ตอนที่ 152

เสน่ห์คมดาบ

“ได้” เด็กชายพูดอย่างเย็นชาแล้วพลิกตัวลงจากเสือดาวไฟฟ้า แต่เสือดาวไฟฟ้ายังคงยืนอยู่อย่างเชื่อฟังไม่กล้าขยับไปไหน 

 

 

“ข้าขอถามชื่อผู้มีพระคุณสักหน่อย” ชายวัยกลางคนถามอย่างสุภาพพร้อมรอยยิ้ม 

 

 

“เครย์” แคลร์พูดออกไปอย่างไม่คิดอะไร สิ่งที่นางคิดคือคงจะดีไม่น้อยหากมีคนมาช่วยกางเต็นท์และเตรียมอาหารเย็นให้ด้วย การ เตรียมสิ่งเหล่านี้โดยลำพังเป็นเรื่องยาก 

 

 

“ข้าชื่อบราน นี่คือองครักษ์ของข้า บนรถม้าคือเจสสิก้า ลูกสาวคนโตของข้าและเมร่าลูกสาวคนเล็ก” ชายวัยกลางคนแนะนำ “ครั้งนี้เราจะไปเยี่ยมญาติกัน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะมาเจอสัตว์เวทย์เข้า” 

 

 

“อ้อ” แคลร์ตอบเบาๆ โดยไม่มีคำพูดใดๆ เพิ่มเติม 

 

 

บรานไม่สนใจเรื่องนี้  ประสบการณ์หลายปีบอกเขาว่าผู้ที่มีฝีมือสูงมักจะมีอารมณ์เช่นนี้ ชายหนุ่มคนนี้น่าจะอายุไม่มากหากดูจากร่างกายและน้ำเสียงการประสบความสำเร็จในระดับสูงตั้งแต่อายุยังน้อยเป็นเรื่องยาก พรสวรรค์เช่นนี้ ชายหนุ่มผู้นี้อาจมีพลังมากกว่าลูกชายที่เป็นอัจฉริยะของเขาด้วยซ้ำ 

 

 

องครักษ์เริ่มรักษาบาดแผลและพันแผลให้กัน ส่วนคนอื่นๆ ก็เริ่มตั้งแคมป์ เด็กผู้หญิงสองคนในรถม้า    แอบมองจากหน้าต่างอยู่ แต่ในตอนนี้ พวกนางออกมาจากรถม้าและขอบคุณแคลร์ที่อยู่ข้างล่างตามคำแนะนำของบราน แคลร์พยักหน้าเล็กน้อย นางไม่อยากข้องเกี่ยวกับคนเหล่านี้มากเกินไป พรุ่งนี้เช้าค่อยขี่เสือดาวตัวใหม่ออกไป ชายวัยกลางคนผู้นี้ไม่ใช่นักธุรกิจหรือคนธรรมดาแน่นอนมีกลิ่นอายของคนชั้นสูงออกมาจากเขา นางไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับคนเหล่านี้ 

 

 

เด็กหญิงทั้งสองมองไปที่แคลร์ พวกนางพยายามมองใบหน้านั้นให้ชัดแต่ก็มองไม่เห็นแคลร์กดปีกหมวกให้ต่ำลงมาอีก  นางไม่ได้พูดอะไรสักคำตั้งแต่ต้นจนจบ และพยายามทำตัวห่างออกไปจึงทำให้เด็กสาวทั้งสองเขินอายที่จะเข้าใกล้ 

 

 

กองไฟลุกโชนขึ้นขับไล่ความหนาวเย็น 

 

 

บรานส่งบาร์บีคิวและไวน์หวานให้แคลร์ แคลร์ก็ขอบคุณอย่างแผ่วเบาและไม่พูดอะไรอีก 

 

 

“ผู้มีพระคุณ เจ้าจะไปไหนหรือ?” บรานถามอย่างระมัดระวังขณะนั่งลงข้างๆ     

 

 

“เมืองหลวงประเทศลากัค” แคลร์ตอบสั้นๆ ขณะรับประทานอาหาร 

 

 

“เราก็จะไปที่นั่นเช่นกัน ถ้าผู้มีพระคุณไม่รังเกียจ เราก็ไปด้วยกันเลยดีหรือไม่?” บรานดีใจมากและถามอย่างรวดเร็ว 

 

 

แคลร์ขมวดคิ้วเล็กน้อยกำลังจะปฏิเสธ แต่อีกฝ่ายพูดเสริม“ ผู้มีพระคุณตั้งแคมป์ไปตลอดทางก็คงไม่สะดวกนัก ข้ารู้ทางลัดที่จะพาไปยังเมืองหลวงโดยเร็วที่สุด” 

 

 

แคลร์พยักหน้าเบาๆ “ตกลง” 

 

 

ในที่สุดบรานก็เชิญชายหนุ่มที่มีพลังผู้นี้ให้ร่วมทางไปด้วยกันได้ เพราะคำพูดของเขาก็ถูกใจแคลร์เช่นกัน ไม่ใช่ว่านาง ไม่อยากตั้งแคมป์ แต่นางไม่อยากทำเองต่างหาก นางมีทุกอย่างอยู่ในแหวนมิติอยู่แล้ว 

