บทที่ 145: ความล้มเหลวอันน่าเศร้า
จับมือ มันเป็นท่าทางที่มีความหมายแตกต่างกันไปมากมาย แต่โดยพื้นฐานที่สุดแล้ว มันคือการสัมผัสทางกายภาพด้วยมือของคนสองคน อย่างไรก็ตามการกระทำนี้มีความหมายมากกว่านั้นมาก
ตัวอย่างเช่น มันสามารถตีความได้ว่าเป็นผลของการเกี้ยวพาราสี หรือการที่ความเข้าใจของทั้งสองฝ่ายตรงกัน หรือการตกลงกันระหว่างทั้งสองฝ่ายในบริบทของการหมั้นหมาย
แต่สำหรับโรเอลและชาร์ล็อตแล้วล่ะก็
“…”
“…”
“เจ้าพูดหน่อย ขยับหน่อยไม่ได้เหรอ?”
“อยากให้ฉันขยับยังไงล่ะ?”
“ออกแรงให้มากกว่านี้ก็พอ!”
ภายใต้การกระตุ้นของชาร์ล็อต โรเอลก็ได้ออกแรงบีบเล็ก ๆ น้อย ๆ เปลี่ยนการสัมผัสทางกายภาพให้กลายเป็นสิ่งที่ดูคล้ายคลึงกันกับแนวคิดดั้งเดิมของการจับมือ
“มันไม่ได้ผล อย่างที่ฉันบอกไปก่อนหน้านี้ โอกาสที่จะได้ผลมันน้อยมาก”
“ตราบใดที่ยังมีโอกาส พวกเราก็ต้องลอง มันดีกว่าการค้นหาอย่างไร้จุดหมายที่อื่นเป็นไหน ๆ”
แม้จะได้จับมืออันเย็นชาและอ่อนโยนอย่างย้อนแย้งของชาร์ล็อต แต่สีหน้าของโรเอลก็ยังคงนิ่งเฉย ทว่าหัวใจของเขากลับเต้นระรัวแตกต่างกับใบหน้าอันสุขุมเยือกเย็นของเขาเป็นอย่างมาก หากมองข้ามบุคลิกนิสัยของเธอแล้ว ชาร์ล็อตก็เรียกได้ว่าเป็นสาวงามที่เปรียบดั่งงานศิลปะที่ประณีตสวยงามละเอียดอ่อนโดยแท้จริง มันไม่ใช่แค่เพียงรูปร่างหน้าตาของเธอเท่านั้น แม้แต่สัมผัสและกลิ่นของเธอก็ทำให้ผู้ชายรู้สึกพึงพอใจได้
ผิวอันเปล่งประกายของชาร์ล็อตเรียบเนียนราวกับผ้าไหม เพียงแค่ได้ใกล้ชิด โรเอลก็ได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ จาง ๆ ลอยมาจากเธอ การได้ยืนใกล้ ๆ อย่างสนิทสนมกับเด็กสาวที่งามบริสุทธิ์ไร้ที่ติอย่างชาร์ล็อตช่างเป็นช่วงเวลาอันน่าหลงใหล
ถึงปากของโรเอลจะบ่นไม่หยุด แต่ร่างกายของเขานั้นกำลังเพลิดเพลินกับความรู้สึกนี้
กลับกันแล้ว ชาร์ล็อตนั้นกำลังก้มหน้าลงคิดแผนการต่อไปของเธอ
เราต้องการความใกล้ชิดมากกว่านี้งั้นเหรอ?
ชาร์ล็อตหวนนึกถึงคาถาพยากรณ์และคำทำนายที่เธอเคยได้ร่ำเรียนมาในอดีต ตามหลักแล้วระดับความเชื่อมโยงผ่านการจับมือกันนั้นยังถือว่าต่ำเกินไป ในบันทึกเก่าแก่ว่ากันว่ามีจอมเวทบางคนถึงกับดื่มเลือดของบุคคลอื่นเพื่อกระตุ้นภาพนิมิตเลยทีเดียว
แน่นอนว่าวิธีการดังกล่าวเป็นวิธีการที่เก่าแก่เกินไป และชาร์ล็อตก็ยืนกรานที่จะคัดค้านวิธีนั้น อย่างไรก็ตามหากเป็นเพียงแค่การเพิ่มระดับความใกล้ชิด มันก็ยังถือว่าพออดทนได้สำหรับเธอ
“กอดข้าซะ”
“อะไรนะ?”
