บทที่ 74 ถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

บทที่ 74 ถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก

“แม่เจ้าโว้ย เจ้าพวกนี้สติแตกกันหมดแล้วหรือไง”

แม้แต่หลินเป่ยเฉินเองก็ยังไม่อยากเชื่อ

การประมูลดำเนินไปอย่างดุเดือดจนกระทั่งราคาไปจบที่ 70 เหรียญทองคำ

เซียวเซียว เด็กสาวหน้าตาน่ารักจากสถานศึกษากระบี่หลวงได้เข็มกลัดชิ้นสุดท้ายไปครอบครองด้วยราคาที่สูงถึง 70 เหรียญทองคำ เมื่อนางลงนามในสัญญากู้ยืมเรียบร้อยแล้ว สองแก้มของเด็กสาวก็แดงซ่าน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความตื่นเต้นหรือกังวลเรื่องสัญญากู้ยืมมากกว่ากัน

ดังนั้น เข็มกลัดดาราทั้ง 10 ชิ้นจึงถูกประมูลไปเรียบร้อยแล้ว

หลินเป่ยเฉินได้เงินมาทั้งสิ้น 380 เหรียญทองคำ

ถือเป็นเงินจำนวนมากมายมหาศาลสำหรับเมืองหยุนเมิ่ง

เหรียญทองจำนวนเท่านี้มีค่าเท่ากับเงิน 3 ล้าน 8 แสนหยวนในโลกมนุษย์

“อ้าว หมดแล้วหรือ?”

“ไม่นะ ข้ายังประมูลไม่ได้เลยสักชิ้น”

“นี่ข้าพลาดโอกาสเข้าสู่รอบต่อไปแล้วใช่ไหมเนี่ย? หมดกัน ทำไมเมื่อสักครู่นี้ข้าไม่ลองทุ่งเงินดูอีกสักหน่อยนะ ข้านี่มันช่างโง่เขลาเหลือเกิน”

“น่าเสียดายที่สุด…”

บรรดาศิษย์ที่ประมูลเข็มกลัดดาราไม่สำเร็จได้แต่บ่นกับตัวเองด้วยความทดท้อ ตีอกชกตัวและกระทืบเท้าด้วยความเสียดาย

การประมูลเมื่อสักครู่นี้จบลงไปอย่างน่าเหลือเชื่อ

โดยเฉพาะเข็มกลัดชิ้นสุดท้าย ที่ศิษย์ซึ่งเข้าร่วมการประมูลต่างมีดวงตาแดงก่ำ แข่งขันกันใส่ราคาอย่างขาดสติ พวกเขาตะโกนสุดเสียงเพิ่มจำนวนเหรียญทอง แต่มันก็สายเกินไป โอกาสสุดท้ายที่จะได้เข้ารอบต่อไปหลุดมือพวกเขาไปเรียบร้อยแล้ว

เยว่หงเซียงยืนอยู่ในความเงียบข้างกายหลินเป่ยเฉิน

แต่สีหน้าของนางไม่ได้ดูเยือกเย็นอีกแล้ว

เมื่อเห็นทุกคนร่วมประมูลเข็มกลัดดาราอย่างบ้าคลั่ง เด็กสาวก็อยากจะเข้าร่วมการประมูลเช่นกัน

เพียงเข็มกลัดชิ้นเดียว ก็สามารถเปลี่ยนชะตาได้แล้วทั้งชีวิต

โดยเฉพาะกับคนที่มาจากครอบครัวยากจนเช่นนาง

หากเยว่หงเซียงได้มีโอกาสเข้าสู่รอบ 20 คนสุดท้ายของการแข่งขัน ชีวิตของนางก็จะเปลี่ยนไปตลอดกาล

มันจะทำให้นางได้มีทางเลือกสำหรับการศึกษาในอนาคตมากขึ้น การเข้าเรียนต่อในสถาบันระดับสูง หรือการหางานทำในตัวเมือง ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากลำบากสำหรับเยว่หงเซียงอีกต่อไป

ยิ่งไปกว่านั้น นางจะกลายเป็นที่นับหน้าถือตาทั่วดินแดนจักรวรรดิทะเลเหนือ

แต่ปัญหาคือเยว่หงเซียงไม่มีเงิน

แม้แต่ราคาเริ่มต้น 10 เหรียญทองคำ นางยังไม่มีปัญญาซื้อหา แล้วจะเข้าร่วมการประมูลได้อย่างไร

และด้วยความยากจนนี้เอง นางจึงยังไม่ได้ซื้อยาสมานกระดูกเชื่อมต่อเส้นเอ็น ทำให้ต้องมาแข่งขันครั้งนี้ด้วยข้อมือที่บาดเจ็บ ไม่มีใครต้อนรับเข้าร่วมทีม แม้แต่คู่หูสักคนก็หาไม่ได้ นับเป็นการแข่งขันที่โดดเดี่ยวเหลือเกิน

