ยมทูตทั้งสามล้วนอยู่ในความตกตะลึง บนใบหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ สักพักถึงได้ตั้งสติได้ ก่อนจะจ้องมองไปยังคนทั้งสองอย่างโกรธเคือง “ท่านยมราชหมายความว่าอย่างไร”

“ฟังไม่เข้าใจเหรอ” อวิ๋นเจี่ยวยังคงพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม นางชี้ไปยังสมุดบันทึกความตายบนมือของชายแก่ “ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป พวกท่านไม่ใช่ยมทูตเมืองโยวหลิงอีก”

“เจ้าเป็นใครกัน มีสิทธิอะไรมาพูดเช่นนี้!” คนหนึ่งใจร้อนกำลังจะพุ่งตัวเข้ามา แต่กลับถูกคนตรงกลางรั้งเอาไว้

เขากวาดตามองอวิ๋นเจี่ยว จากนั้นหันไปมองไป๋อวี้ ก่อนจะพูดปนข่มขู่ “ท่านยมราชไม่อาจยอมรับพวกข้าไม่เป็นไร แต่ท่านต้องเข้าใจ ไล่พวกเราไปเรื่องเล็ก แต่ท่านเพิ่งรับหน้าที่ดูแลเมืองโยวหลิงก็ทำการเช่นนี้แล้ว ต่อไปจะทำให้คนอื่นเชื่อฟังได้อย่างไร ยมราชไม่ได้เป็นเช่นนี้!”

ชายแก่คิ้วขมวด เห็นได้ชัดว่าเขาถูกน้ำเสียงดูถูกนั้นกระตุ้นให้โกรธ เห็นเพียงเขาตอกกลับไป “ทั้งสามไม่ใช่ยมทูตแล้ว จะดูแลเมืองโยวหลิงอย่างไร คงไม่ต้องให้พวกท่านเปลืองแรง”

ทั้งสามคนสีหน้าดำทะมึน คนตรงกลางส่งเสียงเย็นในลำคอออกมา “เช่นนั้น พวกข้าจะคอยดูวิธีการของท่าน!” พูดจบก็เดินออกจากประตูไปด้วยความโกรธ อีกสองคนที่เหลือก็เดินตามขึ้นไป เมื่อเทียบกับตอนที่มา การจากไปนี้กลับเด็ดขาดมากกว่า พวกเขาลอยออกจากตำหนักและหายตัวไปในทันที แม้แต่เถิงสีที่เพิ่งเข้ามาก็ไม่สนใจ

เถิงสีผงะไป ก่อนจะเดินเข้าไปด้านในอย่างฉงน เขาทำความเคารพหยวนเจียง ก่อนจะมองไปยังอวิ๋นเจี่ยว “ศิษย์น้องเล็ก พวกเขา…เป็นอะไรไป” ทำไมถึงเดินจากไปกะทันหัน

“ไม่มีอะไร” อวิ๋นเจี่ยวยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย ราวกับไม่สนใจความโกรธของคนทั้งสาม “ถูกไล่ออกเท่านั้น”

“ฮะ?” ไล่ออกอะไร

“ก็คือต่อไปนี้พวกเขาไม่ใช่ยมทูตแล้ว” อวิ๋นเจี่ยวอธิบาย

“อะไรคือไม่ใช่ยม…” เขาพูดไปได้ครึ่งเดียว ก่อนจะเหลือบไปเห็นสมุดในมือของชายแก่ ทันใดนั้นตกตะลึง “พี่ไป๋ท่าน…ท่านเก็บสมุดบันทึกความตายของพวกเขา?!” พลังบนสมุดเล่มนั้นมีเพียงสมุดบันทึกความตายถึงจะมี

“ใช่ เจ้าหนูลงมือเอง” เขายกมือไปดึงยันต์บนหน้าผากลงมา ก่อนจะยื่นสมุดในมือไปให้อวิ๋นเจี่ยว เจ้าหนูเมื่อกี้ใช้ยันต์กระตุ้นป้ายยมราชในร่างกายของเขา ถึงเก็บสมุดบันทึกความตายกลับมาได้