“กอดข้าสิ พวกเราควรหาทางเพิ่มโอกาสที่พลังทางสายเลือดของเราจะสั่นพ้องกัน ข้าจะจ่ายให้เจ้าอีก 2,000 เหรียญทอง ลงมือเร็วเข้าสิ!”
“นี่…”
จะให้ขายศักดิ์ศรีของตัวเองเพื่อ 2,000 เหรียญทอง มันก็… ไม่สิ 2,000 เหรียญทองนั้นสำคัญกว่าศักดิ์ศรีมาก!
โรเอลถือว่าศักดิ์ศรีของตัวเองมีมูลค่าน้อยกว่า 2,000 เหรียญทอง ดังนั้นเขาจึงกัดฟันทำตามที่อีกฝ่ายบอก เพื่อให้แน่ใจว่าเธอพึงพอใจ เขาใช้กำลังมากขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย ทำให้ชาร์ล็อตร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก ขณะที่ถูกดึงเข้าไปในอ้อมกอดของเขา
“โรเอล เจ้าช่วยอ่อนโยนกว่านี้หน่อยไม่ได้รึไง?”
“เธอเป็นคนบอกให้ฉันใช้กำลังมากขึ้นเองไม่ใช่เหรอ?”
ระหว่างที่ร่างกายของพวกเขาแนบสนิทกันอย่างแน่นหนา ชาร์ล็อตก็พบว่าตอนนี้แก้มของเธอกำลังพิงอยู่บนไหล่ของโรเอล นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่ม ‘การทดลอง’ ที่ใบหน้าของเธอร้อนขึ้นด้วยความเขินอาย เด็กสาวแอบสูดหายใจเข้าออกลึก ๆ อย่างเงียบ ๆ พยายามอย่างเต็มที่เพื่อควบคุมการเต้นของหัวใจที่กำลังเต้นระรัวของตน
“นั่นมันกรณีก่อนหน้านี้! นอกจากนี้ข้าไม่ได้ขอให้เจ้าจู่โจมข้าซะหน่อย!”
“ก็ได้ ก็ได้ ในฐานะที่เธอเป็นลูกค้า เอาตามที่เธอต้องการเลย”
มันคงไม่ถูกต้องเท่าไหร่หากโรเอลจะบ่นหลังจากที่เขาได้รับเงินของชาร์ล็อตมาแล้ว ดังนั้นเขาจึงคลายมือให้ร่างของชาร์ล็อตพิงลงบนตัวเขาอย่างแผ่วเบา แต่นั่นก็ทำให้โรเอลรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกดึงดูดเข้าไปมากกว่าที่เคย เด็กชายจึงรีบเบือนหน้าหนีพยายามหลีกเลี่ยงดวงตาสีมรกตคู่นั้นอย่างรวดเร็ว
กลับกันแล้วชาร์ล็อตเองก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะควบคุมการหายใจและการเต้นของหัวใจ โดยพยายามหลีกเลี่ยงการมองใบหน้าของโรเอลในระยะใกล้ไปด้วย ท้ายที่สุดเด็กสาวจึงตัดสินใจเพ่งสายตาไปที่ต้นคอของเขาแทน
ทว่าโดยไม่ทันได้คาดคิด การกระทำที่เกิดจากความเขินอายนี้กลับทำให้ชาร์ล็อตพบความจริงบางอย่างที่น่าสงสัย
“หืม?”
ชาร์ล็อตจ้องมองไปที่ต้นคอของโรเอลด้วยความสับสน เธอสังเกตเห็นว่ามันไม่มีเครื่องหมายแห่งความรักที่เธอเห็นเมื่อตอนบ่ายอีกต่อไปแล้ว ทำไมจู่ ๆ มันถึงได้หายไปล่ะ?
รอยแห่งรักที่เกิดจากการขบเม้มที่ผิวหนังส่วนใดส่วนหนึ่งมากเกินไป ส่งผลให้หลอดเลือดขนาดเล็กแตกออก สำหรับคนธรรมดาแล้วน่าจะต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ในการฟื้นฟู ส่วนผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ ซึ่งมีความสามารถในการฟื้นฟูมากกว่านั้น อย่างน้อย ๆ ก็ต้องใช้เวลาราว ๆ สองวัน ซึ่งสามารถลดลงได้อีกตามสภาพร่างกาย
เห็นได้ชัดว่านั่นดูจะเป็นไปไม่ได้ในกรณีของตระกูลแอสคาร์ด ซึ่งเป็นที่รู้จักว่าเป็นตระกูลของจอมเวท แม้เวลาจะผ่านไปแล้วหลายชั่วโมงตั้งแต่บ่ายโมง แต่มันก็ยังค่อนข้างน่าสงสัยที่รอยช้ำนั้นหายไปภายในช่วงเวลาสั้น ๆ เช่นนี้
“เจ้ารักษารอยที่คอไปแล้วเหรอ? ”
“หืม? เธอหมายถึงอะไร? มีอะไรที่คอฉันเหรอ?”
