บทที่ 113 หลี่หรงหงุดหงิด

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

เมื่อเห็นบรรยากาศที่อบอุ่นบนโต๊ะอาหารแบบนี้ อวี้ฮ่าวหรานอดไม่ได้ที่จะหวนนึกถึงอดีต

ในตอนที่หลี่เม่ยยังอยู่ พวกเขาก็มีความสุขแบบนี้กันทุกวัน

แต่น่าเสียดายที่โชคชะตากลับเล่นตลกกับเขาและครอบครัว เขาต้องไปอยู่ที่ดินแดนต่างโลก 3 หมื่นปี แต่พอเขาหาหนทางกลับมาได้ หลี่เม่ยกลับไม่อยู่อีกแล้ว

เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ อวี้ฮ่าวหรานก็ถอนหายใจออกมาด้วยสีหน้าเศร้าหมองอย่างไม่รู้ตัว

แน่นอนว่าอาการเศร้าหมองของอวี้ฮ่าวหรานถูกทุกคนในโต๊ะอาหารสังเกตเห็นได้ทันที

“เอ่อ คุณอวี้เป็นอะไรงั้นเหรอ? หรือว่าข้าวที่รุ่ยเอ๋อร์ตักให้เมื่อครู่มันเป็นส่วนที่ไหม้?” สวีเซี่ยงจวินเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้ากังวล เขาไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆ ฝั่งตรงข้ามถึงอารมณ์แปรปรวนเร็วแบบนี้

“หืม? อ้อ…ไม่ใช่หรอก กินกันต่อเถอะ”

คำถามของสวีเซี่ยงจวินทำให้อวี้ฮ่าวหรานคืนสติ จากนั้นเขาจึงปรับอารมณ์อย่างรวดเร็วแล้วชวนทุกคนกินข้าวกันต่อ

“พ่อขึ้นถึงม่าม๊าใช่ไหม?”

จู่ ๆ ถวนถวนก็ถามโพล่งขึ้นมาด้วยสีหน้าหม่นหมองเช่นกัน

“พ่อจ๋า จริง ๆ แล้วหนูก็คิดถึงแม่เหมือนกัน หนูฝันถึงแม่ทุกวันเลย หนูกลัวว่าหนูจะไม่ได้เจอแม่อีกแล้ว…”

เด็กน้อยพูดต่อด้วยสีหน้าเศร้าหมองกว่าเดิม อารมณ์ของเธอตอนนี้ไม่สนุกเหมือนกับเมื่อครู่อีกต่อไปแล้ว

“ลูกไม่ต้องห่วง อีกไม่นานนักพ่อจะพาแม่กลับมาหาลูกได้แน่นอน”

อารมณ์ของอวี้ฮ่าวหรานยุ่งเหยิงมากกว่าเดิมในทันทีเมื่อเห็นว่าแท้จริงแล้วถวนถวนเก็บกดเรื่องแม่ของเธอมากขนาดนี้

“เรื่องมันเป็นยังไงมายังไงงั้นเหรอ?” สวีเซี่ยงจวินกับลูกสาวของเขามองหน้ากันเองด้วยความงุนงง ก่อนจะอดไม่ได้และถามขึ้น

อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แต่กลับกันถวนถวนกลับพูดขึ้นแทน

“แม่ของหนูหายตัวไปนานแล้ว หนูกับพ่อคิดถึงแม่มาก ๆ”

คู่พ่อลูกแซ่สวียิ่งรู้สึกสงสัยมากกว่าเดิมเมื่อได้ยินคำตอบนี้ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าถามอะไรต่อเพราะนี่มันเป็นเรื่องภายในครอบครัวคนอื่น มันจะเป็นการเสียมารยาทหากพวกเขายังคงถามต่อไปอีก

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อย อวี้ฮ่าวหรานขอตัวกลับทันที แต่ก่อนที่เขาจะจากไปเขาได้พูดทิ้งท้ายกับสวีเซี่ยงจวินไว้ว่า

“ดูแลสวีรุ่ยให้ดี ผมไม่สนว่าก่อนหน้านี้คุณจะมีปัญหาอะไรแต่หลังจากนี้ผมหวังว่าคุณจะไม่ไปยุ่งกับเรื่องที่ไม่ควรอีก”

