ตอนที่ 147 คนเคยรู้จักกลับมาเจอกันอีกครั้ง

เดิมพันเสน่หา

ฉู่เทียนรุ่ยขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความปวดหัว เขาคิดไม่ถึงว่าเหลิ่งรั่วปิงจะใจร้ายขนาดนี้ ถึงแม้ไซ่หย่าเซวียนจะเอาแต่ใจ ทำตัวน่ารำคาญ แต่ถึงยังไงก็เป็นน้องสาวของเพื่อน การทำแบบนี้มันไม่เหมาะสมเท่าไหร่ ทว่าเขาไม่สามารถทำอะไรเหลิ่งรั่วปิงได้ ด้วยเหตุนี้จึงยิ้มแห้งๆ “หนิงซยา ทำเกินไปหรือเปล่า”

เหลิ่งรั่วปิงยักไหล่ เสียงออดอ้อนของเธอเพียงพอที่จะทำให้ไซ่หย่าเซวียนอกแตกตาย “พี่คะ พี่ก็เห็นแล้วนิ ยัยจิ้งจอกน้อยมาหาเรื่องฉันเอง”

จิ้งจอกน้อย? ไซ่หย่าเซวียนโมโหจนหน้าอกกระเพื่อม “ฉู่หนิงชยา แกมันเป็นผู้หญิงเจ้าเล่ห์ กล้าด่าฉันว่าเป็นจิ้งจอกน้อยหรอ แค่เห็นแกฉันก็รู้สึกขยะแขยง ไม่ต้องทำเสียงดัดจริตเรียกพี่เทียนรุ่ยของฉัน พี่เทียนรุ่ยไม่ใช่พี่ของแก!”

ท่าทีและแววตาของไซ่หย่าเซวียนสื่อความหมายออกมาเพียงอย่างเดียว เธอชอบฉู่เทียนรุ่ย ชอบมากๆ ไม่ว่าใครก็ห้ามยุ่งกับเขา เขาเป็นของเธอ!

เหลิ่งรั่วปิงดวงตาเป็นประกายขึ้นมาทันที คว้าแขนฉู่เทียนรุ่ยมาคล้อง “ใช่ พี่เทียนรุ่ยไม่ใช่พี่ชายของฉัน ฉันอยากจะจีบพี่เทียนรุ่ย”

“ปล่อยพี่เทียนรุ่ยของฉันเดี๋ยวนี้ คนอย่างแก กล้าเพ้อฝันถึงพี่เทียนรุ่ย อยากตายใช่ไหม!” ขณะที่พูด ไซ่หย่าเซวียนง้างมือขึ้นแล้วพุ่งเข้ามา ทว่าเมื่อเห็นเหลิ่งรั่วปิงยกมือขวาขึ้น เธอตกใจกลัวแล้วถอยหลังไป เธอมีมือแค่สองข้าง เสียมือทั้งสองข้างไปไม่ได้เด็ดขาด

“พี่เทียนรุ่ย” ไซ่หย่าเซวียนมองฉู่เทียนรุ่ยด้วยความออดอ้อนและโกรธ น้ำตาคลอเบ้า ตามด้วยน้ำตาเม็ดโตไหลรินลงมา

ฉู่เทียนรุ่ยกะพริบตาปริบๆ ด้วยความจนปัญญา ถึงแม้เขาจะไม่ได้ชอบไซหย่าเซวียนที่คอยตามติดเขามานานสิบกว่าปี แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็เป็นน้องสาวของเพื่อนสนิท ปล่อยให้เหลิ่งรั่วปิงรังแกตามอำเภอใจไม่ได้ เขาจึงหันไปยิ้มให้กับเหลิ่งรั่วปิง หวังว่าเธอจะไม่ถือโทษโกรธไซหย่าเซวียน

ไซ่หย่าเซวียนไม่เข้าใจว่าฉู่เทียนรุ่ยทำแบบนี้เพราะอะไร เธอเห็นแค่เขาส่งยิ้มอ่อนโยนให้กับเหลิ่งรั่วปิง รอยยิ้มนั้นอบอุ่นเหมือนลมในฤดูใบไม้ผลิ ความหึงหวงพุ่งปรี๊ดขึ้นมาทันที พร้อมกับร้องไห้ไม่หยุด น้ำตาเม็ดโตร่วงหล่นลงมา “พี่เทียนรุ่ย เมื่อก่อนพี่เกลียดหนิงซยามากไม่ใช่หรอคะ ทำไมตอนนี้ถึงใจดีกับยัยนี่ขนาดนี้”