โรเอลหันมองไปหาชาร์ล็อตเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ความสับสนปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา เด็กชายกะพริบตาปริบใส่เธอ ราวกับว่าเขานั้นไร้เดียงสาอย่างแท้จริง ทำให้สถานการณ์ยิ่งงุนงงมากขึ้นสำหรับเด็กสาว
เกิดอะไรขึ้นที่นี่กัน? ดูเหมือนเขาจะไม่รู้เรื่องนี้เลย… เดี๋ยวก่อน! ทำไมถึงมีร่องรอยของพลังเวทตรงนี้ล่ะ?
ชาร์ล็อตยกมือขึ้นสัมผัสผิวบริเวณที่มีเครื่องหมายแห่งความรักก่อนหน้านี้ ส่งผลให้เธอสัมผัสได้ถึงร่องรอยของพลังเวท ซึ่งไม่ตรงกับพลังเวทของโรเอล
มันเป็นร่องรอยของคาถาเวท บ่งบอกให้เด็กสาวรู้ว่าเครื่องหมายแห่งความรักนั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าการรวมตัวกันของพลังเวท ดูเหมือนว่าคาถาเวทนี้จะมีผลเพียงแค่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง แต่เนื่องจากการระเบิดของพลังเวทก่อนหน้านี้ ทำให้คาถานั้นถูกทำลายลง และเผยให้เห็นสภาพที่แท้จริง
นี่ข้า… ถูกหลอกงั้นเหรอ?
ชาร์ล็อตเบิกตากว้างเมื่อได้รู้ถึงความจริง แม้ว่าโรเอลจะมีความสัมพันธ์อันซับซ้อนกับเด็กสาวคนอื่น ๆ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ใช่คนประเภทที่ไร้ไหวพริบพอที่จะไปเกี้ยวพาราสีกับหญิงอื่นก่อนการพบกันครั้งแรกและทิ้งหลักฐานเอาไว้เบื้องหลัง
เมื่อตระหนักได้ว่าตนเองทำผิดต่อโรเอล ชาร์ล็อตจึงอดไม่ได้ที่จะประณามตัวเองในใจแต่เธอก็ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มต้นขอโทษเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร ทว่าก่อนที่เธอจะได้ลงมือทำอะไรได้ เสียงแห่งความโกลาหลก็ดังขึ้นมาจากทางประตู
“นายหญิงเพิ่งกลับมา ดังนั้นท่านอาจจะยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ตอนนี้ท่านชาร์ล็อตกำลัง…”
“ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจแล้ว ไม่ต้องห่วง ฉันจะปลอบใจท่านพี่เอง”
“ไม่ นายหญิง นั่นไม่ใช่สิ่งที่ดิฉันกำลังจะ…”
ปัง!
