ตอนที่ 229 ช่วยเข้าใจผมหน่อยได้ไหม / ตอนที่ 230 ไม่ให้ใช้

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 229 ช่วยเข้าใจผมหน่อยได้ไหม

 

 

ป๋อจิ่งชวน “ก็ได้ ผมทำเพื่อป้องกันไม่ให้เธอเบี่ยงเบนทางเพศแล้วพาคุณเสียไปด้วย”

 

 

เฉินฝานซิง “…”

 

 

อวี๋ซงที่นั่งขับรถอยู่ด้านหน้า “…”

 

 

คุณผู้ชาย อนุญาตให้ผมได้ระบายความในใจออกมาสักคำเถอะ ภาพลักษณ์ของคุณใกล้จะไม่เหลือเต็มทีแล้ว

 

 

“ป๋อจิ่งชวน คุณ…คุณพอได้แล้ว ฉันพูดไปตั้งหลายครั้งแล้ว ชิงจือเป็นเพื่อนของฉัน คำพูดพวกนั้นที่เธอพูดวันนี้ยังพิสูจน์ไม่ได้อีกเหรอ อีกอย่าง ฉันก็ไม่ใช่พวกรักร่วมเพศด้วย”

 

 

“ผมรู้ แต่ผมจะไม่อนุญาตให้เรื่องใดก็ตามที่มีความเป็นไปได้ว่าจะมาแทรกกลางระหว่างเราเกิดขึ้นเด็ดขาด ถ้าจะโทษ ก็ต้องโทษที่เธอให้คุณดูหนังพวกนั้นแล้วโดนผมรู้เข้า ผมจึงทำเฉยอยู่อีกไม่ได้ เข้าใจไหม”

 

 

เฉินฝานซิงกัดริมฝีปาก “คุณจะทำตัวเป็นวิหกตื่นคัรศร[1]เกินไปหรือเปล่า แบบนี้มันเผด็จการเกินไปชัดๆ”

 

 

ป๋อจิ่งชวนกุมมือเธอเอาไว้ก่อนจะดึงเธอเข้าไปในอ้อมแขน นิ้วมือลูบไล้ไปที่ใต้คางของเธอ สัมผัสอบอุ่นจากนิ้วมือ น้ำเสียงอ่อนนุ่มทุ้มต่ำ กลิ่นหอมอ่อนๆ ของเหล้าที่ล่องลอยมาระหว่างพูด ชวนให้หลงใหล

 

 

“เผด็จการงั้นเหรอ” เขาค่อยๆ งับลงไปบนริมฝีปากของเธอ พลางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย้ายวน “คุณเป็นเพื่อนกับเธอมาสิบกว่าปี คบหากับซูเหิงมาสิบกว่าปี แล้วยังรู้จักกับน้องสาวต่างแม่คนนั้นของคุณอีกหลายปี ส่วนผมเพิ่งจะคบกับคุณได้ยังไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ ช่วยเข้าใจผมหน่อยสิ หืม?”

 

 

เฉินฝานซิงมองเขาด้วยความประหลาดใจ

 

 

 นี่เขาไม่มั่นใจในตัวเองถึงขนาดนี้เลยเหรอ

 

 

“อย่ามองผมแบบนี้สิ มันยิ่งทำให้ผมเสียหน้ามากกว่าเดิมนะ”

 

 

ที่ผ่านมาเขาชินกับการควบคุมทุกย่างไว้ในกำมือได้มาโดยตลอด และเชี่ยวชาญในการจัดแจงทุกเรื่องที่อยู่ในความควบคุมของเขาได้ด้วยตัวเอง

 

 

แต่ครั้งนี้ ดูเหมือนจะไม่ใช่แบบนั้น

 

 

ผ่านไปครู่ใหญ่ ฝานเฉินซิงจึงค่อยๆ เผยรอยยิ้มจางๆ ออกมา “ฟังคุณพูดแบบนี้แล้ว เหมือนว่าที่ฉันพัฒนาความสัมพันธ์กับคุณมาขึ้นภายในเวลาไม่ถึงเดือนนี้ทำให้ฉันดูใจง่ายเกินไปหรือเปล่า”

 

 

