ซ่งฝูเซิงตบไหล่ซ่งฝูกุ้ยเบาๆ ก่อนจะเดินหันหลังกลับไป

ทำดีแล้ว ทำถูกต้องแล้ว

ซ่งฝูกุ้ยมองไปที่ริมแม่น้ำฝั่งตรงข้าม เขารีบหันมามองซ่งฝูเซิงอีกครั้งพร้อมกับวิ่งตามไป ตบไหล่ข้าหมายความว่าอย่างไร ตกลงทำให้เกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นหรือไม่?

ซ่งฝูเซิงคิดในใจ ต้องพูดความจริงให้กับทุกคนฟัง มิเช่นนั้นพวกเขาก็ได้แต่คาดเดา

จริงๆ แล้ว แค่อาศัยการคาดเดา พวกเขาก็คงรู้สึกถึงความผิดปกติ

พวกเขาไม่ใช่คนโง่ เพียงแต่เป็นคนซื่อ อย่าคิดว่าพวกเขาเป็นคนโง่

“ได้ยินมาว่า เจ้าไม่กินยา?”

“ยาพวกนั้นแพงมาก”

ซ่งฝูเซิงเดินไปก็ขมวดคิ้วมองซ่งฝูกุ้ย “แพงหรือไม่แพง ก็ซื้อมาแล้วไม่ใช่หรือ? เจ้าไม่อยากหายป่วยหรือ”

ซ่งฝูกุ้ยรีบปฏิเสธ “ไม่ใช่ ข้าแค่คิดจะกินอย่างประหยัด ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว มีแค่อาการวิงเวียนเพียงเล็กน้อย ประหยัดยาไว้เผื่อใครจำเป็นต้องกินก็แบ่งให้เขาไป”

“เจ้าคิดว่ายาเป็นของกินเล่นหรือไง? ที่ใครก็สามารถกินได้” ซ่งฝูเซิงจ้องมองซ่งฝูกุ้ย ไม่รู้จะสรรหาคำพูดอะไรมาพูดดี เขาจ้องมองผมเผ้ารุงรังของเขาที่เป็นผลมาจากการร่วงตกลงไปในห้องใต้ดินและโดนลวก

อาการน่าเป็นห่วง

“รีบต้มยากินเสีย อย่าดื้อ”

“ได้สิ ฝูเซิง ข้ารู้แล้ว” ถึงแม้ซ่งฝูกุ้ยจะถูกตำหนิ แต่เขาก็รู้สึกอบอุ่นในใจเหลือเกิน เขาเดินตามซ่งฝูเซิงอย่างอารมณ์ดี

ซ่งฝูเซิงกลับมาถึงหน้าบ้านก็เห็นพวกเด็กๆ กำลังรายล้อมลูกสาวไว้ และสอบถามว่าเมื่อไหร่จะได้กินข้าวสวย เขาส่งสายตาให้ลูกสาว

ซ่งฝูหลิงพูดด้วยรอยยิ้มอย่างมั่นใจ “ข้าขอประกาศว่า เย็นนี้กินข้าวสวย”

“พี่พั่งยาดีที่สุด พี่พั่งยาดีที่สุด” ซ่งจินเป่านำเด็กสิบกว่าคนปรบมือดีใจและตะโกนออกมา

ท่านย่าหม่าตะโกนอยู่ในห้อง “ไม่ได้” แต่ถูกกลบด้วยเสียงหัวเราะของเด็กๆ

มีเด็กอายุเพียงสามถึงสี่ขวบหลายคนดีใจจนไม่รู้จะแสดงออกเช่นไร พวกเขาได้แต่ตะโกนร้อง พี่พั่งยาดีที่สุด และก็วิ่งเล่นไปด้วย มีเด็กบางคนหมุนรอบตัวเองจนเวียนหัวล้มลงนั่งกับพื้น เด็กคนอื่นก็ปรบมือหัวเราะชอบใจ ทุกคนมีความสุข เด็กๆ ก็เล่นอย่างสนุกสนาน

พวกผู้ใหญ่เห็นดังนั้นก็อยากจะด่า แต่ในใจของพวกเขาก็มีความสุข เสบียงอาหารที่ได้รับเป็นพวกข้าวชั้นดี ดีกว่าตอนที่อยู่บ้านเก่าก่อนจะอพยพลี้ภัยเสียอีก เจ้าคิดว่าเรื่องนี้แปลกหรือไม่ แม้กระทั่งจะด่าว่าลูกของตัวเองยังอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

ซ่งฝูเซิงเตือนท่านย่าหม่า “ท่านดูสิ ทุกคนดีใจขนาดนี้แล้ว ทำข้าวสวยเถอะ ทุกคนกินข้าวสวย พรุ่งนี้ยังมีคนขนมาส่งอีกหลายหมื่นจิน ท่านจะกลัวอะไร”

“กินทุกคนอย่างนั้นไม่ได้?”