อลิเซียทำตามแผน มุ่งหน้าไปยังห้องอาหารซึ่งโรเอลน่าจะอยู่เพื่อปลอบใจเขา โดยไม่สนใจที่จะฟังสถานการณ์ทั้งหมด ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามบทที่คาร์เตอร์วางไว้ โรเอลก็น่าจะถูกปฏิเสธไปแล้ว และกำลังถูกชาร์ล็อตวิพากษ์วิจารณ์อยู่
งานของอลิเซียมีเพียงแค่วิ่งเข้าไป และชี้แจงว่ารอยแห่งความรักนั้นเป็นเพียงการแกล้งกัน ก่อนที่จะขอโทษโรเอลเกี่ยวกับเรื่องนี้
ด้วยวิธีนี้ การหมั้นหมายจะถูกยกเลิก และชื่อเสียงของโรเอลก็จะได้รับการกอบกู้เช่นกัน แม้ว่าอลิเซียจะต้องรับผิดสำหรับเรื่องนี้ และอาจจะทำให้โรเอลโกรธเธอ แต่เด็กสาวก็คิดว่ามันคุ้มค่า หากสามารถยกเลิกสัญญาการหมั้นนี้ลงได้
อลิเซียรีบวิ่งไปข้างหน้าอย่างกระวนกระวายใจ จนแอนนาไม่มีเวลาที่จะหยุดยั้งเธอ ท้ายที่สุดประตูก็ถูกเปิดออก และแล้วภาพที่เธอไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นก็ปรากฏขึ้น
เด็กชายและเด็กหญิงกำลังใช้ร่างกายพิงกันและกันในห้องที่ไม่มีใครอื่นอยู่ เด็กสาวลูบคลำต้นคอของเด็กชายอย่างอ่อนโยน ส่วนเด็กชายก็ได้แต่เบือนหน้าหนีด้วยความเขินอาย
น..นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ตามแผนของพวกเธอ ทั้งคู่น่าจะเลิกรากันไปแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมพวกเขาถึง…
สาวน้อยผมสีเงินที่เพิ่งบุกเข้ามาในห้อง ยืนนิ่งอยู่ที่ประตูด้วยความงุนงง
ซึ่งชาร์ล็อตก็สามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายที่อลิเซียปล่อยออกมาได้อย่างรวดเร็ว เธอเปรียบเทียบพลังเวทของเด็กสาวกับร่องรอยพลังเวทที่หลงเหลืออยู่บนคอของโรเอล จากนั้นดวงตาสีมรกตของเธอก็หรี่ลงในทันที
มันเป็นฝีมือของเธอคนนี้นี่เอง
…
ตอนนี้ โรเอลพบว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในตำแหน่งอันน่าอึดอัดใจกับอลิเซีย
จากมุมมองของเด็กชาย การที่อลิเซียได้ออกไปก่อนหน้านี้ ก็เพื่อทำการประท้วงต่อสัญญาการหมั้นหมายของเขา ทว่าทันทีที่เธอกลับมาถึงคฤหาสน์ เด็กสาวก็ต้องเห็นภาพของเขาและชาร์ล็อตที่กำลังกอดกันอยู่
ถ้าเขาเป็นอลิเซีย ฉากดังกล่าวจะต้องทำให้เกิดระเบิดครั้งใหญ่อย่างแน่นอน
โรเอลพยายามอธิบายเรื่องต่าง ๆ ให้กับอลิเซียที่กำลังตกตะลึง ทว่าก่อนที่เด็กชายจะได้พูดอะไร เสียงที่เปี่ยมไปด้วยความสงสัยก็ดังขึ้นมาจากตรงหน้าเขา
“ที่รัก เธอเป็นใครกัน?”
???
คำพูดที่หลุดออกมาจากปากของสาวน้อยผมสีน้ำตาลแดงในอ้อมกอดของโรเอล ทำให้หัวของเขาในตอนนี้ว่างเปล่าไปโดยสิ้นเชิง เด็กชายเบิกตากว้างมองไปที่ชาร์ล็อตแล้วพบว่าใบหน้าอันเฉยเมยของเธอได้เเปรเปลี่ยนไป เผยให้เห็นรอยยิ้มอันเขินอายที่สดใส ชาร์ล็อตในตอนนี้น่ารักมากเสียจนโรเอลคิดว่าเขากำลังกอดคนรักของตัวเองอยู่เสียอีก
“ที่รัก? ได้ยินที่ฉันพูดรึเปล่าคะ?”
