ตอนที่ 165 พูดนินทาคนอื่นให้น้อยลงหน่อย

แม่สาวเข็มเงิน

ตอนที่เจียงป่าวชิงกลับมา นางก็รู้สึกว่าซุนต้าหูแปลกไป คล้ายกับเขาไม่เต็มใจที่จะสบตานางอย่างไรอย่างนั้น และดูเหมือนเขากำลังอัดอั้นตันใจอะไรบางอย่างเช่นกัน  ในยามปกติ หากว่ามีสาวคนใดซื้อของมาจากตลาดนัด พวกนางก็มักจะดึงซุนต้าหูมาอวด วันนี้ตอนที่อาหลีดึงซุนต้าหูมาคุยด้วย เขากลับไม่ค่อยพูดค่อยจา ทำเพียงขานรับอย่างลวก ๆ และไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก

เจียงป่าวชิงอดไม่ได้ที่จะมองซุนต้าหูสักพัก แต่เขากลับหลบสายตาของนางเสียอย่างนั้น

ในขณะนี้ ป๋ายรุ่ยฮัวยกยิ้มมุมปาก จากนั้นนางก็เดินมาคุยกับเจียงป่าวชิง “ป่าวชิง เจ้ากับหมอเกิ่งปรึกษากันเสร็จแล้วรึ ?”

อยู่ดี ๆ ป๋ายรุ่ยฮัวก็พูดถึงเกิ่งจื่อเจียงอย่างกะทันหัน  นางตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ ? เจียงป่าวชิงจึงมองป๋ายรุ่ยฮัวเล็กน้อยก่อนจะพูดไปว่า “สะใภ้ตระกูลป๋าย เจ้าถามถึงเรื่องนี้ทำไมรึ ?”

เมื่อป๋ายรุ่ยฮัวถูกเจียงป่าวชิงถามกลับเช่นนี้ แววแห่งความลำบากใจก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของนางทันที

ซุนต้าตงที่อยู่ด้านข้างคายรากต้นกกที่เคี้ยวจนกลายเป็นกากออกมาจากในปากแล้วส่งเสียงอุทานเล็กน้อย “เจียงป่าวชิง คำพูดประโยคนี้ของเจ้าข้าชักจะไม่ชอบฟังแล้วนะ สะใภ้ตระกูลป๋ายอะไรกัน ข้าแซ่ป๋ายหรืออย่างไร ? ห๊ะ ?! เหตุใดเจ้าถึงไม่เข้าใจอะไรเลย ?”

เจียงป่าวชิงมองซุนต้าตงด้วยแววตารำคาญ “สะใภ้ตระกูลป๋ายแซ่ป๋าย ข้าเรียกนางว่าสะใภ้ตระกูลป๋ายแล้วมันผิดตรงไหน ?”

ซุนต้าตงโมโหมากขึ้นมาทันที แต่เขาทำได้เพียงออกแรงดึงป๋ายรุ่ยฮัวด้วยความแค้นใจ “เจ้าก็เหมือนกัน จะพูดกับนางบ่อย ๆ ทำไม  ไม่รู้รึว่านี่เป็นการเอาใจคนอื่นโดยที่คนอื่นไม่สนใจเลย ดูนางสิ ตอนนี้แตกต่างจากเมื่อก่อนแล้ว นางมีหมอในเมืองเป็นผู้หนุนหลัง ไม่เห็นหรือว่าเอวของนางตรงเสียขนาดนั้น”

ป๋ายรุ่ยฮัวมองเจียงป่าวชิงด้วยท่าทางน้อยใจ จากนั้นนางก็ถอนหายใจอย่างลำบากใจที่จะพูดออกมา “ป่าวชิง ไม่ใช่ว่าข้าปากพล่อยหรอกนะ คนในเมืองมีความคิดที่ลึกซึ้ง พวกเขาอาจจะไม่ได้ชอบเจ้าจริง ๆ ก็ได้…”

ผู้คนที่ฟังการสนทนาของพวกนางอยู่ด้านข้าง ต่างก็หูผึ่งกันทั้งนั้น

สีหน้าของซุนต้าหูยิ่งขาวซีดมากกว่าเดิม

เจียงป่าวชิงแทบจะถูกพวกนักแสดงตัวแม่สองคนนี้ทำให้ขำอยู่รอมร่อ “อ้อ ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าสองคนกำลังบอกเป็นนัยอย่างลับ ๆ และโจ่งแจ้งหรอกรึว่าข้ากับหมอเกิ่งนั้นมีความสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสมต่อกันอยู่ ?” จากนั้นนางก็ทำหน้าเคร่งขรึมอย่างรวดเร็ว “อย่าได้แอบพูดนั่นพูดนี่อย่างลับ ๆ อีก วันนี้ข้าจะพูดตรงนี้ให้ชัดเจน  ข้ากับหมอเกิ่งเราบริสุทธิ์ใจและซื่อสัตย์ต่อกัน  ที่ข้าไปหาเขาก็เพื่อเป็นการหาช่องทาง เพราะข้ามีการค้าที่ต้องร่วมทำด้วยกันกับเขา  ตั้งแต่วันนี้ไป หากข้าได้ยินใครนินทาว่าข้ากับหมอเกิ่งเป็นอย่างนู้นอย่างนี้กันอีก ซุนต้าตง ป๋ายรุ่ยฮัว พวกเจ้าสองคนก็รอข้าไปสร้างปัญหาให้พวกเจ้าได้เลย!”

