บทที่ 164 สำนักโล่พิทักษ์

ไหปีศาจ

บทที่ 164
สำนักโล่พิทักษ์

ทักษะระดับ SS [มิติเวทมนตร์]
มันเป็นความสามารถที่จะสร้างเขาวงกตสภาพแวดล้อมขนาดใหญ่ เพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยการโจมตีทางด้านจิตใจ มันแทบจะเป็นทักษะการโจมตีทางด้านจิตใจที่ดีที่สุด
มันเป็นอันดับสองรองจากทักษะระดับ SSS เท่านั้น ที่มีเพียงสัตว์วิญญาณในตำนานจึงสามารถเชี่ยวชาญได้
ผีเสื้อปีกมายาเพลิงอมตะทำแค่เพียงสร้างพื้นที่มืดเล็ก ๆ คลุมเสี่ยวเซียงเอาไว้ ซึ่งแค่นี้ก็สามารถทำให้จิตใจของเสี่ยวเซียง ล่มสลายได้แล้ว ถ้าหากปล่อยไว้นานกว่านี้ก็เป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนเขาให้เป็นคนเสียสติ

เวลาผ่านไปสักพักหนึ่ง
ในที่สุดเสี่ยวเซียงก็หลุดออกจากสภาพที่ถูกทักษะนี้โจมตี ศีรษะของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ ความตื่นตระหนกในดวงตาของเขาก็ค่อย ๆ หายไป
“ นั่นมันอะไรกัน … ” เสี่ยวเซียงยังคงมีอาการหวาดกลัวหลงเหลืออยู่
มันเป็นความรู้สึกที่แย่มาก
เสี่ยวเซียงกลืนน้ำลายและมองไปที่ลั่วอู๋ ลมหายใจของเขาสั้นเล็กน้อย “เป็นไปไม่ได้น่า เจ้าฝึกฝนพลังวิญญาณไม่ได้นี่นา เพราะแบบนั้นเจ้าถึงถูกไล่ออกจากตระกูลลั่วไม่ใช่รึยังไง”
“มีใครกำหนดละว่า หลังจากอายุ 18 ปี ข้าจะฝึกฝนก้าวสู่การเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณด้วยตัวเองอีกครั้งไม่ได้” ลั่วอู๋เย้ยหยันเสี่ยวเซียง

โดยปกติเมื่ออายุถึง 18 ปี มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะกลายเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณได้หากไม่มีทีท่าว่ามีคุณสมบัติอยู่ก่อนแล้ว ทุกคนที่อายุเกินแทบจะหยุดความคิดนี้ไปได้เลย
แต่ลั่วอู๋กลับมีความสามารถในการฝึกฝนก้าวสู่การเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณ
เหมือนกับว่าเขาได้ตัดขาดคำสาปพลังวิญญาณอันชั่วร้ายจากคนชั่วที่ขวางกั้นสะพานแห่งพลังวิญญาณและพันธสัญญาของเขาได้สำเร็จ