ถึงแม้เหลิ่งรั่วปิงจะไม่ใช่คนดีอะไร แต่เธอก็ไม่ใช่คนที่จ้องแต่จะรังแกคนที่อ่อนแอกว่า ที่เมื่อกี้เธอทำรุนแรงกับไซ่หย่าเซวียน เพียงแค่ต้องการจะสั่งสอนให้ไซ่หย่าเซวียนหลาบจำเท่านั้น เพราะเธอเพิ่งได้รู้จักผู้หญิงคนนี้ การเจอกันครั้งแรกเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ถ้าเธอไม่สามารถจัดการไซ่หย่าเซวียนได้ วันข้างหน้าไซ่หย่าเซวียนต้องหาเรื่องไม่หยุดแน่ เวลานี้ ไซ่หย่าเซวียนร้องห่มร้องไห้แล้ว เหลิ่งรั่วปิงเองก็รู้สึกว่าควรจะหยุดได้แล้ว

ด้วยเหตุนี้ เหลิ่งรั่วปิงจึงปัดแขนเสื้อเล็กน้อย “ฉันไม่ถือสาเด็กน้อยอย่างเธอแล้ว คราวหน้าอย่ามาหาเรื่องฉันอีก ไม่อย่างนั้น…”

“ไม่อย่างนั้นอะไรครับ” เสียงทุ้มต่ำปนงัวเงียของชายหนุ่มดังขึ้นที่ประตู เสียงนั้นอบอุ่นเหมือนลมในฤดูใบไม้ผลิ

เสียงนี้ดังก้องในหูของเหลิ่งรั่วปิง แค่คำพูดสั้นๆ ก็ส่งผลต่อความรู้สึกของเธอ เป็นเสียงที่เธอคุ้นหูมาก เหมือนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความจริง โลกใบนี้มีเรื่องบังเอิญขนาดนี้เลยหรอ

ร่างสูงโปร่งหล่อเหลาของไซ่ตี้จวิ้นปรากฎตัวขึ้นที่ประตู ใบหน้าของเขายังคงอ่อนโยน ไซ่ตี้จวิ้นแต่งตัวสบายๆ ดูเหมือนเขาจะเป็นคนที่ชอบแต่งตัวสบายๆ เหลิ่งรั่วปิงจำได้ว่าตอนที่เจอกับเขา เขาไม่เคยสวมชุดสูทมาก่อน เมื่อนำเขามาเทียบกับหนานกงเยี่ยที่ใส่สูทสีดำทุกวัน ไซ่ตี้จวิ้นดูเป็นธรรมชาติ เข้าถึงง่ายมากกว่า มือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋า ถึงจะดูสบายๆ แต่กลับมีความเป็นผู้ชายสูง “หนิงซยา เธอเพิ่งฟื้นขึ้นมาก็ทำร้ายน้องสาวของพี่เลยนะ อยากประกาศสงครามกับตระกูลไซ่หรอครับ”

หัวใจของเหลิ่งรั่วปิงเต้นแรง ไม่ว่าเจอใครเธอก็สามารถนิ่งสงบได้ แต่กับไซ่ตี้จวิ้นเธอทำไม่ได้ ภาพอุบัติเหตุรถชนในคืนนั้นฉายขึ้นมา เธอไม่สามารถลืมความดีที่เขาทำเอาไว้ ด้วยเหตุนี้ เธอจึงมองขาข้างซ้ายของเขา ขาข้างซ้ายของเขาเคยหักเพราะช่วยชีวิตเธอมาก่อน

เวลานี้ เขายืนตัวตรง ดูท่าคงจะหายดีแล้ว

ถึงแม้จะเป็นแบบนี้ แต่ดวงตาคู่สวยของเหลิ่งรั่วปิงยังคงมีน้ำตาคล

ไซ่หย่าเซวียนเห็นว่าพี่ชายของตนเองมา เธอรู้สึกเหมือนมีตัวช่วยแล้ว รีบวิ่งเข้ามาแล้วร้องไห้ “พี่คะ ยัยผู้หญิงเจ้าเล่ห์ฉู่หนิงซยาทำร้ายฉัน พี่ดูสิ”

ไซ่ตี้จวิ้นก้มหน้ามองดูน้องสาวที่ตนตามใจจนนิสัยเสีย ยิ้มแล้วจับข้อมือเธอขึ้นมา กระตุกมันเล็กน้อย ให้มือเธอเข้าที่ “ยังเจ็บไหม”

“เจ็บ!” ไซ่หย่าเซวียนร้องเสียงดัง “พี่คะ พี่ไปสั่งสอนยัยผู้หญิงเจ้าเล่ห์หน่อยสิ!”

เหลิ่งรั่วปิงอ้าปากค้าง เธอคิดไม่ถึงว่า ไซ่หว่าเซวียนจะเป็นน้องสาวของไซ่ตี้จวิ้น ถ้าเธอรู้เร็วกว่านี้ เธอคงจะไม่ทำรุนแรง เหมือนอย่างที่โบราณว่าเอาไว้ ทำอะไรต้องรู้จักเกรงหน้าพระอินทร์พระพรหม

ไซ่ตี้จวิ้นเงยหน้าขึ้น ริมฝีปากบางคลี่ยิ้ม “หนิงซยา เธอมองดูขาของพี่ทำไม ไม่กล้ามองหน้าพี่หรอ”

“ไซ่…คุณไซ่” เหลิ่งรั่วปิงพูดชื่อเขาด้วยความยากลำบาก

ไซ่ตี้จวิ้นยิ้มกว้าง “เมื่อก่อนเธอเรียกพี่ว่าพี่ไซ่ ทำไมนอนหลับไปสามปีถึงกับลืมไปเลย”

เหลิ่งรั่วปิง “…”

ดูเหมือนว่าเธอมีการบ้านหลายอย่างต้องทำ กลับไปเธอต้องทำความเข้าใจอดีตของฉู่หนิงซยาให้ดี”

“หึ หนิงซยาไม่ได้นอนจนลืมหรอกค่ะ แต่นอนเยอะจนไร้ยางอายไปแล้ว” ไซ่หย่าเซวียนยังคงคล้องแขนของไซ่ตี้จวิ้น เธอมองมายังเหลิ่งรั่วปิงอย่างได้ใจ “เมื่อก่อน หนิงซยาเอาแต่ตามตื้อพี่ไม่ใช่หรอคะ นอนไม่ได้สติไปสามปี พอตื่นขึ้นมากลับเพ้อฝันถึงพี่เทียนรุ่ยของน้อง พี่ว่ายัยนี่ไร้ยางอายไหมคะ”

“หื้ม?” ไซ่ตี้จวิ้นมองดูเหลิ่งรั่วปิงด้วยความสนใจ “หนิงซยา เมื่อก่อนเธอเอาแต่บอกว่าจะแต่งงานกับพี่ให้ได้ ทำไมนอนไม่ได้สติไปสามปี ถึงเปลี่ยนเป้าหมายแล้วละ”

เหลิ่งรั่วปิง “…” นี่ถือว่าเป็นพรหมลิขิตไหม

ฉู่เทียนรุ่ยรู้สึกว่าตนเองควรออกมาช่วยเหลิ่งรั่วปิงรับมือ เขาจึงยิ้มสดใสเสียยิ่งกว่าไซ่ตี้จวิ้น “พอแล้วตี้จวิ้น เธอเพิ่งฟื้นขึ้นมา ยังมีหลายอย่างที่ไม่ชิน พวกแกอย่าทำให้เธอลำบากใจเลย” ยิ้มอีกครั้ง “เพื่อเป็นการขอโทษ ฉันเลี้ยงข้าวทุกคนเอง”

“พี่เทียนรุ่ย พวกเราไปกันแค่สามคน ไม่ต้องให้หนิงซยาไปด้วย”ไซ่หย่าเซวียนเอาแต่ใจเป็นอย่างมาก เธอแสดงความเป็นเจ้าของโดยการดึงตัวฉู่เทียนรุ่ยไปใกล้ จับมือเขาเอาไว้แล้วเดินออกไป “ไปกันเถอะค่ะ”

ฉู่เทียนรุ่ยมองเหลิ่งรั่วปิงด้วยความจนปัญญา แล้วถูกไซ่หย่าเซวียนพาออกไป

“ไปกันเถอะ” ไซ่ตี้จวิ้นยิ้มแล้วมองมาที่เหลิ่งรั่วปิง แววตาเป็นประกายของเขาเหมือนกำลังโอบล้อมเธอเอาไว้

เหลิ่งรั่วปิงไม่ยอมขยับ เหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดยังไง

ไซ่ตี้จวิ้นยิ้ม เดินมาจับมือเธอ แล้วพาเธอเดินออกไป

ไซ่หย่าเซวียนลากฉู่เทียนรุ่ยออกไป เธอเข้าไปนั่งในรถของเขาอย่างไม่เกรงใจ จากนั้นปิดประตูลง ความหมายของเธอมันชัดเจนมาก รังเกียจเหลิ่งรั่วปิงอย่างเห็นได้ชัด

ไซ่ตี้จวิ้นเปิดประตูรถตนเอง ยิ้มแล้วบอกกับเหลิ่งรั่วปิง “ขึ้นรถเถอะครับ”

เหลิ่งรั่วปิงพยายามห้ามใจตนเองที่กำลังเต้นแรง เธอเข้าไปนั่งในรถของไซ่ตี้จวิ้นอย่างว่าง่าย ความคิดของเธอวิ่งพล่านไปไกล เธอนึกถึงไซ่ตี้จวิ้นคนนั้นที่อยู่ในเมืองหลง นึกถึงไซ่ตี้จวิ้นที่ช่วยชีวิตเธอ ขณะที่เธอกำลังก้มหน้าลงคิดเรื่องต่างๆ อยู่นั้น ลมหายใจที่คุ้นเคยเข้ามาใกล้ เหลิ่งรั่วปิงรีบเงยหน้าขึ้น หน้าของไซ่ตี้จวิ้นอยู่ใกล้กับเธอมาก

“รัดเข็มขัดนิรภัยด้วยครับ” ไซ่ตี้จวิ้นยิ้มอ่อนโยน น้ำเสียงนุ่มทุ้มราวกับหยดน้ำ

หลังจากที่ไซ่ตี้จวิ้นรัดเข็มขัดนิรภัยให้กับเธอ เหลิ่งรั่วปิงอดไม่ได้ที่จะถาม “ฉันนอนหลับไปสามปี มีหลายอย่างที่ฉันลืมไปแล้ว เมื่อก่อนพวกเราสนิทกันมากหรอคะ”

ไซ่ตี้จวิ้นคลี่ยิ้มบางๆ “ไม่ครับ เมื่อก่อนพี่เกลียดเธอมาก แต่เธอชอบพี่มาก ตัวติดกับพี่ทั้งวันเหมือนกาว สะบัดยังไงก็ไม่หลุด”

เหลิ่งรั่วปิงขมวดคิ้วอย่าไม่เข้าใจ “แล้วทำไมตอนนี้ถึงทำดีกับฉัน ฉันนอนหลับไปสามปีจนหน้าตาเปลี่ยนไป คุณก็เลยชอบฉันขึ้นมา”

“ฮ่าๆๆ…” ไซ่ตี้จวิ้นหัวเราะ ใช้นิ้วมือลูบจอนผมของเหลิ่งรั่วปิง แววตาของเขาอ่อนโยนมาก มองดูเธอเหมือนของรักของหวง “เพราะว่า เธอไม่ใช่เธอคนเดิมเมื่อสามปีก่อนแล้ว”

เหลิ่งรั่วปิงเงยหน้าขึ้น สบตากับดวงตาสีนิลของไซ่ตี้จวิ้น รู้สึกว่าคำพูดของเขามีความหมายบางอย่างแอบแฝง “คุณหมายความว่ายังไง”

ไซ่ตี้จวิ้นมองดูเธอเงียบๆ ราวกับมองดูน้ำในทะเลสาปในฤดูใบไม้ล่วง แววตาเป็นประกายมองมายังใบหน้าของเธอ แววตานั้นเคล้าไปด้วยความอารมณ์ลึกซึ้ง ผ่านไปนานครู่หนึ่ง นิ้วมือเรียวยาวลูบจับใบหน้าของเธอเบาๆ “มาถึงประเทศเอ้าตูแต่กลับไม่มาหาผม คุณเปลี่ยนทั้งหน้าตาและตัวตนของตนเอง ไม่อยากเจอผมตลอดชีวิตเลยหรอครับ ทำไมใจร้ายจัง”

ตึกตั๊ก ตึกตั๊ก ตึกตั๊ก!

เหลิ่งรั่วปิงได้ยินเสียงหัวใจของตนเองที่เต้นแรง

“คุณรู้ได้ยังไงคะ”

“ตั้งแต่รู้ว่าคุณออกมาจากเมืองหลง ผมส่งคนไปทุกสนามบิน สถานีขนส่งและท่าเรือของเอ้าตู เพราะผมหวังว่าหลังจากที่คุณมาถึงประเทศเอ้าตู ผมจะรู้ทันที มันเป็นอะไรที่บังเอิญมาก ผมเห็นคุณด้วยตาตนเอง แต่ผมอยากรู้ว่าคุณมาประเทศเอ้าตูแล้วจะมาหาผมไหม ดังนั้นผมจึงรอจนถึงตอนนี้ สุดท้ายคุณทำให้ผมผิดหวังจริงๆ”

เหลิ่งรั่วปิงก้มหน้าลงแล้วนั่งเงียบ เธอไม่รู้จะตอบยังไงดี ความรู้สึกที่ไซ่ตี้จวิ้นมีต่อเธอ เธอรู้ เธอเชื่อ ถ้าเขาไม่ได้รักเธอจริงๆ เขาจะเอาชีวิตตนเองมาปกป้องเธอทำไม แต่ว่า หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เธอไม่ต้องการมีความรักอีกแล้ว

“ไซ่ตี้จวิ้น ฉัน…”

“ผมเข้าใจ” ไซ่ตี้จวิ้นตบมือเหลิ่งรั่วปิงเบาๆ “ผมไม่บังคับคุณ ปล่อยให้มันเป็นไปตามความรู้สึกก็พอแล้ว ขอแค่คุณไม่ไปจากประเทศเอ้าตู ผมทำตามใจคุณทุกอย่าง คุณอยากได้อะไร ผมจะให้คุณทุกอย่าง ขอแค่เป็นสิ่งที่ผมมี ถ้าคุณต้องการผมยินดีที่จะให้ทั้งหมด”

ในที่สุดก็รอจนถึงวันที่เธอทิ้งหนานกงเยี่ย มาอยู่ข้างเขาแล้ว ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่อยากให้เธอไปจากเขา แม้ว่าต้องเสียทุกอย่างเขาก็ยินดี

เหลิ่งรั่วปิงน้ำตาคลอ เธอก้มหน้าลงมองดูขาของเขา “ขาของคุณ…”

“หายดีแล้ว”

“ฉันอยากมีชีวิตใหม่ เหลิ่งรั่วปิงในอดีตได้ตายไปแล้ว ฉันอยากเป็นฉู่หนิงซยา ถ้าเป็นไปได้ ฉันจะไม่ไปจากประเทศเอ้าตูตลอดชีวิต”

“ครับ” ไซ่ตี้จวิ้นจับมือเหลิ่งรั่วปิงแน่น “ผมจะอยู่กับคุณเอง”

“แต่ว่า ฉันแค่อยากจะเป็นฉู่หยิงซยา ฉัน…” ฉันไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องของความรู้สึกอีก

“ผมบอกแล้ว ผมเข้าใจ!” ไซ่ตี้จวิ้นจับมือเธอแน่นขึ้น “รั่วปิง ไม่สิ หนิงซยา ในเมื่อคุณมีชีวิตใหม่ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็มาเริ่มกันไหม ผมจะจีบคุณ รอคุณ ถ้าวันไหนที่คุณยอมเปิดใจให้ผม พวกเราก็จะอยู่ด้วยกัน แต่ถ้าคุณไม่เปิดใจให้ผม ผมก็จะคอยเฝ้ามองดูคุณเงียบๆ ไม่มีวันบีบบังคับคุณ ดังนั้น อย่าหนีไปเลยนะ”

แววตาของไซ่ตี้จวิ้นเต็มไปด้วยความคาดหวัง จนเหลิ่งรั่วปิงรู้สึกว่าตนเองจะถูกดูดเข้าไป ผ่านไปนานครู่หนึ่ง เธอคลี่ยิ้มบางๆ “ค่ะ ไซ่ตี้จวิ้น ฉันรับปากว่าจะพิจารณาคุณเป็นอย่างดี แต่ว่า มันอาจจะใช้เวลานานมาก บางทีอาจจะใช้เวลาไปทั้งชีวิตก็ยังไม่ได้คำตอบ”

“ไม่ว่านานเท่าไหร่ผมก็จะรอ”