ตอนที่ 145 : ออกเมือง

ผ่านไป 30 นาที หวังเย่าก็กลับมารวมตัวกับหลี่ว่านเฟิงและคนอื่น ๆ

แต่มันต่างไปจากเดิม เพราะตอนที่หวังเย่ากลับมานั้น เขาได้สวมเครื่องแบบของผู้ตรวจสอบ ซึ่งทำให้เขาดูหล่อเหลายิ่งกว่าเดิม ที่ไหล่ของเขามีตราสัญลักษณ์สีทองของผู้ตรวจสอบระดับหนึ่งดาวอยู่ด้วย ในมือถือกระบี่สั้นที่สั่งทำเพื่อผู้ตรวจสอบโดยเฉพาะ มันเป็นกระบี่สั้นระดับ A ที่สามารถจัดการกับสัตว์อสูรเลเวล 30 ได้

“ฮ่าฮ่า เจ้าเด็กนี่จงใจทำแบบนี้สินะ “  หลี่ว่านเฟิงพูดขึ้นมา

ทุกคนพากันมองไปที่หวังเย่าเป็นตาเดียว ก่อนหน้านี้เขาบอกว่าจะไปเอาบางอย่าง แต่พวกเขาก็ไม่ได้สนใจ แต่ไม่คิดเลยว่าหวังเย่าจะได้ขึ้นเป็นผู้ตรวจสอบ 1 ดาวแล้ว

หวังเย่ายิ้มออกมาและพูดขึ้น  “แค่ชุดใหม่เอง จริง ๆ ผมก็ไม่อยากใส่ให้มันเปื้อนหรอก แต่ในเมื่อได้มาแล้วก็ต้องใส่ มันเป็นนิสัยของคนอยู่แล้วที่จะอวดของใหม่สักหน่อย”

จ้าวเมิ่งซีกระโดดเข้าไปกอดเขาและกระซิบออกมา  “ เอาจริง ๆ แล้วนายดูหล่อมากเลย”

หวังเย่าเมื่อได้ยินก็ใจสั่นรัว เขารับจับมือเธอเอาไว้และหัวเราะออกมา  “เธอไม่เห็นผู้ใหญ่อยู่ด้วยรึไง ? ”

จ้าวเมิ่งซีกรอกตาใส่แล้วเดินออกไป

เมื่อเดินทางออกจากเมือง รถก็ถูกเอาออกมาใช้ ด้านหน้าขบวนเป็นรถออฟโรด 2 คันที่ถูกใช้เปิดทาง เฉี่ยนเจินเฉียนนั่งอยู่คนเดียว หลี่ว่านเฟิงกับกู่หลิงหลิงนั่งอยู่ด้วยกัน ส่วนหวังเย่านั้นเหมือนอยากจะอวด เขาเอามอเตอร์ไซค์ออกมาแล้วขับออกไปพร้อมกับจ้าวเมิ่งซี

ด้านหลังรถออพโรดนั้น เป็นกลุ่มทหารรับจ้างหนึ่งร้อยกว่าคน พวกเขานั่งรถบรรทุกทั้งหมด 5 คันตามหลังมาอย่างกระชั้นชิด

เนื่องจากนอกเมืองเป็นพื้นที่ร้างขนาดใหญ่ ดังนั้นการที่รถแล่นผ่านนี้จึงไม่ได้ทำให้เกิดฝุ่นควันอะไร

หวังเย่ามองไปยังกลุ่มทหารรับจ้าง กองกำลังของพวกเขามีชื่อว่า “ธารเชี่ยว’ ความหมายก็คือลำธารที่เชี่ยวกราก กลุ่มทหารรับจ้างธารเชี่ยวนั้น เป็นกลุ่มทหารรับจ้างอย่างเป็นทางการ อีกทั้งสมาชิกของกองกำลังนั้นยังฝึกทักษะต่อสู้ขั้นที่ 4 อย่างทักษะ “เชี่ยวกราก”มาด้วย

กลุ่มทหารรับจ้างธารเชี่ยวไม่เหมือนกลุ่มทหารรับจ้างส่วนใหญ่ที่เป็นเหมือนเม็ดทรายกระจัดกระจายกันไปทั่ว หรือเป็นพวกหัวมังกุท้ายมังกร ที่ถึงเวลาเรียกก็มา ไม่มีอะไรก็แยกย้ายกันไป