เสี่ยวเซียงคำรามใส่เขาด้วยเสียงต่ำ “ต่อให้เจ้าจะสามารถฝึกฝนพลังวิญญาณได้ แต่เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะกลับไปอยู่ดี ในเมื่อเจ้าถูกไล่ออกจากตระกูลมาแล้ว เจ้าก็จะไม่มีวันได้กลับไปเป็นนายน้อยของตระกูลลั่วอีก”
“กลับไปเป็นนายน้อยของตระกูลลั่วงั้นเหรอ ? เจ้าคิดว่าข้าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนั้นรึไง ตั้งแต่ตอนที่ข้าถูกไล่ออกจากตระกูลลั่ว ข้าก็ไม่ได้สนใจที่จะกลับไปเป็นสมาชิกของตระกูลลั่วอีกต่อไปแล้ว” ลั่วอู๋พูดเบา ๆ
เขาเริ่มปล่อยลมปราณออกมาช้าๆ
เขาคือผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเงิน มิติ 5
ลมปราณอันแข็งแกร่งนี้ทำให้เสี่ยวเซียงหยุดชะงัก
ดวงตาของเสี่ยวเซียงแสดงถึงความตกใจอีกครั้ง นี่มันเป็นไปได้ยังไง?เพียงแค่ปีเดียว แค่ปีเดียว เขามาถึงมิติวิญญาณระดับนี้ได้อย่างไร
“ออกไปจากที่นี่ซะ” ลั่วอู๋ขับไล่อีกฝ่ายด้วยการถีบ
เสี่ยวเซียงรู้สึกอ่อนแอมากจนไม่สามารถทนฝ่าเท้าของลั่วอู๋ได้ เขาถูกเตะออกและล้มลงไปในกองอุจจาระของสุนัข
“ใครก็ได้ ไล่เขาออกไปที” ลั่วอู๋ร้องแบบสบาย ๆ

พี่น้องทีมคมมีดหลายคนรีบวิ่งไปข้างหน้าและเหวี่ยงตัวของเสี่ยวเซียงออกไป
มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมีโอกาสได้ตอบแทนนายน้อย พวกเขาต้องคว้ามันไว้

ลั่วอู๋โบกมือ
จากนั้นผีเสื้อปีกมายาเพลิงอมตะก็กระพือปีก ร่อนลงบนไหล่ของลั่วอู๋
รูปร่างปัจจุบันของมันยังคงเกาะอยู่บนไหล่ของลั่วอู๋ได้ แต่ถ้ามันโตขึ้นอีกสักหน่อยเขาก็ไม่น่าจะรับมันได้ไหวแล้ว
“ทำได้ดีมาก” ลั่วอู๋แตะปีกของผีเสื้อ
ผีเสื้อปีกมายาเพลิงอมตะแสดงอารมณ์ที่มีความสุข

เจ้าของร้านคนเก่าเป็นห่วงและพูดถามไปว่า “นายน้อยแบบนี้ไม่น่าจะดีแน่ ยังไงเขาก็ถูกส่งมาจากทางตระกูลลั่วโดยคนที่สูงกว่า”
“ ไม่ต้องห่วงข้าคิดเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว” ลั่วอู๋กล่าว
เจ้าของร้านคนเก่าดูเหมือนได้รับความมั่นใจเพิ่มขึ้นเมื่อได้ยินเช่นนั้น
หากนายน้อยกล่าวเช่นนั้นแสดงว่าเขาได้เตรียมเอาไว้แล้วจริง ๆ
“ นายน้อยแล้วตอนนี้ร้านเราจะเปลี่ยนไปเป็นชื่ออะไรดี ไม่มีชื่อไปตลอดคงจะไม่ดีเท่าไหร่” เจ้าของร้านคนเก่าพูด
ลั่วอู๋คิดอยู่ครู่หนึ่ง “สำนักโล่พิทักษ์”
ในความทรงจำสมัยก่อนของเขา ดูเหมือนจะมีสิ่งที่เรียกว่าภาพยนตร์ และสำนักโล่พิทักษ์ก็ดูเหมือนจะเชื่อมโยงกับการแก้แค้นในภาพยนตร์เรื่องนั้น
มันเป็นชื่อที่ดี มันตรงกับอารมณ์ของลั่วอู๋

