ภาคที่ 2 บทที่ 151 สถานการณ์ที่ลำบาก

มู่หนานจือ

แน่นอนว่าหลี่เชียนรู้ว่าเจียงเซี่ยนพูดจาเชื่อถือได้

แต่เวลานี้เขากลับหวาดกลัวพฤติกรรมแบบนี้ของนางอยู่ลึกๆ เพราะเจียงเซี่ยนไม่เพียงแต่เป็นหนึ่งในสตรีที่ฐานะสูงศักดิ์ที่สุดในราชวงศ์ปัจจุบัน ทว่ายังมีจวนเจิ้นกั๋วกงกับไทฮองไทเฮายืนอยู่เบื้องหลังนางด้วย นางเป็นคนที่มีสิทธิพูด ดังนั้นคำสัญญาของนางก็จะกลายเป็นความจริง

เช่นเดียวกับเรื่องในครั้งนี้

หากเจียงเซี่ยนตกลงไปซานซีกับเขา ต่อให้เจียงเจิ้นหยวนมาด้วยตนเอง นางก็จะไปซานซีกับเขาอยู่ดี ตรงกันข้าม หากนางไม่ตกลง ต่อให้เขาคุกเข่าลงตรงหน้านาง นางก็จะไม่ไปกับเขาอยู่ดี

หลี่เชียนไม่อยากคุยเรื่องนี้ต่อแม้แต่นิดเดียว

เขาต้องการให้เจียงเซี่ยนกลับซานซีกับเขา เป็นภรรยาของเขา มารดาของลูกเขา ส่วนเรื่องอื่นก็ไม่จำเป็นต้องเอ่ยแล้ว

“ข้ารู้! ข้ารู้!” เขาโอบนางไว้ในอ้อมแขน และปลอบนางด้วยเสียงนุ่มนวลต่อ “พวกเราไม่คุยเรื่องพวกนี้ได้หรือไม่? เจ้าเหนื่อยแล้ว ก็นอนสักพัก ไว้เจ้าตื่นมาก็หายแล้ว…ข้ายังเอาขนมข้าวที่เจ้าชอบมาด้วย ใส่น้ำตาลแค่นิดหน่อย แล้วก็เอาน้ำหอมกุหลาบมาด้วย หากเจ้ารู้สึกว่าไม่ค่อยอยากอาหาร พวกเรายังสามารถราดน้ำหอมกุหลาบได้นิดหน่อยด้วย…”

ตื่นมาก็หายแล้ว!

แถมยังเอาขนมข้าวที่นางชอบกินมาด้วย!

เขาคิดว่าเขากำลังหลอกเด็กอยู่หรือ?!

เจียงเซี่ยนผิดหวังอย่างถึงที่สุด

ก็เหมือนกับหลายวันหลายคืนในอดีต เวลาที่หลี่เชียนปฏิเสธที่จะคุยเรื่องนั้นกับนางต่อ เขาก็จะเบี่ยงเบนหัวข้อสนทนา ไม่ว่านางจะคิดหาทางเอ่ยถึงอีกครั้งอย่างไร เขาก็สามารถปฏิเสธได้อย่างใจเย็น

นางไม่มีแรงที่จะโต้เถียงกับเขาต่อไปแล้ว

เอ่ยต่อไปอีก ก็มีแต่จะถูกปฏิเสธเท่านั้น เพียงแต่แบ่งเป็นถูกปฏิเสธอย่างเงียบๆ หรือถูกปฏิเสธด้วยสีหน้าทะเล้นเท่านั้น

และก็ยังจริงอย่างที่หลี่เชียนเอ่ย การร้องไห้โวยวายก็เป็นงานที่ต้องใช้กำลังเช่นกัน ตอนนี้นางอ่อนเพลียมาก จึงแค่อยากนอนที่ไหนสักตื่น โดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ไว้นอนเสร็จแล้ว มีเรี่ยวแรงแล้ว ค่อยไปคิดว่าต่อไปควรจะทำอย่างไร