กลุ่มทหารรับจ้างธารเชี่ยวนั้นมักจะไปรวมตัวกันเสมอที่โรงฝึก พวกเขาพักและคอยฝึกฝนด้วยกันเพื่อที่จะทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น

ที่สำคัญที่สุดคือกลุ่มทหารรับจ้างธารเชี่ยวนั้นรับแต่คนหนุ่มที่มีพรสวรรค์ หากสมาชิกของกลุ่มต้องการจะแต่งงาน พวกเขาก็จะออกจากกลุ่มนี้ไป

รถของพวกเขาราวกับม้า มันแล่นมาได้เกือบ 100 ไมล์ก่อนจะพบกับภูเขา ดังนั้นพวกเขาจึงลงจากรถแล้วเก็บรถเข้าไปในกระเป๋ามิติ ก่อนจะเรียกสัตว์อสูรของตัวเองออกมาเพื่อเดินทางข้ามภูเขา

หวังเย่าได้เรียกการ์ฟิลด์ออกมาและเดินทางออกไปพร้อมกับจ้าวเมิ่งซีเหมือนเดิม  หลังของการ์ฟิลด์นั้นกว้างและยังนุ่มอีกด้วย กู่หลิงหลิงก็อยากจะขึ้นมานั่งกับพวกเขา จนทำให้พวกเขารู้สึกกระอักกระอ่วน

“ลุงหลี่จะพาเธอไปเอง”  หวังเย่าปฏิเสธกู่หลิงหลิงที่ไร้เหตุผลทันที

“เด็กนี่จะมารบกวนพวกเราสองคนทำไม  เธอมาเพื่อดูโลกกว้างไม่ใช่รึไง”  หวังเย่าคิด

โชคดีที่หลี่ว่านเฟิงได้สร้างลมดึงตัวกู่หลิงหลิงออกไปก่อนจะพาเธอบิน

หลี่ว่านเฟิงเองก็ฝึกฝนทักษะลมมาเหมือนกัน เขากับเฉี่ยนเจินเฉียนต่างก็เรียนรู้ทักษะลมมาด้วย

แต่ต่อมาเฉี่ยนเจินเฉียนน่าจะได้หินกฎธาตุลมมา และบรรลุทักษะพายุสังหาร ทักษะการต่อสู้ขั้นที่ 8 น่าเสียดายที่เรียนรู้ได้แค่ 7 ใน 9 ส่วน ถ้าได้เรียนรู้ทั้ง 9 ส่วน มันถึงจะเรียกว่าทักษะการต่อสู้ขั้นที่ 8

หลี่ว่านเฟิงเองก็โชคดีเหมือนกัน แม้ว่าเขาจะไม่ได้หินกฎมาแต่ก็ได้เรียนรู้ทักษะลมมามากมาย เขาได้สร้างทักษะของตัวเองขึ้นมา มันมีชื่อว่าภูติแห่งพายุ

ทักษะภูติแห่งพายุคือทักษะขั้นที่ 6 และยังสมบูรณ์อีกด้วย หลี่ว่านเฟิงได้ฝึกฝนมันมาหลายปีและขึ้นไปถึงจุดสูงสุด แค่สะบัดมือก็สามารถสร้างพายุเป็นหมื่น ๆ ลูกในระยะ 10 ไมล์ได้ตามใจ

มันคือทักษะการต่อสู้ระยะไกลที่ดี แต่ไม่ดีเท่ากับพายุสังหารเพราะทักษะพายุสังหารนั้นกินพื้นที่เป็นวงกว้างกว่า

แน่นอนว่าทักษะภูติแห่งพายุเองก็มีข้อดีของมัน ซึ่งก็คือไม่ต้องใช้เวลาเตรียมตัว มันก็สามารถเรียกพายุขึ้นมาได้ตามใจ ถึงพลังโจมตีจะน้อย แต่ก็สามารถจัดการสัตว์อสูรระดับต่ำได้ และมันก็สะดวกอย่างมาก

อย่างไรก็ตามแม้หลี่ว่านเฟิงจะเป็นผู้ตรวจสอบ 4 ดาว แต่กลับมีทักษะต่อสู้ภูติแห่งพายุขั้นที่ 6 กับสัตว์อสูร 2 ตัวที่ไม่ได้แข็งแกร่งนัก เมื่อเทียบกับเฉี่ยนเจินเฉียนแล้ว มันก็ยังมีช่องว่างอยู่มาก

