ตอนที่ 90 จอมโจรอันดับหนึ่ง

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ครานี้ตระกูลมู่ไร้ที่พึ่งอย่างที่สุด เช่นนั้นแล้วราชวงศ์จึงได้เริ่มทำอะไรบ้าง

ซวนหยวนหลี่เทียนพานักปรุงยามาด้วยหลายคนเพื่อขอเข้าพบ เขาอยากจะมาเยี่ยมอดีตว่าที่พระชายาของตน ทว่าองครักษ์เงาตระกูลมู่ยินยอมให้แต่ผู้ที่เป็นนักปรุงยาเข้าไปเท่านั้น หลี่อ๋องถูกกันไว้ให้รออยู่ด้านนอก

ไม่นานนัก หลี่อ๋องเห็นเหล่านักปรุงยาหลายคนออกมา ต่างพากันส่ายหัว ดูท่าทางเหมือนจะบอกเป็นนัยว่าไร้ซึ่งหนทาง มู่เฉียนซีสตรีสมควรตายผู้นั้น ในที่สุดก็จะต้องตายเสียที

ซวนหยวนหลี่เทียนได้รับข่าวที่แน่ชัดเช่นนี้ นัยย์ตาเขาฉายแววความรู้สึกปีติยินดีออกมา มู่เฉียนซีสตรีที่ชอบรังแกเขานี้ช่างน่ารังเกียจนัก กล้าที่จะเขียนหนังสือถอนหมั้น กล้าที่จะยกเลิกงานแต่งงานกับเขา กล้าที่จะเอาเขาโยนใส่โลงศพแห่ไปตามถนน ทำให้เขานั้นต้องเสียหน้าเป็นที่สุด และยังกล้าที่จะไปข่มขู่เอาเงินหนึ่งล้านตำลึงทองจากท่านพ่อเขาอีก

มู่เฉียนซีเคยกระทำเรื่องเลวร้ายมากมาย มากเสียจนไม่สามารถจดบันทึกเป็นลายลักษณ์ลงหนังสือได้หมด เวลานี้ชีวิตนางร่อแร่ ช่างน่ายินดีเสียจริง แต่ทว่าตัวเขาแปลกดีแท้ ลึก ๆ กลับมีความรู้สึกเจ็บปวดเสียได้ ในก้นบึ้งของหัวใจนั้นยังคงมีความเสียใจอยู่บ้าง

หญิงสาวผู้ที่ชอบใส่ชุดสีม่วง เขาคิดว่าช่างฉูดฉาดนัก ทุกวันนี้นางยังหยิ่งผยองเหมือนดั่งคนบ้า แต่ว่า… นางต้องมาตายจากโลกไปเช่นนี้จริงหรือ ?

หลังจากที่ซวนหยวนหลี่เทียนได้มาเยี่ยมเยียนแล้ว องค์รัชทายาทซวนหยวนหลี่ซางก็ได้รับราชโองการจากฮ่องเต้ให้นำนักปรุงยาจากในวังมาเยี่ยมเยียนนาง  ใบหน้าซวนหยวนหลี่ซางยังคงเหมือนเดิมมิเปลี่ยนแปลง สีหน้าเขาไม่ได้ดีขึ้นไปกว่าในครานั้นมากนัก เขาเกิดอาการเช่นนี้หลังจากที่พ่ายแพ้ให้แก่มู่เฉียนซี แล้วจะให้สีหน้าของเขาดีขึ้นมาได้อย่างไรกัน ?

วันนี้เขาเพียงแค่มาเพื่อดูให้แน่ใจว่าสรุปแล้วมู่เฉียนซีจะอยู่หรือตาย ? นางโอหังกล้ามาลอบใช้วิธีการเช่นนั้นกับเขา ตายเสียก็สมควรแล้ว

มีความเป็นไปได้สูงนักว่านางจะไม่รอด หัวหน้าหมอหลวงอันดับหนึ่งพิพากษาไว้เช่นกันว่านางจะตาย ซวนหยวนหลี่ซางจึงวางใจได้เสียที หญิงโอหังเช่นนี้ มาทำให้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบของเขาต้องแปดเปื้อน ตายไปก็ไม่น่าเสียดาย

……

ณ จวนตระกูลโอวหยาง

“ฮ่า ๆ ๆ! ยอดเยี่ยม ในที่สุดนางบ้ามู่เฉียนซีน่ารำคาญนั่นก็จะตายแล้ว” โอวหยางเหว่ยหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง “แต่เหตุใดกัน เหตุใดนางถึงไม่ตายไปเลยในทันทีเล่า ตายเสียไว ๆ จะดีที่สุด ข้าไม่อยากรอ ข้ารอไม่ไหว!”