ดวงตาดำขลับของป๋อจิ่งชวนฉายประกาย มือที่จับปลายคางของเธอเอาไว้เริ่มออกแรงบีบแน่นขึ้น “ไม่เลย”

 

 

ถึงแม้เขาจะพูดออกมาแบบนั้น แต่ฝ่ามือของเขากลับค่อยๆ อ้อมไปยังแผ่นหลังของเธอ โดยเริ่มจากเลื่อนไปตามลำคอของเธอ ก่อนจะค่อยๆ คดเคี้ยวไปตามกระดูกสันหลังที่สวยงามตรงเข้ารูปของเธอลงไปด้านล่างเรื่อยๆ

 

 

เฉินฝานซิงตัวแข็งเกร็งเล็กน้อย มือที่กำลังอยู่บนไหล่ของเขาออกแรงผลักเขาสุดกำลัง

 

 

มือของป๋อจิ่งชวนหยุดอยู่บนเอวของเธอ ปลายจมูกนาบอยู่บนแอ่งคอระหว่างกระดูกไหปลาร้า กลิ่นหอมสดชื่นที่เป็นเอกลักษณ์ของเธออบอวลอยู่ที่ปลายจมูก ชวนหลงใหล

 

 

“บอกว่าความรักนวลสงวนตัวของคุณเป็นบททดสอบจิตใจที่ทรมานใจยังจะเหมาะกว่า”

 

 

“…”

 

 

เฉินฝานซิงพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ เมื่อได้ยินเสียงแหบเครือและทุ้มต่ำของชายหนุ่ม นอกจากใจเต้นเร็วขึ้นแล้ว เธอก็ตอบสนองอย่างอื่นไม่ได้อีกเลย

 

 

เฉินฝานซิงรู้สึกชาไปทั้งตัว

 

 

คืนนี้ เขาดื่มเหล้าเข้าไป อีกทั้งยังดื่มเข้าไปไม่น้อยเลยด้วย

 

 

ความเงียบสงัดภายในรถทำให้ได้ยินเสียงลมหายใจของเขาอย่างชัดเจน

 

 

เฉินฝานซิงเริ่มสนใจในการมีตัวตนอยู่ของบุคคลที่สามอย่างอวี๋ซงขึ้นมาตามสัญชาตญาณ

 

 

หนึ่ง เป็นเพราะว่าสถานการณ์ของเขาทั้งสองในตอนนี้ ไม่เหมาะที่จะมีบุคคลที่สามอยู่ในเหตุการณ์ด้วยอีกคน

 

 

สอง เป็นเพราะว่า อวี๋ซงเป็นเหตุผลในการปฏิเสธเขาของเธอในตอนนี้ได้

 

 

แต่ทว่า เพียงชั่วพริบตา ไม่รู้ว่าอวี๋ซงยกฉากกั้นระหว่างห้องโดยสารกับห้องคนขับขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่

 

 

มือที่วางอยู่บนเอวจู่ๆ ก็ขยับกะทันหัน พลันลูบไล้ไปมาไปตามชายเสื้อเชิ้ตของเธอ

 

 

ไม่นานนัก เธอเริ่มรู้สึกได้ว่ามือของเขากำลังค่อยๆ คลืบคลานเข้าไปใต้เสื้อของเธอ

 

 

สุดท้าย ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

 

ในท้ายที่สุด ป๋อจิ่งชวนก็ยอมปล่อยเธอ หลังจากที่สัมผัสได้ถึงร่างกายที่แข็งเกร็งของเธอตลอดเวลา เขาก็ยิ้มมุมปากออกมา นัยน์ตาลึกล้ำสีดำเข้มคู่นั้นแฝงไปด้วยความอ่อนช้อยสวยงาม

 

 

 

 

[1]วิหคตื่นคันศร ภาษิตจีน อุปมาคนที่เคยผ่านเหตุการ์ร้ายๆ มา แล้วทำให้ตื่นกลัวง่ายขึ้นเพียงแค่มีอะไรมากระทบจิตใจ

 

 

 

 

ตอนที่ 230 ไม่ให้ใช้

 

 