ต้องรู้ก่อนว่าอสูรสองตัวของเฉี่ยนเจินเฉียนนั้นมีเลเวล 70 และ 80 ซึ่งหนึ่งในนั้นอยู่ระดับศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย

ดังนั้นหวังเย่าจึงเดาว่าหลี่ว่านเฟิงคงรู้สึกกดดันอยู่ตลอด แต่แค่ไม่ได้แสดงมันออกมาก็เท่านั้น

เพราะมีผู้ตรวจสอบ 4 ดาวที่ฝึกทักษะลม มันจึงง่ายที่จะพาคนอื่น ๆ เดินทางไปด้วยได้  พวกเขาได้สร้างพายุเพื่อพัดกลุ่มทหารรับจ้างธารเชี่ยวขึ้นมาและเดินทางต่อ

แต่ก็มีคนจำนวนหนึ่งที่ไม่ได้ไปด้วยเพราะพวกเขาเองก็มีวิธีการเดินทางของตัวเองเช่นกัน

หวังเย่าพึ่งความสามารถในการร่อนของการ์ฟิลด์ ดังนั้นการบินข้ามภูเขานี้จึงไม่ใช่เรื่องยาก แค่ร่อนให้สูงกว่าพื้นสัก 200-300 เมตรก็เพียงพอแล้ว แม้ว่าจะไม่ได้เร็วนัก แต่ก็ไม่ได้ช้าจนเกินไป

ส่วนคนที่เหลือได้เรียกสัตว์อสูรที่บินได้ออกมา รูปร่างของพวกมันเหมือนกับค้างคาวสีฟ้าม่วง ความเร็วในการบินของพวกมันรวดเร็วอย่างมาก

บางคนมีปีกกางออกมาจากหลังก่อนจะโผบินขึ้นไปบนท้องฟ้า พวกเขาไม่ใช่สัตว์อสูรเพราะพวกเขาฝึกทักษะลมมา มันคือทักษะปีกลม ซึ่งเป็นการสร้างปีกขึ้นมาจากลม

ทักษะนี้ใช่ว่าจะฝึกสำเร็จได้ง่าย ๆ หลังจากที่ฝึกสำเร็จแล้ว ความเร็วของมันไม่ได้มากนัก แต่แค่สะดวก ดังนั้นจึงมีคนไม่มากที่ฝึกฝนทักษะนี้ มันไม่เหมือนทักษะพายุส่วนที่ 4 ที่ก็สร้างปีกลมขึ้นมาได้เช่นกัน

ภูเขาลูกนี้ไม่ได้เล็กเลย หวังเย่าใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมงกว่าจะบินผ่านภูเขาลูกนี้ได้ จากนั้นพวกเขาก็ลงไปเดินที่พื้นกันต่อ

เฉี่ยนเจินเฉียนและหลี่ว่านเฟิงได้พาพวกทหารเดินทางลัดเลาะภูเขาต่อ มันไม่ได้มีภูเขามากนัก อาจจะมีเนินเขาอยู่บ้าง สำหรับคนที่ร่างกายแข็งแรงรวมไปถึงใช้สกิลของอสูรแล้ว ก็เป็นธรรมดาที่เส้นทางนี้จะไม่ได้ยากลำบากอะไรเลย

เมื่อเดินทางข้ามภูเขาลูกต่าง ๆ มาได้ พวกเขาก็ต้องหยุดอยู่ที่แม่น้ำซึ่งกว้างกว่า 30 เมตร โชคดีที่กระแสน้ำไม่ได้เชี่ยวนักจึงทำให้ง่ายต่อการข้าม

วันนั้นพวกเขาเดินทางมากว่า 300 ไมล์ ก่อนจะพบกับพื้นที่ราบเพื่อทำการตั้งแคมป์

เพราะความแข็งแกร่งโดยรวมนั้นสูง ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูรแบบไหนหากถูกพวกเขาพบก็จะถูกฆ่าและนำมาทำเป็นอาหารทันที

สัตว์อสูรเหล่านี้ได้รับก๊าซ x มาจากมิตินอกและเกิดการกลายพันธุ์  พวกที่กลายพันธุ์ในช่วงแรกจะมีระดับสูงและแข็งแกร่ง