ถึงแม้จะรู้ว่ามู่เฉียนซีนั้นใกล้จะตายแล้ว โอวหยางเหว่ยก็ยังคงไม่ชอบใจที่มู่เฉียนซีตายช้า

โอวหยางจู “ข้าคิดว่ามู่เฟิงอวิ๋นจะต้องทิ้งของดีเอาไว้ให้นางเพื่อรักษาชีวิตไว้ไม่น้อย แต่ว่านางคงทนได้อีกไม่นาน ยาพิษของเหยียนหลัวเหมิง ผู้ใดโดนเข้าเป็นต้องตายสถานเดียว”

นอกจากราชนิกุลและตระกูลโอวหยาง ผู้ที่ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มู่เฉียนซีจะต้องตายก็คือบรรดาผู้อาวุโสทั้งหลายแห่งตระกูลมู่ หากมิใช่เพราะพวกเขาอาศัยอยู่ในจวนตระกูลมู่ ก็คงจะได้จุดประทัดกันไปแล้ว เกรงว่าคงจะมีทั้งดอกไม้ พวงมาลัย และประทัดชุดใหญ่จัดมาด้วยกันเลย

ในที่สุดก็ไม่มีผู้มาเยี่ยมเยียนเพิ่มอีก มู่เฉียนซีที่โดนวางยา หลับใหลอยู่บนเตียง เปลือกตานางขยับลืมตาทั้งสองข้างขึ้นมา กำลังฟังมู่เอ๋อร์รายงานข่าว นางก็ยิ้มมุมปากขึ้นมาอย่างเย็นชา

“พวกนั้นจะต้องดีใจกันถึงขนาดนั้นเลยรึ ? รอให้ข้ากลับมาก่อนเถอะ ตอนนี้พวกมันยิ้มหัวเราะกันมีความสุขเท่าใด ข้าก็จะทำให้พวกมันร้องไห้กันให้ทรมานเท่านั้น”

ข่าวสุดท้ายที่ออกมาจากจวนตระกูลมู่ก็คือ ผู้นำตระกูลมู่โดนวางยาพิษที่ไม่มีทางถอนแก้ได้ จึงได้เตรียมตัวที่จะไปหุบเขาราชาโอสถ เพื่อที่จะให้ราชาโอสถช่วยแก้พิษให้ ราชาโอสถนั้นไม่ถือว่าเป็นคนของทั้งแคว้นจื่อเยี่ยและแคว้นชิง เขาเป็นผู้ที่ลึกลับและประหลาดพิลึก

ผู้ที่ไปขอให้เขาช่วยรักษานั้น จะต้องทำให้เขาพอใจในเงื่อนไขข้อตกลงที่ยากลำบาก เขาถึงจะยอมรักษาให้

“ลึกลับรึ ? ไปที่หุบเขาราชาโอสถ มู่อวู่ซวงนี่ช่างเก่งกาจเสียเหลือเกิน! เขายังจะแบกสังขารมู่เฉียนซีไปหุบเขาราชาโอสถอีกหรือไร ?  เราจะให้ยาพิษที่อยู่ในตัวมู่เฉียนซีถูกราชาโอสถแก้ทางมิได้” ผู้นำตระกูลโอวหยางกล่าวออกมา ใส่อารมณ์โหดร้ายรุนแรง

มู่เฉียนซีเหยียบย่ำเข้าบนถนนที่หุบเขาราชาโอสถ โดยมีองครักษ์เงาคอยคุ้มกันอยู่ข้างตัวให้เห็นอย่างโจ่งแจ้งสิบกว่าคน แต่แท้จริงแล้วองครักษ์เงาทั้งเก้าสิบเก้าคนได้ออกมาปฏิบัติภารกิจนี้ทั้งหมด

ถือโอกาสที่ตัวตนเองนั้นโดนวางยา ไม่สามารถถอนพิษได้ไปที่หุบเขาราชาโอสถครั้งนี้ ยังสามารถเอาส่วนผสมยาที่ใช้รักษาดวงตาของท่านอา และยังจะได้เสี่ยงโชคบนถนนอีก ยิงธนูลูกเดียวได้เหยี่ยวสองตัวเช่นนี้ สุขใดจะเท่าได้เล่า!

