล้วนเป็นพฤติกรรมตามปกติของกู้ซีจิ่ว ทำให้คนมองความผิดปกติไม่ออกเลย

พอเขาเข้ามาก็กวาดตามองกู้ซีจิ่วแวบหนึ่ง ริมฝีปากแดงหยักยิ้มบางๆ แวบหนึ่ง ดวงตาส่องประกายแวบหนึ่ง

เขาใช้อากัปกริยาของกู้ซีจิ่วทักทายฝูงชน ต่อให้เป็นตัวกู้ซีจิ่วเอง ก็มองไม่เห็นจุดบกพร่องใดๆ จากเขา

เขาทักทายกู้ซีจิ่วและหลงซือเย่ก่อนตามลำดับ ทำเคารพแบบครึ่งขั้น “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย เจ้าสำนักหลง ขอบพระคุณยิ่งเจ้าค่ะ…”

วันนี้เขาเป็นตัวละครหลัก ฝูงชนย่อมพากันมาแสดงความยินดีกับเธอ

ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตอบสนองอย่างเหมาะสม เจรจาพาที ขอบคุณไปทีละคน

กู้ซีจิ่วเห็นเขาคบหาสมาคมอย่างชำนิชำนาญ ก็รู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้เป็นบุคคลมีความสามารถโดยแท้!

เห็นว่ายามปกติที่เขาถือครองร่างทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายจะสูงส่งอยู่เหนือปวงชน นางนึกว่าเขาคงจะทักทายตามมารยาทแบบคนทั่วไปไม่เป็น นึกไม่ถึงว่าเขาจะปฏิบัติหน้าที่ได้สมบูรณ์หมดจด…

บุรุษคนหนึ่ง แถมยังเป็นบุรุษที่ปกติแล้วสูงส่งอยู่เหนือคนทั้งหลายกลับอยู่ในร่างสาวน้อยซ้ำยังบทบาทได้แนบเนียนไร้ช่องโหว่ถึงเพียงนี้ ไม่ใช่ผู้มีความสามารถแล้วจะเป็นอะไร? จักรพพรดิจอเงินยังมีความสามารถไม่เท่าเขาเลย!

ระยะนี้กู้ซีจิ่วต้องต่อสู้อยู่บ่อยๆ ยามปกติจึงสวมเสื้อผ้าสบายๆ ส่วนใหญ่เธอจะส่วนเครื่องแบบของชั้นเรียนเมฆาคล้อยเป็นประจำ เมื่อทุกคนเห้นจนชินตาแล้ว ต่อให้รูปโฉมเธองดงามแค่ไหนก็ถูกมองข้ามไป แต่ตอนนี้เมื่อเธอสวมชุดนี้ก็เต็มไปด้วยความงดงามสะโอดสะอง ทำให้รูปโฉมอันงดงามของเธอยกระดับขึ้นไปอีกหลายสิบเท่า ไม่รู้ว่าสายตามากน้อยเพียงที่ร่อนลงบนร่างเธอ

เชียนหลิงอวี่เดิมทีก็ชอบเธออยู่แล้ว เจ้าเด็กคนนี้คิดมาตลอดว่าตนเองแอบรักเงียบๆ มาตลอด ทว่าไม่รู้ตั้งแต่ยามไหนที่ทั้งสำนักศึกษาล้วนทราบว่าชอบกู้ซีจิ่ว เนื่องจากเขาไม่อนุญาตให้คนอื่นว่าร้ายกู้ซีจิ่วเลย ผู้ใดพูดเขาก็จะซ้อมผู้นั้น…

ยามนี้พอเห็น ‘กู้ซีจิ่ว’ เข้ามา สายตาของเขาก็เกาะติดบนร่างเธอทันที เมื่อเห็นทุกคนมองกู้ซีจิ่วด้วยสายตาตกตะลึง เขาก็มีความสุขยิ่งกว่าเจ้าตัวเสียอีก

เขาก้าวเข้าไปหาตามปกติ ยื่นมือหมายจะตบไหล่เธอ “ซีจิ่ว วันนี้เจ้าสวมชุดนี้แล้ว…”

นัยน์ตาตี้ฝูอีสาดแสงแวบหนึ่ง เขารักสะอาด ไม่ชอบให้ผู้ใดแตะเนื้อต้องตัว หลังจากถือครองร่างของกู้ซีจิ่ว เขาก็รักสะอาดหนักกว่าเดิม!