เมื่ออวี้ฮ่าวหรานและถวนถวนออกจากบ้านไปแล้ว สวีเซี่ยงจวินอดไม่ได้ที่จะหันกลับมาพูดกับลูกสาวของเขาเอง

“รุ่ยเอ๋อร์ จากที่พ่อดู ๆ แล้ว พ่อคิดว่าลูกมีโอกาสที่ดีทีเดียว”

“หืม? พ่อพูดอะไรของพ่อ?” สวุรุ่ยถามกลับด้วยสีหน้างุนงง

“ในเมื่อตอนนี้ภรรยาของอวี้ฮ่าวหรานหายตัวไป ลูกเองที่ใกล้ชิดกับเขาพอสมควรก็มีโอกาสที่จะได้สานสัมพันธ์กับเขาได้มากยิ่งขึ้น จากที่พ่อดูแล้วผู้ชายคนนี้นับว่าสมบูรณ์แบบมากทีเดียว ลูกไม่ควรพลาดโอกาสนี้” สวีเซี่ยงจวินตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจัง

“พ่อ!”

สวีรุ่ยไม่คิดว่าเลยว่าในทันทีที่อวี้ฮ่าวหรานจากไป พ่อของเธอกลับพูดประโยคที่ดูน่าอายแบบนี้ออกมา

แต่อย่างไรก็ตามในใจของเธอกลับมีเศษเสี้ยวของความหวังเบ่งบานขึ้น

ผู้ชายที่เพียบพร้อมแถมตอนนี้ภรรยาของเขาก็หายตัวไป ซึ่งมันหมายความว่าเขายังไม่มีใคร… ถ้ามีโอกาสจริง ๆ เธอก็อยากจะ…

บ้า! นี่ฉันคิดอะไรบ้า ๆ แบบนี้ได้ยังไง!

“พ่อเลิกพูดเรื่องนี้เถอะ อวี้ฮ่าวหรานเขามีภรรยาอยู่แล้วนะพ่อ!”

หลังจากคิดไปไกลอยู่ได้ครู่หนึ่ง สวีรุ่ยก็ดึงสติตัวเองกลับมาได้ เธอหน้าแดงและต่อว่าพ่อของเธอทันที

“ว่าแต่ก่อนหน้านี้พ่อไปอยู่ที่ไหนมา? หนูกลัวอยู่ทุกวันว่าพ่อจะไม่กลับมาหาหนูอีก!”

“พ่อไปไหนมางั้นเหรอ?” เมื่อได้ยินคำถามนี้ สีหน้าของสวีเซี่ยงจวินเปลี่ยนเป็นหม่นหมองทันที

“ก่อนหน้านี้พ่อออกเดินทางไปทั่ว ออกไปจากเมืองฮ่วยอันแห่งนี้… ชีวิตของพ่อยากลำบากเป็นอย่างมาก…”

เมื่อพูดถึงคำนี้ สวีเซี่ยงจวินพลันหยุดไปครู่หนึ่งด้วยสีหน้าเจ็บปวด

“ในตอนนั้นพ่อตั้งใจเอาไว้ว่าจะหนีไปให้ไกลที่สุด ไม่กลับมาที่เมืองฮ่วยอีกเพราะพวกแก็งค์ทวงหนี้พวกนั้นมันโหดเหี้ยมมาก ๆ แต่ท้ายที่สุดพ่อก็ทนเป็นห่วงลูกไม่ไหวพ่อก็เลยย้อนกลับมาแล้วก็มาถูกเจอตัวโดยอวี้ฮ่าวหราน…”

ในระหว่างที่เล่า สวีเซี่ยงจวินก็เห็นว่าลูกสาวของเขานั่งลงที่โซฟาในห้องนั่งเล่นและร้องไห้อีกรอบ

“เฮ้อ… พ่อเป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่องจริง ๆ พ่อทำให้ลูกต้องทนทุกข์ทรมาน พ่อขอโทษ….”