ทว่ามีเรื่องคาดไม่ถึง เมื่อออกจากประตูเมืองมาได้ บนรถม้าของมู่เฉียนซีมีชายคนหนึ่งเพิ่มขึ้นมา ที่สำคัญบรรดาองครักษ์เงาไม่รู้ตัวเสียด้วย

“จิ่วเยี่ย เจ้ามาได้อย่างไร ?!” มู่เฉียนซีร้องขึ้น

“มาเป็นเพื่อนเจ้า” จิ่วเยี่ยพูดออกมาเพียงสี่คำ ซ้ำยังทำท่าทีเฉยเมย ว่าแล้วก็เอนกายลงบนที่นั่งบนรถม้าใหม่ของมู่เฉียนซีอย่างเกียจคร้าน

มู่เฉียนซีกระตุกมุมปาก แม้นางจะคิดว่าไม่มีความจำเป็นใดที่จะต้องให้เขาไปที่หุบเขาราชาโอสถเป็นเพื่อน แต่ว่านางไม่มีความสามารถใดที่จะไปไล่ให้ผู้ที่เหล่าคนแคว้นจื่อเยี่ยเพียงได้พบก็เปลี่ยนสีหน้าผู้นี้ลงจากรถม้าได้

เฮ้อ… เห็นทีนางคงทำได้เพียงปล่อยเลยตามเลย

เมื่อผู้ยิ่งใหญ่และหัวหน้าตระกูลจะไปหุบเขาราชาโอสถ ทุกคนจึงได้เคลื่อนที่อย่างแข็งขัน เพิ่งออกจากเมืองจื่อตูมาได้ไม่นาน ก็มีคนที่อดไม่ไหวอยากจะเข้ามาปล้นมู่เฉียนซีเสียแล้ว

“พวกเราไม่อยากฆ่าใคร! ให้ผู้นำตระกูลมู่นำสิ่งของมีค่าที่นำติดตัวมามาวางไว้ พวกเราจะปล่อยให้ไป”

มู่เอ๋อร์เข้าไปต่อตีทันที ช่างไม่ประเมินกำลังตนเองเสียจริง กล้านักที่มาปล้นผู้นำตระกูลมู่ของพวกเขา

— ตุบตับ!  ตุบตับ! —

เห็นได้อย่างชัดเจนว่าคนพวกนั้นไม่มีความสามารถที่เพียงพอ โดนพวกองครักษ์เงากระทืบเสียอ่วมอรทัยไปยกใหญ่

“เป็นฝ่ายพวกเจ้าเสียมากกว่า ที่ต้องนำเอาข้าวของมีค่าออกมาให้หมด” มู่เฉียนซีกล่าวพลางหัวเราะ

ท่านผู้นำตระกูลได้พูดไว้ มีแกะอ้วนมาเข้าปากถึงหน้าประตู มิใช่เพียงฆ่าเปล่า การออกปฏิบัติการใหญ่ครั้งนี้ หากไม่ได้เก็บลาภก้อนใหญ่ ก็คงจะต้องรู้สึกผิดต่อชื่อเสียงตระกูลมู่อันโด่งดังเสียแล้ว

โจรกระจอกพวกนั้นล้วนแต่อยากร้องไห้ออกมา “เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ? สรุปแล้วพวกเราเป็นคนมาปล้นหรือเป็นคนที่ถูกปล้นกัน เงินเพียงแค่นี้ พวกเจ้าตระกูลมู่ยังจะมาเอาจากเราอีกเรอะ ?!”

มู่อีตะโกนดุขึ้น “อย่ามามากวาจา ของมีค่าถ้าไม่มอบมาก็ตายซะ!”

ท้ายที่สุดพวกโจรก็ยอมเอาสมบัติที่มีทั้งตัวส่งออกมาให้ ตลอดทั้งทาง พวกเขาเจอกับคนพรรค์นี้ไม่น้อย ถึงแม้ว่าทรัพย์สมบัติของตระกูลมู่นั้นจะไม่มากมายไร้ผู้ใดเทียบ ทว่าก็ต้องส่องดูตนเองด้วยว่ามีความสามารถมากพอที่จะมาชิงมันไปได้หรือไม่