“เพราะเหตุใด” เถิงสีเบิกตาโตกว่าเดิม

“พนักงานที่ไม่เชื่อฟัง เก็บไว้ก็เปลืองทรัพยากร” อวิ๋นเจี่ยวพูด

“นี่…”

“มีปัญหาอะไรเหรอ” อวิ๋นเจี่ยวถามกลับ

“มีปัญหาแน่!” คิ้วของเถิงสีขมวดจนเป็นปม เขาพูดด้วยความร้อนใจ “ศิษย์น้องเล็ก ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ชอบพวกเขาทั้งสาม ความจริงแล้วข้าก็ไม่ชอบ แต่เจ้าไม่รู้อะไร พวกเขาทั้งสามเป็นยมทูตในเมืองโยวหลิงมาหลายพันปีแล้ว ลับหลังไม่รู้มีอำนาจมากแค่ไหน อีกทั้งยมทูตอีกสามคนก็อยู่ข้างพวกเขา ถึงแม้จะเป็นศิษย์พี่หานเอง ก็ไม่อาจทำอะไรพวกเขาได้ ตอนนี้เจ้าไล่พวกเขาออก พวกเขาต้องไม่ยอมเป็นแน่ เมื่อถึงเวลานั้นยิ่งทำให้พี่ไป๋ดูแลเมืองโยวหลิงได้ยาก” ถึงแม้พี่ไป๋จะดูแลเมืองโยวหลิงชั่วคราว แต่หากเรื่องมันเลยเถิด เมื่อหานซูกลับมารับต่อคงจะยุ่งยากกว่าเดิม

“ที่เถิงสีพูดก็มีเหตุผล” หยวนเจียงก็ขมวดคิ้ว ก่อนจะถอนหายใจ “อย่างที่โบราณว่าไว้ ผีเล็กสลัดหลุดยาก พวกเราเก็บสมุดบันทึกความตายคืนมาเช่นนี้ พวกเขาคงต้องเคียดแค้นภายในใจ เมื่อถึงเวลานั้น ข้ากลัวว่าพวกเขาจะร่วมมือกัน เป่าหูเจ้าเมืองผีแต่ละเมืองก่อเรื่องขึ้น กระทั่ง…ยึดอำนาจของศิษย์หลานไป๋”

“วางใจเถอะ พวกเขาไม่มีโอกาสนี้!” อวิ๋นเจี่ยวกลับไม่กังวลแม้แต่นิดเดียว นางหันไปทางโต๊ะน้ำชาด้านข้าง หยิบกระดาษที่เตรียมไว้ยื่นออกไป “ท่านนำสิ่งนี้กลับไป คัดลอกสักหลายร้อยใบแปะทั่วเมืองโยวหลิง”

“เอ๊ะ? นี่คือ…” เถิงสีรับมาดู ยิ่งดูยิ่งฉงน ไม่เข้าใจความหมายของนาง “จะได้หรือ”

หยวนเจียงที่อยู่ด้านข้างดวงตาลุกวาว เข้าใจในทันที ก่อนจะหัวเราะออกมา “ฮ่าๆๆ แผนการนี้ดีเสียจริง ฟังศิษย์หลานเล็ก เจ้ารีบไปเถอะ”

อวิ๋นเจี่ยวครุ่นคิด ก่อนจะยื่นตราประทับสี่เหลี่ยมไปให้ “หลังจากคัดเสร็จ ประทับตรานี้ทั้งหมดถึงจะมีผล”

เถิงสีเก็บกระดาษแผ่นนั้นอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง จากนั้นรับตราประทับมา แม้แต่น้ำชาสักคำยังไม่ได้ดื่ม ก็รีบกลับไปยมโลก

“เจ้าหนู เจ้าให้อะไรเขา” ชายแก่ถามขึ้น

“อีกสองสามวันท่านก็จะรู้เอง” อวิ๋นเจี่ยวไม่ได้ตอบ หยิบข้อสอบที่เพิ่งตรวจเสร็จขึ้นมายื่นไปให้ “ข้อที่ผิดคัดสิบรอบ! พรุ่งนี้อาจารย์ปู่จะทดสอบ!”