ยิ่งกว่านั้นในหมู่บ้านนอกจากเจียงลวี่พี่ชายของนางแล้ว ยังมีจ้าวเซี่ยว หวังจ้าน และเฉาเซวียน

ชาติก่อนในสองสามคนนี้สุ่มหิ้วออกมาสักคนก็เป็นคนที่สามารถรับภารกิจคนเดียวได้ทั้งนั้น ตอนนี้ทุกคนอยู่ด้วยกัน…หากว่าหลายหัวดีกว่าหัวเดียว เช่นนั้นเวลานี้คนหนุ่มที่มีความสามารถโดดเด่นในราชวงศ์ปัจจุบันก็แทบจะอยู่ที่นี่กันหมดแล้ว ยังจะจับหลี่เชียนคนเดียวไม่ได้อย่างนั้นหรือ?

หลี่เชียนเจ้าก็รอโดนต่อยแล้วกัน!

เจียงเซี่ยนพยายามที่ลุกขึ้นจากอ้อมกอดของหลี่เชียน

หลี่เชียนเห็นนางตกใจจนสีหน้าซีดเซียว และแรงที่ผลักเขากลับเหมือนลูกแมว ก็ปวดใจเป็นอย่างมาก

หากไม่ใช่เพราะเขา นางก็คงจะไม่ได้รับความทุกข์ทรมานนี้เช่นกัน

แต่เขายอมถูกแล่เนื้อออกมาทีละชิ้น ทว่าจะไม่ยอมปล่อยนางไป…

หลี่เชียนทำได้เพียงแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นและอุ้มนางวางลงบนเตียงเตี้ยที่อยู่ข้างๆ และเอ่ยเสียงเบาว่า “เจ้าอย่าขยับ ระวังตรงไหนจะเคล็ด”

เจียงเซี่ยนเห็นเขาไม่รู้ว่าล้วงผ้าห่มออกมาห่มให้นางจากไหน ก็ขี้เกียจที่จะไปสนใจเขาแล้วเช่นกัน นางหลับตาลงและตัดสินใจพักผ่อนสักครู่

หลี่เชียนรู้สึกสบายใจเล็กน้อย เขาช่วยสอดมุมผ้าห่มเข้าไปในผ้าห่มให้นาง และถามนางเสียงเบาว่า “ไม่สบายตรงไหนหรือไม่?”

เขาคุกเข่าอยู่หน้าเตียงเตี้ย ตอนที่พูด ไอร้อนลอยมาโดนหูของนาง ทำให้คนจั๊กจี้และชา ในส่วนลึกของหัวใจก็เหมือนจะไร้กำลังและชาจนม้วนขึ้นมา

ความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยแบบนี้ทำให้เจียงเซี่ยนไม่สบายใจมาก นางหันหน้าไปทางอื่น อยากอยู่ห่างจากเขาหน่อย

หลี่เชียนเข้าใจผิดคิดว่านางกำลังโกรธ จึงรีบอธิบายว่า “ข้าผิวหยาบ ข้ากลัวว่าเมื่อครู่ตอนที่เจ้าตีข้าจะบาดเจ็บตรงไหน…เจ้าลองดูสิว่าเจ้าไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”

หากสงสารนางจริง ทำไมยังต้องหลอกนาง? แถมยังไม่ส่งนางกลับบ้านอีก?

เพียงแค่แสร้งทำเป็นจิตใจดี ทว่าความจริงแล้วมีเจตนาร้ายแอบแฝง

ท่าทางเสแสร้งแบบนี้ไม่รู้ว่านางเคยเจอมาตั้งเท่าไร แล้วนางยังจะสนใจเขาอย่างนั้นหรือ?

เจียงเซี่ยนโกรธขึ้นมาในทันใด นางอดที่จะเอ่ยเสียงเย็นชาไม่ได้ว่า “เจ้ายังช่วยทายาให้ข้าได้งั้นหรือ?”