ในท้ายที่สุด ป๋อจิ่งชวนก็ยอมปล่อยเธอ หลังจากที่สัมผัสได้ถึงร่างกายที่แข็งเกร็งของเธอตลอดเวลา เขาก็ยิ้มมุกปากออกมา นัยน์ตาลึกล้ำสีดำเข้มคู่นั้นแฝงไปด้วยความอ่อนช้อยสวยงาม

 

 

“ตื่นเต้นเหรอ”

 

 

เฉินฝานซิงไม่ตอบ แต่เห็นเธอสบตาเขาด้วยท่าทีแข็งเกร็ง ทำให้เขาพอจะดูออกได้

 

 

จากนั้น เขาก็โน้มตัวเข้าไปประทับจูบลงบนปลายคางของเธอ “วางใจเถอะ ผมตั้งใจที่จะจีบคุณจริงๆ หากคุณยังไม่ตอบรับ ผมไม่มีทางทำอะไรคุณง่ายๆ แน่ แต่คุณก็อย่าให้ผมรอนานนักสิ ใช่ไหมล่ะ”

 

 

 เฉินฝานซิงถอนหายใจด้วยความโล่งใจเบาๆ

 

 

 ป๋อจิ่งชวนปล่อยเธอออก ก่อนจะยื่นแขนยาวๆ ของตัวเองไปหยิบกระเป๋าของเฉินฝานซิงที่วางอยู่ด้านข้างยื่นให้เธอ

 

 

“หยิบลิปสองแท่งที่เพื่อนคุณเพิ่งให้ออกมา”

 

 

เฉินฝานซิงไม่เข้าใจ “จะทำอะไร”

 

 

ถึงแม้จะถามแบบนั้น แต่ระหว่างพูด เธอก็ยอมหยิบลิปออกมาให้เขาแต่โดยดี

 

 

ป๋อจิ่งชวนหยิบลิปสติกสองแท่งในมือของเธอไป

 

 

“ผมไม่ให้ใช้”

 

 

“ทำไมล่ะ”

 

 

เฉินฝานซิงรีบร้อนยื่นมือออกไปเพื่อจะแย่งลิปสติกกลับมาทันที ถึงแม้ปกติเธอจะเป็นคนไม่ค่อยแต่งตัว แต่ก็เพราะแบบนี้เองที่ทำให้ลิปสติเป็นของสำคัญที่ขาดไม่ได้ในการดำรงชีวิตของเธอ

 

 

อีกอย่าง ลิปสติกสองแท่งนั้นก็เป็นสีที่เธอชอบมากด้วย

 

 

ป๋อจิ่งชวนรู้ทันรีบกำมือไว้แน่นเสียก่อน “ถ้าคุณชอบ ผมจะซื้อให้”

 

 

“แต่ว่า อันนี้จะเอามาทิ้งขว้างไม่ได้นะ”

 

 

“สองแท่งนี้ไม่จำเป็น”

 

 

“คุณ…”

 

 

“ตอนนี้คุณเป็นคนของผม ทุกสิ่งในร่างกายก็เป็นของผม ปากก็เป็นของผมด้วย ของของผม แน่นอนว่าผมมีสิทธิ์ในการตัดสินใจ”

 

 

ในระหว่างพูด เขายกแขนขึ้นมานวดขมับเบาๆ พลางเปลี่ยนท่านั่ง

 

 

เฉินฝานซิงได้แต่เอามือก่ายหน้าผากด้วยไฟโกรธที่สุมทรวงยู่ภายใน

 

 

สุดท้าย ก็เป็นแค่คนที่ชอบบังคับจิตใจคนอื่นจนเคยชิน ถึงแม้ต่อหน้าแล้วป๋อจิ่งชวนจะดูต่างไปจากปกติ แต่บางสิ่งบางอย่าง ก็เป็นนิสัยติดตัวที่ฝังลึกลงไปถึงกระดูกยากจะแก้

 

 

“ป๋อจิ่งชวน หรือว่าเพื่อพิสูจน์ความจริงใจในความสัมพันธ์ครั้งนี้ ฉันจะต้องตัดความเป็นเพื่อนกับสวี่ชิงจือไปเลยอย่างนั้นใช่ไหม”

 

 

ความเยือกเย็นที่อยู่ท่ามกลางชั้นบรรยากาศ เห็นได้ชัดว่าแผ่นซ่านอกมาจากตัวของเฉินฝานซิง

 

 

ป๋อจิ่งชวนเพียงแต่ลูบหัวเธอเบาๆ มือข้างหนึ่งค้ำกระจกรถด้านข้างเขาเอาไว้ ทั้งๆ ที่ภายนอกใส่ชุดสูทดูสุภาพเรียบร้อย แต่คงจะเป็นเพราะดื่มไปไม่น้อย ในเวลานี้เขายกยิ้มมุมปาก นัยน์ตาดำขลับแฝงไปด้วยแววตาเกียจคร้านที่ชวนหลงใหล ยิ่งไปกว่านั้นคือความเจ้าเล่ห์ที่ปะปนอยู่ด้วย

 

 

เขาหันหน้าไปมองเธอ นิ้วมือลูบไล้ไปตามเส้นผมของเธอก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นใบหน้าขาวเนียน พลางพูดด้วยน้ำเสียงแหบเสน่ห์

 

 

“อย่าเอาพวกเราสองคนไปเป็นตัวเลือกอยู่ด้วยกัน มันไม่ยุติธรรมกับผม”

 

 

เฉินฝานซิงรู้สึกหัวใจบีบคั้นขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ

 

 

เธอมองใบหน้าที่งดงามและแฝงไปด้วยความร้ายกาจของป๋อจิ่งวนอย่างเงียบๆ แต่กลับมองเห็นความรู้สึกเชื่อมั่นยืนหยัดอย่างหนักแน่นโดยไม่ต้องพิจารณาอะไรแม้แต่น้อยจากดวงตาคู่นั้น

 

 

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาเป็นคนที่ฉลาดมาก เรื่องบางเรื่องที่แม้แต่ตัวเธอเองยังไม่เคยคิดว่าจะต้องเลือกด้วยซ้ำ แต่ทว่าเขากลับรู้คำตอบของเธอก่อนแล้ว

 

 

ใช่แล้ว ถ้าหากป๋อจิ่งชวนและสวี่ชิงจือที่คนหนึ่งอยู่ในสถานะคนรัก คนหนึ่งอยู่ในสถานะเพื่อนสนิท หากมีเพียงตัวเลือก A และB ที่เลือกได้ เธอก็จะเลือกชิงจือ

 

 

โดยไม่ลังเลใดๆ เลย

 

 

“…ฉันขอโทษ”

 

 

ป๋อจิ่งชวนหัวเราะในลำคอ เสียงเบาบางราวกับสายหมอก

 

 

“ไม่เป็นไร ช่วงนี้ให้พวกเขาวนเวียนอยู่ในใจของคุณไปชั่วคราวก่อน…”

 

 

มือของเขาที่ลูบไล้อยู่บนใบหน้าของเธอค่อยๆ อ้อมมาทางหลังหูของเธออย่างช้าๆ ก่อนจะเกี่ยวท้ายทอยของเธอเอาไว้แล้วดันเธอเข้าหาตัวเอง

 

 

หน้าผากของเขาและเธอประกบกันเบาๆ กลิ่นเหล้าคละคลุ้งกับกลิ่นหอมสดชื่นจากร่างกายของเขากลายเป็นกลิ่นที่ไม่มีผู้ใดเหมือน

 

 

“ยังไงซะ ทุกอย่างก็เป็นของผมอยู่ดี”

 

 

แพขนตาของเฉินฝานซิงสั่นระริก

 

 

ส่วนทางฝั่งของสวี่ชิงจือ หลังจากกลับถึงบ้าน สิ่งแรกที่ทำก็คือเปิดคอมพิวเตอร์

 

 

กล่องอีเมล์ขาเข้ามีเมล์ที่ยังไม่ได้เปิดอ่านอยู่หนึ่งฉบับอย่างที่คิดไว้

 

 

เธอรีบเปิดอ่านโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย วีดีโอโหลดยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ปรากฏภาพขึ้นมา เนื้อหายังไม่ทันเริ่ม เธอก็ลุกขึ้นเดินไปรินน้ำมาหนึ่งแก้ว