ดังนั้นเขาจึงก้าวขึ้นไปด้านหน้าเงียบๆ ฝ่ามือนี้ของเชียนหลิงอวี่ก็ตบลงบนอากาศ

จากนั้นเขาก็มองเชียนหลิงอวี่ด้วยท่าทียิ้มมิเชิงยิ้มแวบหนึ่ง คนอื่นมองอะไรไม่ออก ทว่าเชียนหลิงอวี่กลับถูกสายตานี้ของเขามองกลับสั่นสะท้านด้วยความตกตะลึง! ชักมือกลับโดยไม่รู้ตัว

————————————————————————————-

บทที่ 760 เพราะใส่ใจ ถึงได้สนใจ

ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ชั่วขณะนั้นจู่ๆ เขาก็รู้สึกว่ากู้ซีจิ่วที่อยู่เบื้องหน้าฐานะสูงส่งยิ่ง สูงส่งจนเขาทำได้เพียงก้มกราบ ไม่กล้าลามปามอีก!

สายตาของ ‘กู้ซีจิ่ว’ ในยามนี้ทำให้เขารู้สึกแปลกหน้า ตกตะลึงไปชั่วขณะ

โชคดีที่ที่ตี้ฝูอีกู้สถานการณ์ได้ทันเวลา “ชุดนี้ของข้าเป็นอย่างไร? ไม่ดูดีหรือ?”

เชียนหลิงอวี่รีบตอบทันที “ดูดี! ดูดี! ซีจิ่วเจ้าสวมชุดนี้แล้วดูดีมากจริงๆ!”

ตี้ฝูอียิ้มแล้ว “นับว่าสายตาเจ้ามีแวว! ข้าก็รู้สึกว่าชุดนี้ดูดีมาก! ดูดีกว่าเสื้อผ้าทุกชุดของข้า”

เขาหันหน้าไป บังเอิญเห็นว่าหลงซือเย่กำลังมองเขาอย่างเลื่อนลอยอยู่ ด้วยเหตุนี้เขาจึงเลิกคิ้วขึ้นยิ้มแวบหนึ่ง เจาะจงถามหลงซือเย่เป็นพิเศษ “เจ้าสำนักหลง ข้าสวมชุดนี้ดูดีหรือไม่?”

หลงซือเย่จะว่ากระไรได้เล่า?

สีหน้าเขาซีเซียวเล็กน้อย ทว่ายังคงพยักหน้า “ดูดีมาก”

ด้วยเหตุนี้ ตี้ฝูอีจึงยิ้มด้วยความพออกพอใจ วันนี้เขาอยู่ในร่างกู้ซีจิ่ว เขาย่อมเป็นตัวเอก ประจวบเหมาะพอดี ที่นั่งของเขาถูกจัดไว้ข้างๆ หลงซือเย่

หลงซือเย่ฝืนยิ้มเล็กน้อย “ซีจิ่ว เข้ามานั่งก่อนเถอะ”

ตี้ฝูอีเหลือบมองที่นั่งของเขาแวบหนึ่ง จากนั้นก็ยื่นความประสงค์ต่อกู่ฉานโม่ทันที “อาจารย์ใหญ่กู่ วันนี้เป็นวันปักปิ่นของซีจิ่ว สมควรต้องนั่งถัดจากประธานในพิธี มิใช่หรือ?”