เมื่อสังเกตได้ว่าโรเอลกำลังเหม่อลอย ชาร์ล็อตจึงบีบตัวเขาเบา ๆ ให้เด็กชายออกจากภวังค์อย่างรวดเร็ว ทันทีที่รู้สึกตัวและจ้องมาที่เธอ เด็กสาวก็กระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูของเขา
“3,000 เหรียญทอง”
“ฮ่าฮ่าฮ่า… ชาร์ล็อต ใจเย็น ๆ ก่อนสิ เธอคือน้องสาวของฉัน อลิเซียไง…”
ทันทีที่โรเอลได้ยินเงินที่อีกฝ่ายเสนอมา เด็กชายก็เหยียดหลังตรง หัวเราะเบา ๆ พลางก็เริ่มแนะนำอลิเซียกับชาร์ล็อตลูกค้าของเขา สองสาวทักทายกันด้วยมารยาทอันสมบูรณ์แบบ เพียงแต่ว่าการแสดงออกบนใบหน้าของพวกเขากลับแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
ชาร์ล็อตมีรอยยิ้มอันเป็นมิตรชวนให้นึกถึงพี่สาวที่เพิ่งได้พบกับน้องสาวของคนรักเป็นครั้งแรก แต่ใบหน้าของอลิเซียนั้นกลับซีดขาวจนน่ากลัว นัยน์ตาสีทับทิมของเด็กสาวเต็มไปด้วยความสับสน บรรยากาศที่เธอแสดงออกมาเหมือนดั่งสาวที่เพิ่งหมดรัก
“ท่านพี่ พวกท่านกำลังทำอะไรกันอยู่คะ”
“อา! อลิเซีย คือว่าพวกเราเป็น…”
“ขอโทษด้วยนะอลิเซีย นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันกับโรเอลได้พบกัน ดังนั้น ด้วยความตื่นเต้นพวกเราจึงเผลอทำอะไรเกินเลยไปหน่อย มันไม่สมควรจริง ๆ ที่พวกเราจะเร่งรัดอะไรแบบนี้”
ชาร์ล็อตแทรกเข้าไปในคำพูดของโรเอลอย่างไม่ลังเล ตัดคำอธิบายของเขาให้สั้นลง ก่อนจะก้าวเข้าไปหาอลิเซีย ทิ้งโรเอลไว้ข้างหลังพร้อมกล่าวขอโทษอย่างจริงใจ
“ในฐานะคู่รักที่หมั้นหมายกันและรักกันมาก ฉันคิดว่ามันเป็นความรับผิดชอบของฉัน ที่จะต้องตอบสนองความต้องการของคนรัก แต่เธอไม่ต้องเป็นห่วงไป ฉันจะระมัดระวังเกี่ยวกับเวลาและความเหมาะสมให้มากขึ้นในอนาคต เพราะบางอย่าง… ก็เหมาะสมที่จะทำภายหลังการแต่งงานเท่านั้น”
ชาร์ล็อตยิ้มอย่างเหนียมอายให้กับเด็กชายที่อยู่ข้างหลัง ก่อนก้มหน้าเล็กน้อย ราวกับว่าเธอคือเจ้าสาวที่กำลังรอคู่หมั้นของเธอพากลับบ้าน ริมฝีปากของโรเอลกระตุกเมื่อเห็นภาพนั้น เขารู้สึกเหมือนตนเองเพิ่งได้เปิดโลกทัศน์ใหม่
คนเราเล่นละครเก่งขนาดนี้ได้ยังไงกัน? นอกจากนี้ ยัยนี่พูดถึงอะไรกัน ที่ว่า ‘ตอบสนองความต้องการของเรา’?
โรเอลทำได้แค่ยืนโง่ ๆ นิ่ง ๆ เท่านั้น ส่วนอลิเซียนั้นแย่เสียยิ่งกว่า เด็กสาวผมสีเงินจ้องไปที่คู่สามีภรรยาที่อยู่ข้างหน้า ซึ่งมีภาพลักษณ์ราวกับว่าพวกเขากำลังจะแต่งงานกันในวันพรุ่งนี้ ด้วยท่าทางที่สับสน เธอไม่เข้าใจเลยว่าแผนการของพวกเธอผิดพลาดตรงไหนกัน
“คุณชาร์ล็อต ท่านพี่มีชีวิตรักที่ซับซ้อนมาก ดิฉันคิดว่าคุณควรเข้าใจเขาให้มากกว่านี้ก่อนที่จะตัดสินใจ…”
“โอ้? เธอหมายถึงพวกผู้หญิงที่สนใจคู่หมั้นของฉันงั้นเหรอ? นั่นมันไม่สำคัญอะไรเลย ฉันไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้นเลยสักนิด”
ชาร์ล็อตมองไปที่อลิเซียที่ส่ายไปมา ด้วยดวงตาสีมรกตอันเจิดจ้าของเธอ ริมฝีปากของเด็กสาวยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน
“ฉันเข้าใจดีว่า ที่รักของฉันเป็นผู้ชายที่โดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา บุคลิก หรือความสามารถ มันจึงเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่มีผู้หญิงหลายคนจะสนใจเขา ในชีวิตของเขาจะต้องมีผู้หญิงคนอื่น ๆ มาเกี่ยวข้องก่อนการนัดพบของเราอย่างแน่นอน และฉันก็ไม่มีปัญหาอะไรกับเรื่องนั้น…”
ระหว่างที่ชาร์ล็อตพูดคำเหล่านั้นออกมา เธอก็หันกลับมาโผเข้ากอดโรเอลแล้วด้วยรอยยิ้มอันเปี่ยมสุข
“… เพราะตอนนี้อนาคตของเขาเป็นของฉันแล้ว”
ม่านตาของอลิเซียขยายด้วยความตกใจ เธอจ้องมองไปที่โรเอลที่ยังคงนิ่งเฉย แม้ชาร์ล็อตจะกล้าแสดงออกถึงขนาดนี้ เขาไม่มีท่าทีที่จะสลัดเธอออกไปเลยแม้แต่น้อย ทันใดนั้นอลิเซียก็รู้สึกราวกับไร้พลังหมดเรี่ยวแรง ร่างกายของเธอโอนเอนไปมาเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวอำลาอย่างสับสนแล้ววิ่งออกไป
“ช่วยอย่ามารังแกน้องสาวของฉันแบบนี้ได้ไหม? เธอยังเด็กอยู่เลยนะ”
“เด็ก? หา เด็กที่ไหนจะวางแผนทิ้งเครื่องหมายความรักไว้ที่คอของเจ้ากัน?”