หลี่เชียนถูกย้อนเข้าให้ทีหนึ่ง นานมากกว่าจะเอ่ยเสียงเบามากว่า “ไม่อย่างนั้น ข้าเรียกหลิวตงเยว่เข้ามารับใช้เจ้า?”

แน่นอนว่าเขาจับหลิวตงเยว่มาไม่ใช่ว่าไม่อยากฆ่าปิดปากหลิวตงเยว่ แต่เป็นเพราะว่าข้างกายนางต้องมีคนรับใช้สักคน และผู้หญิงก็ไม่สะดวกเท่าผู้ชาย!

เจียงเซี่ยนยกเท้าถีบหลี่เชียนไปทีหนึ่ง “เจ้าออกไปซะ!”

หลี่เชียนส่งเสียงอู้อี้ในลำคอ และนิ่งไปครู่ใหญ่

เจียงเซี่ยนรู้สึกกังวลและหวาดกลัวขึ้นมาทันที

คงจะไม่ได้ถีบโดนกลางลำตัวเขาใช่หรือไม่?

ตรงนั้นอ่อนแอที่สุดแล้ว ต่อให้นางไม่มีแรง หากถูกถีบก็จะเจ็บเจียนตายได้เช่นกัน…ทว่าจะให้นางไปปลอบเขา นั่นก็ไม่ได้อย่างเด็ดขาด เขามีแต่จะคิดว่านางกำลังหลอกลวงเขา และจะยิ่งไม่ปล่อยนางกลับไปแล้ว

เจียงเซี่ยนจำเป็นต้องแกล้งหลับอย่างเงียบๆ

เสียงเสื้อผ้าเสียดสีเบาๆ ดังขึ้นในรถม้า ถัดมานางก็ได้ยินหลี่เชียนเอ่ยเสียงแหบข้างหูนางว่า “เช่นนั้นข้าออกไปก่อน” แล้วก็ออกจากรถม้าไป

เจียงเซี่ยนไม่สนใจว่าเขาไปที่ไหน

ในเมื่อเขากล้าลักพาตัวนาง ก็ต้องเตรียมการมาล่วงหน้าอย่างแน่นอน

เวลานี้นางกังวลเพียงว่าพวกเจียงลวี่กับจ้าวเซี่ยวจะตามมาทันหรือไม่

สาเหตุที่เฉาไทเฮาจัดให้ตระกูลหลี่อยู่ซานซี ก็เป็นเพราะซานซีอยู่ใกล้เมืองหลวงมาก หากมีความเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย ตระกูลหลี่ก็สามารถมุ่งหน้าไปช่วยที่ภูเขาวั่นโซ่วได้อย่างรวดเร็ว ตระกูลเจียงคุมกองกำลังรักษาพระนครอยู่ ทว่าซานซีกลับเป็นซ่องโจรของตระกูลหลี่ หากพวกเขาเหยียบย่างเข้ามาในเขตซานซี นั่นก็เป็นเขตอิทธิพลของตระกูลหลี่แล้ว

ผู้ที่มีกำลังแข็งแกร่งก็สู้อำนาจในท้องถิ่นไม่ได้เช่นกัน

ต่อให้เจียงลวี่ตามมา ก็เป็นไปได้มากว่าจะไม่ได้ประโยชน์อะไร

โอกาสที่นางสามารถหนีไปได้ก็มีแค่ไม่กี่วันนี้เท่านั้น

หากเลยระยะเวลาที่กำหนดนี้ไปแล้ว นอกเสียจากว่าทั้งสองทัพคุมเชิงกัน ไม่อย่างนั้นนางก็กลับไปได้ยากมาก

แต่หากเรื่องราวไปถึงขั้นที่ทั้งสองทัพคุมเชิงกัน มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างหลี่เชียนลักพาตัวท่านหญิงคนหนึ่งแล้ว