เห็นได้ชัดว่ามีคนที่ฉลาดอยู่ มันได้ส่งยอดฝีมือระดับราชาแห่งภูต และราชายอดยุทธ์มา เจอเช่นนี้ผู้นำตระกูลจึงได้สั่งให้ใช้การต่อสู้แบบตะลุมบอน อาวุธลับลอบสังหาร ยาพิษอะไรจำพวกนี้นำออกมาใช้ให้หมด ไม่ต้องกลัวว่าจะจัดการกับพวกมันไม่ได้

— บูม! —

ในตอนนี้เอง ที่ด้านนอกสู้กันชนิดที่ว่าเดือดเป็นไฟ ครานี้ต้องมาพบกับกลุ่มคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง  ในที่สุดก็มีคนฝ่าวงล้อมองครักษ์เงาออกไปได้ เขาผู้นั้นรีบกล่าวขึ้น “ผู้นำตระกูลมู่อยู่ในรถม้า จับตัวนางเอาไว้ ครานี้ไม่ต้องกลัวว่าพวกองครักษ์เงาจะไม่ทำตามที่เราบอก”

“ใช่ เจ้ากล่าวถูกต้อง!”

มู่เฉียนซียิ้มเยาะเย้ย พวกไก่อ่อนนี่ช่างเลือกที่ไม่เป็นเอาเสียเลย หากพวกเจ้ารู้เพียงนิดว่ามีผู้ใดนั่งอยู่ในรถม้านี้ เกรงว่าคงจะไม่กล้าบุ่มบ่ามเข้ามาเช่นนี้แน่  ทว่าแน่นอน… คนพวกนี้ไม่จำเป็นต้องถึงมือจื่อเยี่ย นางจัดการได้!

— ฉวก!  ฉวก!  ฉวก! —

เข็มยาจำนวนนับไม่ถ้วน ประหนึ่งผนึกกำลังกันลอยออกไปเบื้องหน้า

มู่เฉียนซียื่นมือออกมา นางโรยผงพิษไว้รอบรถม้า

— ปัง!  ปัง!  ปัง! —

จอมยุทธ์หลายคน ราชายอดยุทธ์อีกหนึ่งคน บัดนี้ร่วงหล่นลงไปกองกันอยู่ข้างรถม้าคันงามของตระกูลมู่ ร่างกายพวกเขาพลันแข็งทื่อไปทั้งตัว ไม่รับรู้ว่าได้เกิดเรื่องอะไรขึ้น ?

จวบจนมู่อีเก็บกวาดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาหัวเราะก่อนจะกล่าวว่า “ฝีมือของพวกเจ้าไม่เลวเลย คงจะมีเงินเก็บไว้ไม่น้อยใช่หรือไม่ ? นำออกมาให้หมดเดี๋ยวนี้!”

พวกโจรนั้นถึงกับกระอักเลือดกบปาก คนพวกนี้เป็นองครักษ์เงาของตระกูลเศรษฐีอันดับหนึ่งหรือเป็นโจรอันดับหนึ่งกันแน่ ? เหตุใดเก่งกล้าทั้งยังมากไหวพริบถึงเพียงนี้เล่า

ตลอดทางมานี้ เพียงแค่ปล้นโจรก็ได้เงินมาไม่น้อยเลย แผนกวาดเงินของผู้นำตระกูล ไม่ใช่เพียงแค่หาเงินได้ธรรมดา ๆ

หุบเขาราชาโอสถอยู่ทางตะวันออกของแคว้นจื่อเยี่ย และอยู่ในจุดที่เป็นหุบ ที่ตรงนั้นห่างจากแนวเขาชีชงที่ทอดตัวพาดยาวไปทั้งเซี่ยโจวไม่ไกลมากนัก หากรีบเดินทางภายในเจ็ดวัน พวกเขาก็จะสามารถไปใกล้ถึงหุบเขาราชาโอสถได้แล้ว

เพราะหนทางยังอีกยาวไกล มันไม่ได้อยู่ใกล้หมู่บ้านหรือเมืองใด ๆ พวกเขาจึงเลือกตั้งค่ายพัก

ท้องฟ้าบัดนี้เป็นสีดำสนิท เมฆดำเทาสลับกับแสงจันทร์กอปรกับลมหนาวที่พัดกระโชกมา เป็นโอกาสเหมาะมากที่จะลงมือสังหาร

— สวบ! —

ในตอนนี้เอง เงาคนสิบกว่าเงาไถลลงมาจากยอดไม้ พร้อมชักอาวุธอันเย็นเฉียบออกมา

“ฆ่ามัน! เสียงแหบแห้งและดุดันลอยมา

.