เจ้าของร้านคนเก่าพยักหน้า
โล่พิทักษ์อาจหมายถึงโล่คริสตัล ซึ่งเป็นที่นิยมมากในร้านค้าของเขา มันจึงเป็นเรื่องง่ายมากที่จะตั้งชื่อแบบนี้ แต่มันก็ไม่สำคัญเพราะยังไง ๆ ชื่อก็ไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ทำให้คนมาซื้อสินค้าอยู่แล้ว
“ ยังไงก็ติดป้ายของศาลาไป่หยู่ขึ้นไปด้วย” ลั่วอู๋กล่าว “แขวนไว้ตรงที่เดิมที่ศาลาไป่หยู่เก่าเคยตั้งอยู่”
พวกเขาได้ขยายร้านค้าขนาดใหญ่มากกว่าเดิมหลายสิบเท่า
สถานที่ดั้งเดิมของศาลาไป่หยู่ตั้งอยู่เพียงแค่ในมุมเล็ก ๆ ของพื้นที่ร้านทั้งหมดในตอนนี้
ตอนนี้ลั่วอู๋ต้องตัดศาลาไป่หยู่เดิมออกไป จากนั้นก็สร้างชื่อป้ายที่เทียบได้กับศาลาไป่หยู่ ขึ้นมาอีกครั้ง ปล่อยในเขตมุมเล็ก ๆ นั้นเป็นศาลาไป่หยู่ที่แท้จริงไป
เจ้าของร้านคนเก่าดูเหมือนจะเข้าใจว่าลั่วอู๋หมายถึงอะไร และก็ชื่นชมในความคิดของเขา แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถามอย่างสงสัย “ถ้าท่านจะติดป้ายอีกครั้งแล้วทำไมท่านถึงทำลายป้ายทิ้งไปล่ะนายน้อย”
“เอ่อ … ” ลั่วอู๋คิดอยู่ครู่หนึ่ง “ตอนนั้นข้าไม่ได้คิดมากขนาดนั้น ข้าคิดว่ามันคงสะใจและดูเท่มากที่ได้ทุบป้ายลงด้วยมือข้างเดียว”

“ ……”
ทั่วทั้งศาลาไป่หยู่เงียบสงบ
ในไม่ช้าแผ่นป้ายใหม่ก็เสร็จสมบูรณ์โดยช่างฝีมือ
โล่พิทักษ์
ลั่วอู๋มองไปที่แผ่นป้ายอันสวยงาม มันดูมีบรรยากาศที่ดีมากกว่าเดิม เขาครุ่นคิดสักครู่แล้วกระซิบกับอากาศ “ไร้หน้าเจ้าคิดว่า ข้าควรจะสร้างกลุ่มพันธมิตรผู้ล้างแค้นขึ้นมาดีไหม หากทีมคุ้มกันคมมีดคือกำลังรบโลกเบื้องหน้า ก็ควรมีพันธมิตรผู้ล้างแค้นเป็นพลังในความมืด ”
มีอากาศหมุนอยู่ด้านหลังเขาจากนั้นเงาดำก็ปรากฏขึ้น
เขาคือไร้หน้านั่นเอง
เมื่อเร็ว ๆ นี้ความแข็งแกร่งของไร้หน้าได้รับการเสริมอย่างก้าวกระโดด ดูเหมือนว่าการฝึกฝนวิชายุทธ์จะเพิ่มมานอกเหนือจากขอบเขตของวิชาผีเสริมกระดูกไปไกลมาก
ไร้หน้ามักจะอยู่ในสภาพหายตัว แต่ทันทีที่ลั่วอู๋เรียก เขาก็มักจะปรากฏตัวขึ้นมาในทันที
ตอนนี้เขาเหมือนผีไปแล้วจริงๆ
มันคงแปลกมากถ้าเกิดเหตุแล้วไร้หน้าไม่สามารถโผล่มาปกป้องเขาได้

“ข้าไม่คิดอย่างนั้นนายท่าน ทำไมถึงต้องตั้งชื่อว่าพันธมิตรผู้ล้างแค้นด้วยล่ะ” ไร้หน้าสับสนเล็กน้อย
ลั่วอู๋ถอนหายใจพร้อมกับรอยยิ้ม “มันไม่มีอะไรหรอก มันก็แค่เป็นสิ่งที่ข้าเคยฝันถึงมาก่อน”
มันช่างพิลึก
ไม่มีใครรู้ว่าเขาหมายถึงอะไรกันแน่
……
……