แต่ถึงกระนั้น เยว่หงเซียงก็ไม่เคยคิดใช้ความสัมพันธ์ที่สนิทสนมมากขึ้นจากในกระโจมที่พัก ขอเข็มกลัดดาราจากหลินเป่ยเฉิน

เพราะนางเป็นคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่ากว่าหลินเป่ยเฉินจะตามหามาได้ครบทั้ง 10 ชิ้น เขาต้องยากลำบากขนาดไหน

นางรู้ว่าหลินเป่ยเฉินทุ่มเทเวลาแทบทั้งวันทั้งคืนตามหาเข็มกลัดดารา เรียกได้ว่าแทบไม่มีเวลารับประทานอาหารหรือหลับนอนด้วยซ้ำ ทุกวันเขาจะประทังชีพด้วยผลไม้ป่าและพืชผักที่นางเก็บเอาไว้ให้ และหากจะพินิจดูให้ดีแล้ว เยว่หงเซียงก็พบว่าตลอด 10 วันที่ผ่านมา หลินเป่ยเฉินดูจะผอมซูบลงไปไม่น้อย

แล้วนางจะไปขอสิ่งที่ผู้อื่นต้องพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้มาได้อย่างไร?

มีแต่คนเห็นแก่ตัวเท่านั้นแหละที่ทำได้ลงคอ

ขณะนี้ เกิดรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้าของเยว่หงเซียง นางรู้สึกดีใจแทนหลินเป่ยเฉินจริงๆ

แต่แล้วก็เกิดคำถามขึ้นในใจเด็กสาวว่า…

หลินเป่ยเฉินนำเข็มกลัดทั้ง 10 ชิ้นออกมาประมูลหมดอย่างนี้ เขาไม่เก็บเอาไว้ให้ตัวเองบ้างหรือ? หรือว่าเขาไม่อยากเข้าสู่รอบ 20 คนสุดท้าย?

ในขณะเดียวกัน หลิงเฉินกลับมีสีหน้าเยือกเย็นและเรียบเฉยเป็นอย่างยิ่ง

นอกจากตอนที่หลินเป่ยเฉินแสดงเข็มกลัดดาราทั้ง 10 ชิ้นให้ทุกคนเห็นแล้ว หลังจากนั้นนางก็ไม่ได้แสดงท่าทีตกใจ หรือพูดอะไรออกมาเลยสักคำ ไม่ว่าการประมูลจะดำเนินไปอย่างดุเดือดสักแค่ไหน มันก็เหมือนกับว่าเรื่องราวเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับนางแม้แต่น้อย

ด้วยตัวตนเจ้าหญิงจอมเผด็จการ หลิงเฉินเย็นชายิ่งกว่าภูเขาหิมะเสียอีก

ฝ่ายอู๋เสี่ยวฟางกับมู่ซินเยว่ก็มีใบหน้าหมองคล้ำจนดูไม่ได้แล้ว

ตอนนี้ทั้งสองคนก็เข้าร่วมการประมูลเช่นกัน

แต่โชคร้ายที่ราคาของพวกเขาไม่สามารถสู้กับศิษย์คนอื่นๆ ได้เลย

อู๋เสี่ยวฟางยังพอทำใจได้ เพราะรู้ตัวว่าก่อนหน้านี้หาเรื่องหลินเป่ยเฉินเอาไว้ไม่ใช่น้อย โอกาสที่ฝ่ายตรงข้ามจะมอบเข็มกลัดดาราให้เขาย่อมมีไม่มาก เพราะฉะนั้น เด็กหนุ่มจึงเตรียมตัวเตรียมใจไว้ล่วงหน้าแล้ว

ในขณะที่มู่ซินเยว่รู้สึกเหมือนมีมีดนับพันเล่มกรีดแทงหัวใจ ความรู้สึกเศร้าเสียใจกัดกินลึกลงไปถึงในเส้นเลือด คอยวนเวียนหลอกหลอนอยู่ในสมองไม่ไปไหน

นางได้แต่สำนึกเสียใจ

สำนึกเสียใจแล้วจริงๆ

ถ้าก่อนหน้านี้นางยังไม่ได้เลิกกับหลินเป่ยเฉินและไม่ได้ทิ้งเขามาอย่างใจจืดใจดำเมื่อวันนั้น หลินเป่ยเฉินก็จะยังคงเป็นลูกหมาเชื่องๆ ของนางต่อไป เขาจะต้องทำตามทุกอย่างที่นางร้องขอ หากเอ่ยปากว่านางอยากได้ หลินเป่ยเฉินก็จะต้องยินดียกเข็มกลัดทั้ง 10 ชิ้นให้นางทั้งหมดแน่นอน

แต่ตอนนี้นางควรทำอย่างไรดี?