ชาร์ล็อตถอยห่างจากโรเอลก่อนจะยืดตัวตรง จากนั้นเธอก็เปิดเผยทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้จากมุมมองของเธอให้กับเขา เมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมดใบหน้าของโรเอลก็บิดเบี้ยวอย่างประหลาดใจ
อลิเซีย นอร่า แอนนา และคนอื่น ๆ ได้วางแผนร่วมกันเพื่อแสดงบทบาทต่อหน้าชาร์ล็อตงั้นเหรอ? นั่นมัน… ฟังดูไม่น่าจะเป็นไปได้เท่าไหร่เลยสำหรับเขา
โรเอลรู้ว่าอลิเซียเป็นห่วงชื่อเสียงของเขามาก ฉะนั้นเธอไม่มีทางพูดอะไรที่จะทำให้ชื่อของเขาเสียหายแน่ แม้นอร่าจะเป็นคนซาดิสม์ แต่เธอระมัดระวังอย่างมากที่จะไม่เปิดเผยเรื่องนี้ต่อหน้าคนอื่น นับประสาอะไรในเรื่องนั้น ส่วนแอนนานั่นเป็นไปไม่ได้ที่สุดแล้ว
ขนาดตอนที่อลิเซียเมินเฉยต่อโรเอล แอนนายังต้องขออนุญาตจากโรเอลก่อนเลย เธอถึงจะลงมือทำอะไรตามใจได้
“เดี๋ยวก่อนนะ เมื่อกี้นี้ เธอพูดถึงกองทัพสายลับมืออาชีพใช่ไหม…”
โรเอลนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ประกายไฟจะฉายชัดขึ้นมาในหัวของเขา
สายลับมืออาชีพทำให้โรเอลคิดถึงกองทัพ และบุคคลแรกที่แวบเข้ามาในความคิดก็คือพ่อของเขานั่นเอง ทันใดนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็ฟังดูสมเหตุสมผลขึ้นมาทันที
ให้ตายสิ! สรุปท่านพ่อเป็นคนบงการเบื้องหลังทั้งหมดเหรอเนี่ย! งานขนส่งเสบียงที่แนวหน้าก็น่าจะเยอะพออยู่แล้ว ยังแอบเอาเวลามายุ่งเรื่องที่นี่อีกงั้นเหรอ?
เมื่อได้รู้ความจริงแล้ว โรเอลก็พูดอะไรไม่ออก เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ให้กับสถานการณ์ที่ไร้สาระนี้ดี แผนของคาร์เตอร์ทำให้การหมั้นหมายของเขากับชาร์ล็อตกลายมาเป็นเรื่องซับซ้อนไปแล้ว
ขณะที่โรเอลกำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ชาร์ล็อตก็ตกอยู่ในห้วงความคิดของตนเช่นกัน
“เข้าใจแล้ว ถึงแม้เธอคนนั้นจะไม่ใช่ผู้บงการ แต่เธอก็ยังเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด ถ้าข้าปล่อยเธอเอาไว้ล่ะก็ มันก็รั้งแต่จะรบกวนงานของพวกเรา…”
“แล้วเธอคิดจะทำอะไรงั้นเหรอ?”
“100,000 เหรียญทอง ส่งเธอออกไปจากที่นี่หนึ่งเดือนซะ”