“ต้องกินทุกคน”

ท่านย่าหม่าขมวดคิ้ว หยุดบ่น

ท่านลุงซ่งสูบไปป์จีนเดินเข้ามา เขาหัวเราะแล้วพูดว่า “ถือเป็นอาหารฉลองที่อยู่ใหม่ของพวกเรา กินดีมื้อหนึ่งคงไม่เป็นอะไรหรอก”

ท่านย่าหม่ากัดฟันเรียกพวกเพื่อนๆ นางเข้าไปในห้องเก็บเสบียงอาหาร แล้วเปิดกระสอบข้าวสารอย่างดี

พวกท่านยายที่เข้ามาช่วยกันทำอาหารต่างตักข้าวสารด้วยความระมัดระวัง

ท่านยายเถียนใช้มือกำข้าวสารจากกระสอบขึ้นมาดม “หอม หอมจริงๆ เมื่อก่อนพวกเราก็ไม่เคยกินข้าวขัดสีแบบนี้ พวกเราทำนาทั้งปีได้ข้าวดีก็นำไปขายแลกเกลือกันหมด”

ป้าใหญ่ของซ่งฝูเซิงพยักหน้าแล้วพูดว่า “นี่ถือเป็นความดีความชอบของซ่งฝูเซิง ไม่รู้ว่าเขาคุยอะไรกับใต้เท้าเหล่านั้น เห็นหน้าตาเจ้าเล่ห์ของหลี่เจิ้งคนใหม่นี้ พวกเจ้ารู้สึกผิดปกติอะไรหรือไม่?”

คำพูดนี้ แม่เฒ่าทุกคนก็รู้สึกเห็นด้วย

ทุกคนต่างบอกว่า รู้สึกเช่นเดียวกัน รู้สึกผิดปกติ

“แค่ลองคิดคร่าวๆ ทำไมเสบียงอาหารบรรเทาทุกข์เป็นข้าวขาวอย่างดี ตอนที่พวกเรามาถึง หลี่เจิ้งก็ไม่โผล่หน้าออกมา ลูกชายคนเล็กของเขาพูดวางอำนาจใหญ่โตกับพวกเรา วันนี้ขุนนางตำแหน่งใหญ่โตมานั่งที่ตั่งของพวกเรา แค่นี้ก็น่าจะรู้แล้ว ถ้าบอกว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ก็คงไม่มีใครเชื่อ”

“ใช่แล้ว พวกเขาต้องทำเรื่องที่ไม่ถูกต้องแน่นอน”

ถึงแม้ท่านยายทั้งหลายจะพูดไม่หยุด แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการทำงาน

อย่างเช่น หม้อใหญ่สี่หม้อที่ตั้งอยู่ข้างนอกกำลังต้มซุปผักกาดขาวเดือด ปุด ปุด วันนี้ต้มซุปผักกาดขาวไม่เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะทุกหม้อจะใส่น้ำมันงาลงไปหน่อย

น้ำมันงามีราคาแพง วันนี้เพิ่งซื้อกลับมา เกาถูฮู่รายงานรายการซื้อของ หลายคนได้ยินราคาก็รู้สึกไม่สบายใจ

ดังนั้นท่านลุงซ่งจึงเป็นคนเทน้ำมันงาลงไปในหม้อทุกใบด้วยตนเอง เพื่อให้ทุกคนได้กินอาหารที่มีน้ำมัน วันนี้ได้กินข้าวสวยกันแล้ว ก็ต้องได้ลิ้มรสชาติของเนื้อสัตว์ด้วย

เมื่อกลิ่นหอมของข้าวสวยที่หุงลอยมาเป็นระยะ พวกเด็กๆ ก็พากันยืนล้อมรอบหม้อข้าว มีเด็กเล็กบางคนดูดนิ้วมือเดินไป-มาใกล้หม้อข้าว พวกเขาถูกผู้ใหญ่ดุก็ไม่ออกไป

ซ่งฝูหลิงเดินวนไปมาอยู่หน้าหม้อข้าวก็ถูกดุเช่นกัน แต่นางโดนดุเนื้อเรื่องไม่เหมือนกับคนอื่น

ท่านย่าหม่าขมวดคิ้วและถลึงตาใส่หลานสาวแสนซื่อบื้อของนาง เจ้านี่โง่ไปแล้วใช่ไหม? มีข้าวสวยนิ่มๆ กลับไม่กิน หลานสาวซื่อบื้อของนางกลับจะกินกัวปา(ข้าวแห้งก้นหม้อ)

ท่านย่าโมโหจนอยากจะหยิกนาง

ซ่งฝูหลิงคิดในใจ ท่านย่า ท่านไม่เข้าใจ กัวปาอร่อยที่สุด ยิ่งเคี้ยวยิ่งมีกลิ่นหอม ยิ่งเคี้ยวยิ่งอร่อย

เฮ้อ น่าเสียดาย ท่านพ่อของนางไม่สามารถแสดงฝีมือให้ทุกคนได้ชิม

ท่านพ่อทำกัวปาเนื้ออร่อยมาก

ใช้เนื้อสัตว์หั่นเป็นแผ่นกับเห็ดหูหนูและน้ำซุปอันเข้มข้นที่ผสมแป้งลงไป หลังจากนั้นนำกัวปาทอดกับน้ำมันให้เป็นสีเหลือง นำเนื้อสัตว์ เห็ดหูหนู พริก ฯลฯ ใส่ลงไปบนกัวปา แต่นางทำไม่เป็น พ่อของนางทำอร่อยมาก