ป๋ายรุ่ยฮัวยังไม่เคยเห็นเจียงป่าวชิงพูดเย้ยหยันยาวเหยียดแบบนี้มาก่อน ท่าทางของนางราวกับปฏิบัติกับคู่อริอย่างไรอย่างนั้น

สีหน้าของนางเปลี่ยนไป แต่นางยังคงฝืนพูดอธิบายอยู่ดี “ป่าวชิง ข้าเป็นห่วงเจ้า… เหตุใดเจ้าถึงเป็นเช่นนี้เล่า ?”

เจียงป่าวชิงหัวเราะเยาะ “พอได้แล้ว เก็บความเป็นห่วงของเจ้าไปเถอะ เจ้าคิดว่าข้ามองแผนการนั้นของเจ้าไม่ออกรึ ?”

ป๋ายรุ่ยฮัวยังคงรั้งต่อไป “ไม่นะ ข้าไม่ได้…”

เจียงป่าวชิงหันหน้ากลับไปโดยที่ไม่สนใจนางอีก

ซุนต้าตงหัวเราะเยาะออกมานิดหน่อย เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับถูกซุนต้าหูถลึงตาใส่แล้วดึงแขนเขาเพื่อห้ามไว้เสียก่อน  พอถึงทางเข้าหมู่บ้านชีหลี่โว เจียงป่าวชิงก็กระโดดลงจากรถก่อน จากนั้นนางก็หันหน้ากลับไปพูดกับซุนต้าหู “พี่ต้าหู ถ้าพี่มีอะไรก็มาบอกข้าได้ หากว่าข้าสามารถช่วยได้ ข้าจะไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”

เจียงป่าวชิงไม่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่น แต่ตั้งที่นางมาเกิดใหม่ในร่างนี้ ซุนต้าหูก็ช่วยพวกเขาสองพี่น้องมาตั้งมากมาย สำหรับเจียงป่าวชิงแล้ว ซุนต้าหูเป็นเหมือนญาติมากกว่าคนที่ยกธงว่าเป็นญาติ แต่กลับข่มเหงรังแกพวกเขาสองพี่น้องเสียอีก

ทันใดนั้น มีอะไรแวบเข้ามาในตาของซุนต้าหู แต่สุดท้ายเขาก็ส่ายหน้าก่อนจะพูดขึ้นอย่างอึดอัด “ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร…”

เจียงป่าวชิงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ทว่านางเคารพการเลือกของซุนต้าหู จากนั้นนางจึงพยักหน้าให้เขาแล้วเดินถือห่อผ้าจากไป

ซุนต้าหูมองแผ่นหลังของเจียงป่าวชิง จากนั้นเขาก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ  เขาเรียกซุนต้าตง “ต้าตง ที่เจ้าบอกว่าช่องทางทำเงินนั้นน่ะ มา… ข้าจะลงเงิน”

ซุนต้าตงเผยรอยยิ้มร้อนใจออกมาให้เห็น “โอ้! ได้ ได้เลยพี่หู ในที่สุดพี่ก็คิดได้สักที”

ซุนต้าหูยิ้มอย่างขมขื่นใจ  เขาอยากไปสู่ขอเจียงป่าวชิงอย่างยิ่งใหญ่ ถ้าหากว่าเขายังเป็นเหมือนตอนนี้ที่ยากจนไร้เงินทอง แล้วเขาจะทำให้เจียงป่าวชิงเชื่อว่าเขาสามารถทำให้นางมีชีวิตที่ดีได้อย่างไร

ซุนต้าหูกำหมัดแน่น

ในมุมที่ไม่มีใครเห็น ภายใต้แขนเสื้อของป๋ายรุ่ยฮัว นางเองก็กำหมัดแน่นเช่นกัน และในดวงตาของนางก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

เจียงป่าวชิง! เจียงป่าวชิงอีกแล้ว!

ไม่ว่าซุนต้าหูจะทำอะไร เขาต่างทำเพื่อเจียงป่าวชิงทั้งสิ้น!