กล่าวกันตามเหตุผลแล้วสมควรเป็นเช่นนี้จริงๆ ความประสงค์นี้ของเขาไม่นับว่าเกินเลยไป

และประธานในพิธีก็คือตี้ฝูอี กล่าวก็คือ เธอสมควรนั่งข้างๆ ตี้ฝูอี

ตอนแรกที่กู่ฉานโม่จัดการเช่นนี้ ด้วยนึกว่านางคงไม่ยินดีนั่งร่วมกับตี้ฝูอี ดังนั้นเขาจึงจัดให้ ‘นาง’ ไปนั่งข้างๆ หลงซือเย่ด้วยความใส่ใจ

ที่แท้แล้วกลับคลาดเคลื่อนไป นึกไม่ถึงว่านางจะเป็นฝ่ายร้องขอเรื่องนี้

ในเมื่อ ‘นาง’ ร้องขอด้วยตัวเอง กู่ฉานโม่ย่อมไม่อาจปฏิเสธได้

ดังนั้น ‘กู้ซีจิ่ว’ จึงได้นั่งข้างๆ ‘ตี้ฝูอี’ อย่างสมปรารถนา

หลงซือเย่เม้มปากนิดๆ ใบหน้าซีดเซียวกว่าเดิม

กู้ซีจิ่วกลับลอบกัดฟันกรอด ส่งกระแสเสียงหาไปเขา ‘ตี้ฝูอี ท่านอย่าได้เกินไปนัก!’

ตี้ฝูอีก็ส่งกระแสเสียงตอบมา ‘เกินไปตรงไหน?’

‘ท่านทำเช่นนี้จะทำให้คนอื่นคิดไปไกล จะคิดว่าตัวข้ากู้ซีจิ่วยังอาลัยอาวรณ์ท่านผู้เป็นทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายอยู่ คิดหาวิธีไปอยู่ข้างกายท่าน!’

แววตาตี้ฝูอีมืดมนลง แต่ก็ถอนหายใจเบาๆ ทันที ‘เป็นข้าต่างหากที่คิดหาวิธีไปอยู่ข้างกายเจ้า’

เธอนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยอย่างเย็นชา ‘ข้าไม่ปรารถนา!’

ตี้ฝูอีเงียบไปแล้ว

จิตใจของกู้ซีจิ่วค่อนข้างว้าวุ่น เธอตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่กับหลงซือเย่ ต้องการตัดขาดกับตี้ฝูอีให้หมดจด แต่นึกไม่ถึงเลยว่าจะก่อเรื่องเซ่อซ่าขึ้นมาในสถานการณ์คับขัน

เธอสลับร่างกับเขา ยามนี้คิดจะตัดก็ตัดไม่ขาดแล้ว

เธอกุมถ้วยชาครุ่นคิดอยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าเยือกเย็น ใคร่ครวญว่าตนความทำอย่างไรต่อไป

ขณะที่เธอกำลังครุ่นคิดจนใจลอย ตี้ฝูอีก็ส่งกระแสเสียงมาอีกครั้ง ‘ซีจิ่ว ตอนนี้ข้ากับเจ้าสลับร่างกัน เรื่องนี้สำคัญที่สุด ดังนั้นไม่อาจให้ผู้ใดทราบได้ แม้แต่หลงซือเย่ก็ไม่ได้ หลงซือเย่ผู้นี้ความคิดละเอียดลออ หากข้าอยู่ข้างกายเขา ไม่แน่อาจจะเผยพิรุธเล็กๆ น้อยๆ ดังนั้นจึงทำได้เพียงนั่งกับเจ้าตรงนี้ เช่นนี้พวกเราจะได้ดูแลซึ่งกันและกัน’

สิ่งที่เขากล่าวนั่นมีเหตุผล กู้ซีจิ่วคิดๆ ดูก็ว่าถูก จิตใจที่ปั่นป่วนในที่สุดก็สงบลงบ้างแล้ว

ตี้ฝูอีเห็นใบหน้านางผ่อนคลาย ก็ทราบว่าปมในใจนางคลายออกแล้ว จึงถอนหายใจเบาๆ

ทว่ากลับเย้ยหยันตัวเองอยู่ในใจอีกครา ตนใช้ชีวิตอิสระไร้กฎเกณฑ์มาครึ่งค่อนชีวิตเคยต้องระมัดระวังเช่นนี้เสียที่ไหน?

เพราะใส่ใจ ถึงได้สนใจ

เพราะใส่ใจ ถึงได้ยอมเหยียบย่างบนธารน้ำแข็งบางเฉียบ…[1]

————————————————————————————-

[1]  เหยียบย่างบนธารน้ำแข็งบางเฉียบ หมายถึง ตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายมาก