ตอนที่ 315 เปลี่ยนหน้ากาก / ตอนที่ 316 ไป๋จื่อกลับมาแล้วหรือ

คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา

ตอนที่ 315 เปลี่ยนหน้ากาก

ใต้เท้ากู้ตะลึงลานไปในทันที เขาคิดว่าเมิ่งหนานและไป๋จื่อมีความสัมพันธ์เฉกเช่นสหายทั่วๆ ไป คนเช่นเมิ่งหนานจะชอบพอเด็กสาวชาวบ้านอย่างไป๋จื่อได้อย่างไรกัน เขาไม่ถูกใจแม้กระทั่งกู้ซีด้วยซ้ำไป

แม้ใต้เท้ากู้จะถือหางพรรคพวกของตนเอง ทว่าเขาให้ความสำคัญกับอนาคตของตนเองมากกว่า และอนาคตของเขาในตอนนี้ ก็อยู่ในกำมือของแม่นางน้อยเบื้องหน้าที่เขาเพิ่งโบยไป

เมืองหลวงเป็นอาณาเขตของเมิ่งหนาน สกุลเมิ่งมีอิทธิพลมากในเมืองหลวง หากเขาคิดจะลงหลักปักฐานที่เมืองหลวง อย่าเพิ่งพูดเรื่องหวังให้เมิ่งหนานช่วยสนับสนุนเลย ขอแค่เมิ่งหนานไม่สร้างความลำบากให้เขา เขาก็ต้องขอบคุณฟ้าดินแล้ว

ทว่าบัดนี้เขาลงไม้กับผู้เป็นที่รักของเมิ่งหนาน นับว่าหาเหาใส่หัวแล้วจริงๆ

ใต้เท้ากู้รีบเดินอ้อมแท่นตัดสินคดีออกมา สาวเท้ายาวๆ ไปตรงหน้าของไป๋จื่อ ก่อนจะดันเจ้าพนักงานที่ยกไม้แต่ไม่กล้าลงมือออกไป “ออกไปๆๆ ใครให้พวกเจ้าลงมือ ข้ายังไม่ได้ออกคำสั่งเลย พวกเจ้าก็ตีคนเสียแล้ว ยังตะลึงอะไรอยู่อีก นำนางลงจากแท่นลงโทษ”

ใต้เท้ากู้เหมือนกำลังแสดงละครเปลี่ยนหน้ากากอย่างไรอย่างนั้น บัดนี้รอยยิ้มประจบกองอยู่เต็มใบหน้า เขาพยุงไป๋จื่อลงจากแท่นลงโทษด้วยตนเอง “แม่นางไป๋ ข้าขอโทษด้วยจริงๆ เป็นข้าเองที่หละหลวม คนพวกนี้จึงบุ่มบ่ามลงมือ ทำให้แม่นางไป๋ต้องเจ็บตัวแล้ว ข้าหวังว่าแม่นางไป๋จะใจกว้าง อย่าได้หาความกับพวกเขาเลย”

ไป๋จื่อโมโหจนอยากจะหยิกใบหูของ ‘ข้าราชการผู้โปร่งใส’ ผู้นี้เสียจริงๆ เห็นนางไป๋จื่อเป็นคนโง่หรือ

นางช้อนสายตามองไปทางเถ้าแก่เฉิน อีกฝ่ายพยักหน้าให้นาง ก่อนจะยกมือขึ้นแล้วกดลงเบาๆ บ่งบอกให้นางอย่าได้วู่วาม

แม้ไป๋จื่อจะไม่พอใจเป็นอย่างมาก ทว่าสามไม้นี้ก็นับว่าเตือนสตินางได้โดยสิ้นเชิงแล้ว จะเป็นคนดีอย่างไรก็ต้องมองตามความเป็นจริงเสียบ้าง และตรงหน้านี้ก็คือความจริง ความยุติธรรมและความถูกต้องที่นางจินตนาการถึง ไม่มีทางมีอยู่จริงในสถานที่เช่นนี้

นางข่มโทสะในใจลง ฝืนยิ้มออกมาจางๆ กล่าวกับใต้เท้ากู้ว่า “ใต้เท้า ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ พวกเขาไม่ได้ตั้งใจ เพียงแค่สามไม้เท่านั้น ข้าทนไหว” นางยังคงฝืนยิ้ม ทว่าทุกครั้งที่ขยับร่างกาย บริเวณบั้นท้ายจะเจ็บเหมือนถูกเข็มเป็นพันเป็นหมื่นทิ่ม

แค่สามไม้ก็มีสภาพเช่นนี้แล้ว หากถูกโบยยี่สิบไม้ นางจะยังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกหรือ

ใต้เท้ากู้ตะคอกใส่เจ้าพนักงานในศาล “ยังตะลึงอะไรอยู่อีก ไม่รีบขนเก้าอี้มารึ”

ไป๋จื่อโบกมือ “ไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะ ใต้เท้ากู้ ข้ารู้สึกไม่สบายเล็กน้อย ต้องการกลับก่อน ขอลาเจ้าค่ะ”

อาอู่ได้ยินดังนั้นก็รีบเข้ามาพยุงไป๋จื่อ พานางจากออกจากเงื้อมมือของใต้เท้ากู้ มาสู่ข้างกายของตนเอง “ไปเถอะ พวกเรากลับบ้านกัน” เขารู้สึกทรมานใจอย่างยิ่ง หากไม่ใช่เพราะเขา แม่นางไป๋จะได้รับความลำบากเช่นในวันนี้ได้อย่างไร

ไป๋จื่อพยักหน้า จากไปพร้อมกับอาอู่ เถ้าแก่เฉินเองก็ตามหลังนางไปเช่นกัน ทั้งหมดออกจากที่ว่าการอำเภออย่างพร้อมเพรียง

ครั้นออกจากประตูของที่ว่าการอำเภอแล้ว เถ้าแก่เฉินก็ตามไป๋จื่อขึ้นรถม้าไปด้วย ครั้นเห็นไป๋จื่อเจ็บจนเหงื่อกาฬแตกพลั่ก เขาก็รู้สึกเสียใจมากเช่นกัน “ข้าขอโทษจริงๆ หากข้ามาเร็วกว่านี้สักสองก้าว เจ้าอาจจะไม่ต้องรับโทษเช่นนี้”

เด็กสาวส่ายหน้า พลางยิ้มขมขื่น “จะโทษท่านได้อย่างไรกัน จะโทษก็ต้องโทษที่ข้าคิดอ่านตื้นเขิน ข้าไม่ควรมาที่นี่ตั้งแต่แรก แต่ก็ดีเหมือนกัน สามไม้นี้ทำให้ข้าเข้าใจกฎที่มีอยู่บนโลกใบนี้อย่างถ่องแท้ ข้าไม่มีทางพลาดเช่นนี้ซ้ำสองเจ้าค่ะ”

เถ้าแก่เฉินประหลาดใจมาก คนทั่วไปถูกโบย ไม่ใช่ว่าจะมีแต่ความเคียดแค้น อยากจะแก้แค้นให้ตนเองเสียเต็มประดาหรอกหรือ เหตุใดนางไม่เหมือนใครเช่นนี้

ไป๋จื่อกล่าวกับเถ้าแก่เฉินว่า “เถ้าแก่เฉิน วันนี้ลำบากท่านมากทีเดียว หากท่านมาถึงไม่ทันกาล เกรงว่าชีวิตของคงจะต้องจบสิ้นแล้ว”

……….

ตอนที่ 316 ไป๋จื่อกลับมาแล้วหรือ

เถ้าแก่เฉินถอนใจ “ความจริงแล้วเจ้าไม่จำเป็นต้องทนรับความลำบากอยู่ที่นี่ หากเจ้าเปลี่ยนใจอยากไปเมืองหลวงก็บอกข้าได้ทุกเมื่อ ข้าจัดการให้เจ้าได้”

ไป๋จื่อส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะ ข้ายังไม่อยากไป หากในอนาคตข้าอยากไป จะต้องรบกวนท่านแน่เจ้าค่ะ”

ยามเหม่าสองเค่อ หูเฟิงตื่นตรงเวลา หลังจากนอนหงายอยู่นิ่งๆ สักครู่หนึ่ง เขาก็ลงจากเตียงอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะสวมเสื้อและล้างหน้าล้างตาเช่นก่อนหน้านี้

บนโต๊ะมีอาหารเช้าวางไว้เรียบร้อย เป็นโจ๊กและผักเคียงเช่นเคย ทั้งยังมีหมั่นโถวด้วย

เขาคีบผักเคียงคำหนึ่งใส่ปาก หัวคิ้วพลันขมวดเข้าหากัน เมื่อกลืนลงไปแล้ว เขาก็วางตะเกียบในมือลงทันที แล้วลุกขึ้นเดินออกไปที่ลานบ้าน

หูจ่างหลินกำลังตากหนังเสือและหนังหมาป่า ครั้นเห็นเขาออกมา เขาจึงรีบถาม “ดีขึ้นแล้วหรือ ยังปวดหัวอยู่หรือไม่”

หูเฟิงพยักหน้า “ดีขึ้นแล้ว ไม่ปวดหัวมากแล้วด้วย ท่านพ่อ ไป๋จื่อล่ะ”

หูจ่างหลินนึกถึงสิ่งที่ไป๋จื่อฝากฝังไว้ก่อนหน้านี้ รีบกล่าวว่า “นางบอกว่านางต้องไปยังที่ดิน อีกเดี๋ยวก็กลับมา”

“ไปที่ดิน? ไม่ใช่ว่าวันนี้นางจะไปร้องเรียนที่ที่ว่าการอำเภอหรือ” หูเฟิงถาม

หูจ่างหลินก็ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วไป๋จื่อไปไหน จึงรู้สึกกลัดกลุ้มใจเช่นกัน “นั่นสิ เมื่อวานนางบอกว่าจะไปร้องเรียน แต่ตอนที่จ้าวหลานมาทำอาหารเช้าเมื่อครู่ นางบอกข้าว่าไปจื่อไปที่ดินแล้ว ข้าเองก็สับสนนัก”

สีหน้าของหูเฟิงหม่นลง เขาถามอีกในทันที “อาอู่อยู่หรือไม่”

“ไม่อยู่ ไม่เห็นตั้งแต่เช้าแล้ว” หูจ่างหลินส่ายหน้า

“แล้วรถม้าเล่า” ชายหนุ่มถามอีก

หูจ่างหลินส่ายหน้าอีกครั้ง “รถม้าก็ไม่อยู่เช่นกัน จื่อยาโถวน่าจะนำไปใช้นะ”

หน้าอกของหูเฟิงกระเพื่อมขึ้นลงด้วยความร้อนใจ เขาโมโหไม่น้อย เด็กสาวนางนี้ไปรนหาที่ตายอีกแล้วหรือ คนแซ่กู้ผู้นั้นไม่ใช่คนดีอะไร เขาปล่อยให้พี่เขยของตนเองแสดงอำนาจบาตรใหญ่ในเมืองได้ ก็คงไม่มีทางทำอะไรกับพี่เขยของตนเองเพราะกระดาษฟ้องร้องแผ่นเดียวของนางหรอก กลับเป็นนางต่างหาก เด็กสาวชาวบ้านที่ไม่มีอำนาจ เมื่อเข้าประตูที่ว่าการอำเภอไปแล้วจะมีจุดจบอย่างไรก็ไม่มีใครรู้

“อาเฟิง เจ้าจะไปไหน” หูจ่างหลินเห็นเขารีบร้อนเดินออกไปข้างนอก จึงรีบตามไปถาม

“เข้าเมือง” หูเฟิงตอบเสียงทุ้ม

“ตอนนี้เจ้าจะเดินไปไหนมาไหนไม่ได้ จื่อยาโถวบอกว่าบาดแผลบนหัวของเจ้ายังไม่หายดี ต้องพักผ่อน” หูจ่างหลินรีบพูด

หากนางอยากให้เขาพักผ่อนจริงๆ นางก็ไม่ควรไปเสี่ยงอันตรายลำพังเช่นนี้

“ข้าไม่เป็นอะไรหรอก ท่านวางใจเถอะ” เขาเปิดประตูลานบ้านออกไป ทว่าเพิ่งเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ศีรษะของเขาก็เริ่มมีอาการปวดจวนเจียนจะระเบิด ตรงหน้ามืดมนเป็นระลอก จนเขาทำได้เพียงต้องค้ำกำแพงหอบหายใจ

“เจ้าดูตัวเองสิ ข้าบอกแล้วไม่ให้เจ้าออกมา เจ้ามีสภาพเป็นอย่างไรแล้วดูสิ” หูจ่างหลินประคองเขากลับเข้าไปในลานบ้าน

“อาเฟิง พ่อรู้ว่าเจ้าเป็นห่วงจื่อยาโถว แต่เจ้าก็ต้องเป็นห่วงร่างกายของตนเองด้วย จื่อยาโถวลำบากไม่น้อยเลย กว่าจะช่วยชีวิตเจ้ากลับมาได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เจ้าจะเป็นอะไรไปไม่ได้อีกเป็นอันขาด”

หูจ่างหลินประคองบุตรชายตรงไปที่ห้อง ก่อนจะกดร่างเขาลงบนเตียง บังคับให้เขาพักผ่อน

หูเฟิงพยายามฝืนร่างกายลุกขึ้น ทว่าเท้าเพิ่งแตะพื้น เขาก็รู้สึกเวียนศีรษะอย่างยิ่งยวด จนร่างกายล้มลงบนเตียงอีกครั้ง

ชิ้นส่วนความทรงจำในสมองแวบผ่านไปมาตรงหน้าเขาไม่หยุดหย่อน บัดนี้ความทรงจำเมื่อสามปีก่อนที่ถูกผนึกไว้เริ่มปรากฏออกมาทีละเล็ก ทีละน้อย ทุกครั้งที่ชิ้นส่วนความทรงจำปรากฏออกมาส่วนหนึ่ง เขารู้สึกเหมือนกับมีใครใช้ขวานจามลงมาอย่างไรอย่างนั้น มันทำให้เขาเจ็บปวดจนไม่รู้ว่าควรจะหายใจอย่างไร

ในที่สุดเขาก็ต้านไม่ไหว สลบไปอีกครั้ง

เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง บนใบหน้าของเขาไม่มีความเจ็บปวดหลงเหลืออยู่สักกระผีก เบื้องหน้าไม่ได้มืนมนเหมือนก่อนหน้านี้อีก เขามองเหม่อไปที่มุ้งเก่าขาด ก่อนจะลุกขึ้นโดยพลัน ครั้นลงจากเตียงแล้วก็ลืมแม้กระทั่งสวมรองเท้า เพียงถลันไปเรียกหูจ่างหลิน “ท่านพ่อ ไป๋จื่อกลับมาแล้วหรือ”