เหตุใดถึงไม่มีใครช่วยนางได้ ? นางก็อยากมีชีวิตที่ดี ๆ กับคนอื่นเขาเหมือนกัน…

……

เมื่อเจียงป่าวชิงกลับถึงบ้าน นางก็มาพูดคุยกับเจียงหยุนชานเล็กน้อย จากนั้นก็ล้างหน้าหวีผมแล้วไปที่บ้านกงจี้

วันนี้กงจี้อารมณ์ดีพอสมควร เขานั่งอยู่บนพื้นที่ยกสูงอย่างสงบ เมื่อเห็นเจียงป่าวชิง เขาก็ยิ้มเล็กน้อย

เจียงป่าวชิงรู้สึกขนลุกขนพอง นางอดไม่ได้ที่จะลูบแขนตัวเองแล้วมองออกไปด้านนอกอีกครั้ง “คุณชายกง วันนี้อารมณ์ดีขนาดนั้นเลยรึ ? หรือว่าด้านนอกฝนตกเป็นทอง ?”

หางคิ้วของกงจี้ค่อย ๆ ถูกลูบให้เรียบลงอย่างช้า ๆ  เขาทำหน้าขรึมแล้วพูดอย่างเย็นชา “โชคไม่ดีแล้วแหละ พอข้าเห็นเจ้าข้าก็อารมณ์ไม่ดีทันที”

ไป๋จีที่ยืนอยู่ด้านข้างลอบเอียงคอไปพูดกับเจียงป่าวชิงเสียงเบา “วันนี้นายท่านยืนได้สักครู่หนึ่งแล้ว…”

“ไป๋จี!” กงจี้ตีสีหน้าเย็นชา “อกตัญญูนัก! ตกลงว่าใครคือเจ้านายของเจ้ากันแน่ ?”

ไป๋จีรีบหยุดพูดทันที เขายืนตัวตรง จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาและทำเหมือนว่าตัวเองเป็นท่อนไม้

เจียงป่าวชิงถลึงตาใส่กงจี้อย่างไม่เห็นด้วย “คุณชายกง นี่เป็นเรื่องที่ดีมาก ข้าเป็นหมอก็ต้องรู้สถานการณ์ปัจจุบันของผู้ป่วยสิ เหตุใดเจ้าถึงจะไม่ให้ไป๋จีบอกข้าล่ะ ?”

กงจี้ส่งเสียงออกมาทางจมูกด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ท่าทางของเขาเหมือนขี้เกียจที่จะสนใจเจียงป่าวชิงทำนองนั้น

เจียงป่าวชิงเองก็ไม่สนใจเขาเช่นกัน นางจึงพูดขึ้น “ยื่นแขนมาสิ เร็ว ๆ เลย”

กงจี้ทำเป็นไม่ได้ยิน

เจียงป่าวชิงจึงเพิ่มระดับเสียง นางพูดอย่างหนักแน่น “คุณชายกง รบกวนช่วยยื่นแขนออกมาด้วย!”

กงจี้ถลึงตาใส่เจียงป่าวชิงอย่างโหดเหี้ยม แต่เขาก็ยังยื่นแขนออกไปด้วยใบหน้าอึมครึม

เจียงป่าวชิงเลิกคิ้ว “อื้ม นี่สิถึงจะเชื่อฟังหน่อย” จากนั้นนางก็กำแขนกงจี้ต่อหน้ากงจี้ที่กำลังชักสีหน้า  นางก้มหน้าครุ่นคิดด้วยท่าทางเหมือนคนขลุกอยู่กับอาการป่วยของกงจี้

วาจาร้ายกาจที่อยู่ในปากของกงจี้จึงถูกเขากลั้นกลับไปทั้งอย่างนั้น

มุมปากของเจียงป่าวชิงยกขึ้นอย่างไม่เป็นธรรมชาติ

ใช่…! นางจงใจ แล้วเขาจะทำไม ?

กงจี้จ้องเจียงป่าวชิงอย่างอึมครึม  ทว่าต่อมาคล้ายกับว่าเขาพบเห็นอะไร เขาจึงยิ้มอย่างเย็นชา จากนั้นก็ยื่นมือออกไปแบ่งผมของเจียงป่าวชิงที่ร่วงลงมาปรกหน้าผากให้ไปอยู่ตรงหลังศีรษะ

แรกเริ่มเจียงป่าวชิงก็ได้เงยหน้ามองกงจี้อย่างงุนงง แต่หลังจากที่นางตระหนักได้ว่ากงจี้กำลังทำอะไรอยู่ หน้าของนางก็แดงก่ำทันที จากนั้นนางก็หดมือกลับมาอย่างไม่เป็นธรรมชาติพร้อมกับยืนตัวตรงและก้าวถอยหลังไปสองก้าว

กงจี้ไม่ได้พูดอะไร เขาทำเพียงมองเจียงป่าวชิงทั้งอย่างนั้น

ทันใดนั้น บรรยากาศในอากาศก็มีความเก้อเขินเจืออยู่พอสมควร

โรงละครเล็ก:

กงจี้: ไป๋จี อกตัญญู ตกลงว่าใครคือเจ้านายของเจ้ากันแน่ ?!

ไป๋จี: ข้าน้อยมีท่านเป็นเจ้านายเพียงคนเดียวขอรับ

เจียงป่าวชิง: หืม ?

ไป๋จี: สวัสดีขอรับนายหญิง

.