ขณะเดียวกัน
เสี่ยวเซียง ซึ่งถูกโยนตัวออกจากร้านไปก็โกรธเกรี้ยวยิ่งขึ้นเป็น 7 เท่า
แต่เขาก็ยังคงรักษาหลักเหตุและผลของเขาไว้ได้ เขาไม่คิดจะไปปลุกปั่นศาลาไป่หยู่ในตอนนี้ด้วยตัวเองแน่ เขาทำแบบนั้นไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงต้องคิดเรื่องนี้ใหม่เป็นเวลานาน
เขาเลือกที่จะติดต่อหน่วยข่าวกรองของตระกูลเป็นอย่างแรก
หน่วยข่าวกรองของตระกูลลั่วส่วนตะวันตกเฉียงใต้สามารถดำเนินการให้เขาได้เร็วที่สุด ดังนั้นพวกเขาจึงน่าจะสามารถหาข้อมูลและส่งต่อมาให้เสี่ยวเซียงตามที่เขาร้องขอได้อย่างรวดเร็ว
เดิมทีหน่วยข่าวกรองไม่ได้ให้ความสนใจกับพื้นที่นี้มากนัก แต่ก็ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะไม่สามารถหาข้อมูลให้ได้ ตราบใดที่พวกเขามีความตั้งใจ ข้อมูลทุกอย่างบนพื้นโลกใบนี้ก็อยู่ในการครอบครองของพวกเขาได้ทุกเมื่อ
เสี่ยวเซียงมองไปที่ข้อมูลตรงหน้าเขาอย่างตกตะลึง
“เขาสามารถปรับแต่งสัตว์วิญญาณให้มีทักษะก้าวพริบตาได้”
“สัตว์วิญญาณประเภทสัตว์เลี้ยง?”
“เขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้บริหารอันดับเจ็ดของคฤหาสน์ชวนเทียนและเป็นเพื่อนสนิทกับนายน้อยของตระกูลฉูในเขตหมิงหนาน”
“โล่คริสตัลที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน”
“การต่อสู้กับท่านอาจารย์หงผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณอันดับหนึ่งของเขตหวงชา เขาได้รับชัยชนะและถูกสงสัยว่าได้กลายเป็นผู้ปรับแต่งระดับสูงไปแล้ว”
“มีบันทึกว่าเขาสามารถฆ่าผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงได้ด้วยธนู”
“ภายใต้การนำของบุตรชายคนนี้ศาลาไป่หยู่กลายเป็นร้านที่ดีที่สุดในเขตหวงชา ที่แม้แต่พรรคหวงชาก็ไม่กล้าเลือกเขาเป็นศัตรู”
มือของเสี่ยวเซียงสั่น
เพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น
บุตรชายที่ถูกทอดทิ้ง ผู้ซึ่งถูกขับออกจากตระกูลลั่วคนนั้นได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากมาย

เขาคนนี้ไม่ใช่คนไร้ประโยชน์
แต่เป็นสัตว์ประหลาด
“ไม่ ๆ ข้าไม่สามารถรับมือกับเรื่องนี้ด้วยตัวเองได้ ข้าต้องรีบรายงานให้ทางตระกูลลั่วทราบ” เสี่ยวเซียงมีแววตาแห่งความมุ่งร้ายในสายตาของเขา “รอข้าก่อนเถอะลั่วอู๋”
เห็นได้ชัดว่าเขาคิดที่จะเติมเชื้อไฟให้กับพฤติกรรมของลั่วอู๋
ข้อมูลเหล่ามีรายละเอียดมาก
แต่ท้ายที่สุดแล้วมันก็เป็นแค่ข้อมูลธรรมดา ๆ

เพราะแท้จริงแล้วยังมีความจริงอื่น ๆ อีกมากมายที่พวกเขายังไม่รู้เกี่ยวกับลั่วอู๋