หลินเป่ยเฉินคงไม่เอาเข็มกลัดออกมาขายอีกแล้ว และเพื่อเข้าสู่รอบ 20 คนสุดท้ายให้สำเร็จ อย่างน้อยเขาก็ต้องเก็บเข็มกลัดไว้กับตัวบ้างสักหนึ่งหรือสองชิ้น มู่ซินเยว่รู้ดีว่าหลินเป่ยเฉินไม่มีทางล้มเลิกความตั้งใจที่จะคว้าป้ายประจำตัวผู้มีพรสวรรค์เด็ดขาด

“หรือว่าเราจะเข้าไปขอร้องเจ้านั่นดูสักนิดดีนะ ลองแสดงท่าทีที่เป็นมิตรกับเขาสักหน่อย เขาน่าจะแบ่งปันให้ข้าได้สัก 1 หรือ 2 ชิ้นบ้างกระมัง ต่อให้ก่อนหน้านี้เขาจะทำเย็นชากับข้าสักเพียงใด แต่ก็คงไม่ถึงกับเกลียดชังกันแน่ๆ ตราบใดที่ข้ายอมเสียสละศักดิ์ศรีของตัวเอง คงไม่ถึงกับต้องมือเปล่าหรอกจริงไหม? ยิ่งไปกว่านั้น ข้าต่างหากที่เป็นรักแรกของหลินเป่ยเฉิน ไม่ใช่นางหลิงเฉินคนนั้น…”

ตลอดหลายวันที่ผ่านมา มู่ซินเยว่สังเกตเห็นว่าหลินเป่ยเฉินพยายามหลบหน้าหลบตาหลิงเฉินตลอดเวลา จึงไม่มีทางที่จะเกิดบรรยากาศแห่งความรักขึ้นระหว่างคนทั้งสองได้เด็ดขาด

ดังนั้น มู่ซินเยว่จึงเริ่มวางแผนการขึ้นในใจ

นางจัดการวิเคราะห์ แยกแยะและชั่งน้ำหนักผลดีผลเสีย

“ฮื่อ ได้โปรดสวรรค์เมตตาข้าน้อยด้วยเถิด! ข้าน้อยพลาดโอกาสสำคัญไปแล้ว ข้าน้อยขอโอกาสอีกสักครั้ง ครั้งนี้ข้าน้อยจะต้องประมูลมาให้ได้…”

บรรดาผู้ที่ที่รับความผิดหวังไม่ได้ ถึงกับเงยหน้ามองท้องฟ้า คร่ำครวญต่อสวรรค์

แล้วสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นจริงๆ

“อะแฮ่ม อันที่จริง พวกเจ้าไม่ต้องอ้อนวอนสวรรค์หรอก มาอ้อนวอนข้าดีกว่า เราเพิ่งผ่านการประมูลรอบแรก และในเมื่อพวกเจ้าถึงกับร้องไห้อยากจะให้ประมูลต่อไป ไอ้ข้ามันก็เป็นพวกแพ้น้ำตาคนอื่นเสียด้วย เอาเป็นว่า เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าทุกท่าน ข้าได้ตัดสินใจอย่างยากลำบากแล้วว่าจะนำเข็มกลัดดาราอีก 10 ชิ้นออกมาประมูลในรอบที่สอง ขอบอกพวกเจ้าเลยนะว่าโอกาสดีเช่นนี้คงไม่มีอีกแล้ว ใครที่คิดจะเข้าร่วมประมูลก่อนหน้านี้แต่ยังลังเล ได้โปรดรีบตัดสินใจก่อนที่มันจะสายเกินไป…”

ขณะที่พูดประโยคเหล่านี้ออกมา ดวงตาของทุกคนก็ต้องเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าในมือของหลินเป่ยเฉินปรากฏเข็มกลัดดาราขึ้นมาอีก 10 ชิ้น

มู่ซินเยว่ถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก

เซินเฟยก็มีอาการไม่ต่างกัน

หลี่เทาอ้าปากค้าง

เถาว่านเฉิงได้แต่ยืนกะพริบตาปริบๆ

เยว่หงเซียงเบิกตาโตด้วยความเหลือเชื่อ

แม้แต่หลิงเฉินก็ต้องแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมาอีกครั้ง

เหล่าศิษย์ทุกคน…ถึงกับนิ่งอึ้งตะลึงงันไปตามๆ กัน