ไป๋อวี้ “…” เจ้าเป็นปีศาจหรือ

เมืองโยวหลิง

เฟิงฉิงที่ถูกเก็บสมุดบันทึกความตายคืนไป เขาไม่เคยโกรธขนาดนี้มาก่อน เขาเป็นยมทูตมาหลายพันปี เขาป็นยมทูตก่อนที่หานซูจะกลายเป็นยมราชเมืองโยวหลิงเสียอีก ถึงแม้จะไม่ใช่คนที่มีพลังมากสุดในยมทูตทั้งหก แต่เขามีประสบการณ์มากที่สุด อย่าว่าแต่อยู่ในเมืองโยวหลิง แม้จะอยู่ในเมืองอื่น ก็ไม่มีใครกล้าไม่ไว้หน้าเขา

แม้แต่ท่านยมราชหานซูก็ต้องเคารพเขาสามส่วน แต่ตอนนี้ เขาดันถูกคนที่มาใหม่ตบหน้า อีกทั้งอีกฝ่ายยังเป็นมนุษย์ นอกจากเก็บสมุดบันทึกความตายคืนไปไม่พอ ยังบอกว่าจะยึดตำแหน่งยมทูตของเขาด้วย

เฟิงฉิงโกรธจนขำออกมา ตำแหน่งยมทูตไม่ใช่จะยึดคืนก็สามารถยึดคืนได้ ถึงแม้ไม่มีสมุดบันทึกความตาย แต่เขาก็ยังเป็นคนที่มีอำนาจในเมืองโยวหลิงนี้ ถึงแม้ท่านยมราชก็ไม่อาจรู้เรื่องต่างๆ ในเมืองผีได้ดีเท่าเขา อีกทั้งจะมีกี่คนที่ฟังคำสั่งเขา ถึงแม้จะมีป้ายยมราชอยู่กับตัว แต่เขาจะควบคุมวิญญาณได้มากแค่ไหน หากจะพูดถึงการดูแลเมืองผี อย่างไรก็ต้องพึ่งพายมทูตอย่างพวกเขา

เขายิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่ายมราชคนใหม่ช่างโง่เขลา เพิ่งรับตำแหน่งก็คิดจะกดยมทูตอย่างพวกเขาลงไป ไม่ดูว่าตัวเองมีปัญญามากขนาดไหน

เมื่อเฟิงฉิงกลับไป สิ่งแรกที่ทำคือประกาศให้หยุดการตัดสินวิญญาณทั้งหลาย อีกทั้งยังให้ผู้ใต้บังคับบัญชาหยุดการนำวิญญาณกลับมา ปิดประตูใหญ่ของสำนักตัดสิน ไม่ให้พวกเขาเป็นยมทูต? เช่นนั้นก็ตามความปรารถนาตั้งแต่นี้เป็นต้นไปเขาจะไม่สนใจเรื่องทั้งหมด เขาจะคอยดู ไม่มีการดูแลของพวกเขา เมืองโยวหลิงนี้จะกลายเป็นอย่างไร เมื่อถึงเวลานั้น เขาจะคอยดูว่าคนพวกนั้นจะมาขอร้องเขาอย่างไร

เฟิงฉิงหัวเราะเสียงเย็น หลังจากข่มความโกรธภายในใจลงแล้ว กลับปรากฏอารมณ์อยากดูเรื่องสนุกขึ้นมา ยมทูตอีกสองคนก็เช่นกัน พวกเขามั่นใจว่าอีกฝ่ายทำอะไรตนเองไม่ได้ จึงมีใจอยากสั่งสอนยมราชคนใหม่ แม้แต่ยมทูตอีกสามคนที่ไม่ได้ไปพบไป๋อวี้ก็ให้ความร่วมมือกับพวกเขา

ทันใดนั้นเหล่า ตำแหน่งต่างๆ ในเมืองโยวหลิงต่างว่างงาน เฟิงฉิงปิดประตูลงอย่างมั่นใจ รอคอยวันที่อีกฝ่ายมาขอร้อง

แต่พวกเขาทนรอไม่ถึงสองวัน ก็นั่งไม่อยู่แล้ว…