“พ่อไม่ต้องขอโทษหนูหรอก หนูรู้ว่าพ่อจากไปเพราะต้องการปกป้องหนู หนูไม่เคยโทษพ่อเลย”

ในสายตาของคนนอก สวีเซี่ยงจวินดูเป็นคนที่ไร้ความรับผิดชอบและอ่อนแอ แต่ในสายตาของสวีรุ่ย พ่อของเธอนั้นเปรียบเสมือนขุนเขาที่ตั้งตระหง่านบังแดดบังฝนให้เธอตลอดเวลา

หลังจากอวี้ฮ่าวหรานจากไป คู่พ่อลูกก็นั่งคุยกันไปอีกพักใหญ่จนถึงเวลาเข้านอน

อีกด้านหนึ่ง

“กลับมากันแล้วเหรอ? ถ้าพี่กับถวนถวนยังไม่อิ่ม ฉันทำอาหารเผื่อเอาไว้ด้วย ให้ฉันเอาไปอุ่นในไมโครเวฟให้เอาไหม?”

หลี่หรงเอ่ยทักขึ้นด้วยความเป็นห่วงทันทีที่อวี้ฮ่าวหรานและ ถวนถวนเปิดประตูเข้ามาในห้อง

“เอ่อ…พี่กินมาอิ่มดีแล้วล่ะ”

“แม่หรง วันนี้หนูไปกินข้าวที่บ้านครูสวีมาด้วยแหละ อร๊อย อร่อย!”

คู่พ่อลูกตอบกลับแทบจะพร้อม ๆ กัน

“อ้อ ถ้างั้นในเมื่อกินมาอิ่มแล้ว งั้นก็รีบไปอาบน้ำเข้านอนได้แล้วนี่มันดึกมากแล้ว”

หลี่หรงตอบกลับด้วยสีหน้าสงบนิ่งพลางกดเปลี่ยนช่องทีวีไปเรื่อย ๆ ราวกับว่าเธอไม่แยแสอะไร

“พ่อจ๋า หนูว่าแม่หรงกำลังโกรธเราอยู่แน่ ๆ เร็วเข้าพ่อรีบไปง้อแม่หรงเร็ว ๆ” จู่ ๆ ถวนถวนก็เอ่ยขึ้นพร้อมกับกระตุกชายเสื้อของอวี้ฮ่าวหราน

แน่นอนว่าอวี้ฮ่าวหรานเองก็สังเกตเห็นเช่นกัน และเขารู้ด้วยว่าเหตุผลมันมาจากอะไร

อย่างไรก็ตามหากจะให้เขาอธิบายมันก็คงยุ่งเหยิงเกินไปดังนั้นเขาจึงพยายามชวนคุยเปลี่ยนเรื่อง

“เอ่อ… พรุ่งนี้ก็ถึงวันที่ถวนถวนต้องเอาเจ้าลูกกวาดไปแข่งที่โรงเรียนแล้วนะ เธอวางแผนว่าจะไปกับพี่ไหม?”

น่าเสียดายที่ถึงแม้ว่าอวี้ฮ่าวหรานจะพยายามเปลี่ยนเรื่อง แต่หลี่หรงก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะตอบอะไรกลับเหมือนเดิม กลับกันเธอกลับกดปุ่มเปลี่ยนช่องทีวีเร็วขึ้นกว่าเดิม

“อะแฮ่ม คือแบบนี้ ถ้าเราไปให้กำลังใจถวนถวนกันทั้งคู่ มันน่าจะทำให้ถวนถวนมีกำลังใจมากยิ่งขึ้น เธอว่าแบบนั้นไม่ดีกว่างั้นเหรอ?”

อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยถามขึ้นอีกรอบด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน เขาไม่รู้ว่าจะแก้ไขสถานการณ์ตอนนี้ยังไงดี นี่เป็นปัญหาที่เขาไม่คุ้นชินเลยถึงแม้ว่าจะใช้ชีวิตมาแล้วหลายหมื่นปี

อย่างไรก็ตามคำว่าไปให้กำลังใจถวนถวนมันเหมือนไปสะกิดความรู้สึกอะไรบางอย่างของหลี่หรง จนเธอต้องหันกลับมาตอบ แต่สีหน้าของเธอก็ยังไม่เป็นปกติอยู่ดี

“อืม ไปสิยังไงฉันต้องไปแน่นอน แต่ฉันหวังว่านับจากนี้พี่จะไม่พาลูกกลับมาบ้านดึกแบบนี้อีก เดี๋ยวฉันจะพาถวนถวนไปอาบน้ำ ส่วนพี่อยากจะไปที่ไหนต่อก็ตามใจเลย!”