กู้ชูหน่วนหยุดอยู่ที่หน้าร้านตีเหล็กบนถนนในเมืองหลวง นางยิ้มราวกับว่ากำลังพูดกับตัวเอง
“พระจันทร์มืดลมแรง ไร้ผู้คน ใต้เท้าไม่ออกมา หรือว่าอยากกลับบ้านไปต้มหม้อไฟกับข้า?”
ในคืนที่มืดมิด ชายหนุ่มชุดดำสวมหน้ากากแบกฉินเดินออกมาอย่างช้า ๆ มีกลิ่นอายที่เย็นยะเยือกแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเขา
ชายหนุ่มอายุน้อย รูปร่างสูงและสมส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งชุดดำที่รัดรูป เผยให้เห็นรูปร่างที่ไร้ที่ติของเขา
เขาแบกฉินสีดำสนิทไว้ข้างหลัง ซึ่งโดดเด่นมากในยามค่ำคืน
เขาออกมาลอบสังหาร และยังคงแบกฉินมาด้วย คนผู้นี้สง่างาม
กู้ชูหน่วนมองไปที่เขา และรู้สึกเหมือนว่าจะเคยเห็นรูปร่างเช่นนี้ที่ไหนมาก่อน
นางกะพริบตาและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พ่อรูปหล่อ รูปร่างไม่เลวเลย เพียงแต่ไม่รู้ว่าหน้าตาจะหล่อเหลาหรือไม่ หากเจ้าหน้าตาดี บางทีข้าอาจจะพิจารณาแถมเงินให้อีกด้วย”
ชายหนุ่มไม่แสดงท่าทีใด ๆ และกล่าวออกมาว่า “ข้าเพียงต้องการระฆังวิญญาณสะบั้น”
“เช่นนั้นเจ้าก็บอกข้าสิว่าเจ้าจะเอาระฆังวิญญาณสะบั้นไปทำอะไร หรือไม่ก็บอกว่าระฆังวิญญาณสะบั้นนี้มีความลับอะไร?หากคำตอบของเจ้าทำให้ข้าพอใจ ข้าจะยอมมอบมันให้แก่เจ้า ว่าอย่างไร”
“ข้าเพียงต้องการระฆังวิญญาณสะบั้น” ชายหนุ่มพูดซ้ำอีกครั้ง
เมื่อมองไปที่นัยน์ตาที่เยือกเย็นคู่นั้น กู้ชูหน่วนก็นึกถึงคนผู้หนึ่ง เยี่ยเฟิง
นัยน์ตาที่เยือกเย็นคู่นั้นคล้ายกับเยี่ยเฟิงมาก เพียงแต่นัยน์ตาคู่นี้เยือกเย็นยิ่งกว่า เยือกเย็นมากจนกระทั่งเพียงแค่อยู่ใกล้เขาก็รู้สึกหนาวสั่น
กู้ชูหน่วนรู้สึกได้ว่าไม่มีไอสังหารอยู่ในตัวของเขา บางทีเขาอาจจะเป็นคนธรรมดาที่ต้องการระฆังวิญญาณสะบั้นจริง ๆ ก็ได้
“หากข้าไม่ให้ล่ะ”
ทันทีที่พูดจบ ร่างของชายหนุ่มก็ลอยขึ้นและซัดฝ่ามือไปที่ระฆังวิญญาณสะบั้นบนร่างของกู้ชูหน่วน
กู้ชูหน่วนเอียงตัวไปด้านข้าง และเสียงระฆังก็ดังก้องกังวานในยามค่ำคืน “พ่อรูปหล่อ แม้ว่าเจ้าจะชอบข้า ก็ไม่เห็นต้องรีบร้อนเช่นนี้เลย”
ชายหนุ่มชุดดำตามเป็นเงาตามตัว และมุ่งเป้าไปที่ระฆังวิญญาณสะบั้นบนร่างของกู้ชูหน่วน
กู้ชูหน่วนรวดเร็วมาก แต่ชายหนุ่มเร็วยิ่งกว่า วรยุทธของชายหนุ่มแข็งแกร่ง และกู้ชูหน่วนก็รับมือได้ทุกกระบวนท่า
“ปังปังปัง…”
ความมืดมิดในยามค่ำคืน และกระบวนท่าที่รวดเร็วไม่มีที่สิ้นสุด
ทันใดนั้นกระบวนท่าต่าง ๆ ก็หยุดลง ชายหนุ่มเอาฉินมาไว้ข้างหน้า แล้วกดฉินไว้ที่คอของกู้ชูหน่วน นัยน์ตาที่เยือกเย็นดูมีชัยชนะ
“ระฆังวิญญาณสะบั้น”
กู้ชูหน่วนกะพริบตาและเบิกตากว้าง “ในโลกนี้ ไม่มีกำลังภายในที่ทำลายล้าง และวรยุทธที่สูงส่งก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะชนะ”
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว
ทันใดนั้นท่าทางที่จับฉินของเขาก็เริ่มชา และดูเหมือนว่าพละกำลังของเขาจะหายไป
มีไอสังหารออกมาจากร่างของเขาและกล่าวว่า “เจ้าวางยาพิษข้า”
“ในยามศึกต้องใช้แผนลวงตาศัตรู ข้าเป็นสตรีที่อ่อนแอและไม่มีวรยุทธ จึงต้องมีวิธีในการป้องกันตัว”
ความเยือกเย็นของชายหนุ่มค่อย ๆ รวมตัว และแสงที่แหลมคมก็พุ่งออกมาจากนัยน์ตาที่เยือกเย็นของเขา “ข้าจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ข้าเพียงต้องการระฆังวิญญาณสะบั้น หากวันนี้เจ้าไม่มอบระฆังวิญญาณสะบั้นออกมา เจ้าก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”
กู้ชูหน่วนยังไม่ทันได้พูด ท่ามกลางความมืดมิด ร่างหลายสิบร่างก็โจมตีมาที่กู้ชูหน่วน และลงมืออย่างไร้ความปรานี
ชายหนุ่มชุดดำขมวดคิ้วและถลกแขนเสื้อขึ้น พลังภายในที่น่าเกรงขามของเขาโจมตีมือสังหารที่อยู่ไม่ไกล และอีกมือหนึ่งก็คว้ากู้ชูหน่วน เพื่อหลบหลีกการโจมตีของมือสังหาร
“อัก……”
มือสังหารถูกชายหนุ่มจัดการ และผู้คนหลายสิบคนก็กระอักเลือดและได้รับบาดเจ็บสาหัส
และฝ่ามือของมือสังหารก็ทำให้เกิดหลุมขนาดใหญ่ตรงกำแพงที่กู้ชูหน่วนยืนอยู่เมื่อครู่
กู้ชูหน่วนเอามือตบหน้าอกอย่างใจหาย “โชคดีที่เจ้าดึงข้าออกมาเสียก่อน มิเช่นนั้นร่างของข้าก็คงจะพรุน”
นางแสร้งทำเป็นตระหนกตกใจ
แต่ในใจก็ตื่นตระหนกเล็กน้อย
หลังจากที่โดนพิษของนางแล้ว สามารถที่จะฟื้นฟูกำลังภายในได้ในเวลาสั้น ๆ เกรงว่ากำลังภายในของคนผู้นี้คงจะลึกล้ำมาก หากใช้ท่าไม้ตายโจมตีนางในตอนแรก เกรงว่านางคงจะไม่ต้านไม่ไหว