ด้วยนิสัยของลุงนาง จะต้องกำจัดตระกูลหลี่ทั้งตระกูลอย่างแน่นอน

ส่วนจ้าวอี้ก็มีข้ออ้างทำให้ตระกูลเจียงส่งมอบอำนาจในการควบคุมกองกำลังรักษาพระนครแล้ว

ตระกูลเจียงไม่มอบให้ก็ขัดราชโองการ แต่หากมอบอำนาจทางการทหารให้ ความทุ่มเทความคิดในการวางแผนและจัดการมาหลายรุ่นของตระกูลเจียงก็จะแตกเป็นเสี่ยงๆ ในคราวนี้ และอาจจะถึงกับตกต่ำลงตั้งแต่นี้ไป จนกลายเป็นตระกูลหนึ่งที่มีฐานะต่ำกว่าคนทั่วไป

นี่เป็นสิ่งที่นางไม่อยากเห็น

หากเรื่องราวออกนอกลู่นอกทางขึ้นอีกนิด จ้าวอี้ยังยึดติดกับนาง เขาปล่อยตระกูลเจียงไป และให้นางเข้าวัง

นางเคยถูกหลี่เชียนลักพาตัว ไม่ว่าจะบริสุทธิ์หรือไม่ก็ไม่มีทางเป็นฮองเฮาได้

ทว่าหากเป็นสนม…ไม่ว่าจะเป็นนางหรือตระกูลเจียงก็เท่ากับถูกตรึงไว้บนเสาแห่งความอัปยศทั้งนั้น

เช่นนั้นตายเสียยังดีกว่า!

เวลานี้เจียงเซี่ยนใจเย็นลงแล้ว ถึงได้รู้ว่าเรื่องนี้ยุ่งยากแค่ไหน

นางอดที่จะนวดขมับไม่ได้ และแอบอธิษฐานให้เจียงลวี่รีบตามมา และไม่อยากจะคิดว่าหากเจียงลวี่ตามมาไม่ทัน นางควรจะทำอย่างไร…

แต่ในหมู่บ้านนั้นวุ่นวายมากแล้ว

ใบหน้าของเจียงลวี่เหมือนอสูร เขาถามพ่อบ้านของหมู่บ้านอย่างไม่สบอารมณ์และเย็นยะเยือก “ยังหานางไม่พบหรือ?”

“ยังขอรับ!” พ่อบ้านเหงื่อตกเต็มศีรษะ สีหน้าของเขาแย่กว่าเจียงลวี่เสียอีก “หาทุกที่แล้ว ไม่มีเบาะแสแม้แต่นิดเดียว ประตูข้างทุกแห่งล้วนยังอยู่ดี ของในห้องครัวก็ไม่หายเช่นกัน นอกจากท่านหญิงกับขันทีคนนั้นแล้ว คนอื่นต่างอยู่ในหมู่บ้าน…”

เจียงลวี่กวาดภาชนะบนโต๊ะชาใกล้มือทั้งหมดลงไปบนพื้น “ใครถามเจ้าเรื่องพวกนี้? ข้าให้เจ้าไปสืบว่าตอนบ่ายมีใครเห็นอะไรผิดปกติหรือไม่! ข้าไม่รู้อย่างนั้นหรือว่านอกจากท่านหญิงกับหลิวตงเยว่แล้ว คนอื่นต่างอยู่ที่นี่?”

เศษเครื่องเคลือบของถ้วยชาที่แตกละเอียดกระเด็นขึ้นมาบาดแก้มของพ่อบ้าน เลือดซึมออกมาเล็กน้อย เขายืนอย่างแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น และไม่กล้าเปลี่ยนสีหน้าแม้แต่นิดเดียว

ท่านหญิงเจียหนานหายตัวไปในหมู่บ้าน ไม่ว่าจะหาเจอหรือไม่ เขาก็มีชีวิตอยู่ไม่ได้แล้ว

ตอนนี้เขาแค่อยากทำตามคนเหล่านี้ รับผิดชอบความผิดเพียงคนเดียว ไม่ต้องให้เดือดร้อนไปถึงคนในครอบครัว

————————–