 

 

หลังจากทานอาหารค่ำเสร็จ กระโจมก็ถูกตั้งขึ้น แคลร์ไม่ได้พูดคุยอะไรแล้วไปนอนเลย 

 

 

“ท่านพ่อ คนผู้นี้หยาบคายจัง ไม่พูดไม่จาเลย” เจสสิก้าลูกสาวคนโตขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ 

 

 

“ผู้ยิ่งใหญ่ก็เป็นเช่นนี้แหละ” บรานลูบหัวลูกสาวคนโตแล้วยิ้ม 

 

 

“พี่ชายเขาแปลกๆ หรือคะ?” สาวน้อยเมร่าถามพร้อมกับขมวดคิ้ว 

 

 

บรานนิ่งแล้ว นึกถึงลูกชายของเขา เมื่อนับวันแล้ว ยังเหลืออีกตั้งหลายเดือนกว่าที่เขาจะกลับมา พอลูกชายเข้าร่วมนิกายลี้ลับก็ตัดขาดโลกไปเลย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะตัดสัมพันธ์กับครอบครัวเหล่าสาวกของนิกายลี้ลับยังคงกลับบ้านในช่วงวันหยุดเพื่อรวมตัวกับครอบครัวของพวกเขาทุกปีได้ 

 

 

เสือดาวไฟฟ้านั่งยองๆ อยู่ข้างหลังกระโจมของแคลร์เพื่อปกป้องนางโดยไม่กล้าขยับไปไหนเลย 

 

 

แคลร์เดินตามคนเหล่านี้ผ่านหุบเขาและเส้นทางนี้อยู่ใกล้กว่าทางที่นางรู้จักมาก เวลาที่ใช้ในการเดินทางน้อยกว่าเดิมเกือบครึ่งเลย 

 

 

หลังจากเดินทางไม่กี่วัน ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงที่หมาย ด้านหน้าคือเมืองหลวงของลากัคแล้ว 

 

 

“ขอบคุณสำหรับการดูแลตลอดทางและก็ลาก่อน” แคลร์บอกบรานอย่างไม่แยแสและไม่สนใจรอคำตอบ    ของอีกฝ่าย นางหมุนตัวและตบที่หัวของเสือดาวไฟฟ้า จากนั้นก็ชี้ไปด้านหลังบ่งบอกให้มันไปได้ เสือดาวไฟฟ้าร้องด้วยความตื่นเต้นและหายไปจากสายตาของทุกคนอย่างรวดเร็ว องครักษ์มองด้วยความประหลาดใจ 

 

 

แคลร์ก้าวไปข้างหน้าโดยไม่สนใจคนข้างหลัง 

 

 

“ท่านพ่อ หมอนี่ไร้มารยาทจริงๆ!” เจสสิก้าขมวดคิ้วอย่างโกรธเคือง     

 

 

“อืม เขาก็ดีนะ เรากลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยแล้ว” บรานลูบหัวลูกสาวเพื่อปลอบโยน 

 

 

“ใช่ เขาช่วยเราไว้นะ” เมร่าสนใจแคลร์มาก 

 

 

“เอาล่ะๆ กลับบ้านกันเถอะ พ่อยังมีเรื่องสำคัญต้องทำอีก” บรานลูบหัวของลูกสาวทั้งสอง ในใจก็กังวลเขาอยากรีบไปที่คฤหาสน์ตระกูลเฟิงโดยเร็วที่สุด เพื่อไปพบท่านอันลิซ่าและแจ้งข่าวสำคัญที่เขาได้รับมา 

 

 

บรานยังไม่กลับบ้าน แต่ตรงไปที่บ้านตระกูลเฟิงเลย 

 

 

ลูกสาวทั้งสองของเขากลับบ้านไปก่อน 

 

 

ทันทีที่มาถึงหน้าบ้าน พวกนางก็เห็นแผ่นหลังที่ทำให้ประหลาดใจ  

 

 

“พี่ชาย!” 

 

 

“พี่ชาย!” 

 

 

สองสาวส่งเสียงเรียกและพุ่งไปข้างหน้า 

 

 

“เจสสิก้า เมร่า” รอยยิ้มจางๆ ปรากฏบนใบหน้าของชายหนุ่ม 

 

 

“พี่ชาย ทำไมกลับมาวันนี้ล่ะคะ? วันหยุดของพี่ยังอีกหลายเดือนไม่ใช่หรือ?” เจสสิก้าถามอย่างมีความสุข 

 

 

เมร่ายังจ้องตาโตรอคำตอบ 

 

 

“พี่ออกมาครั้งนี้เพราะพี่มีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ” ชายหนุ่มยิ้ม“ ดังนั้นก็เลยกลับมาพบพวกเจ้าด้วย” ชายหนุ่มจะบอกครอบครัวของเขาได้อย่างไรถึงสิ่งที่เขาต้องทำให้เวลานี้? ครั้งนี้เขาออกมาจากนิกายลี้ลับเพื่อตามล่าฆาตกรที่ฆ่าผู้อาวุโสหั่วซีหยู!      มีเบาะแสว่ามีคนเคยเห็นผู้อาวุโสหั่วซีหยูปรากฏตัวในเมืองเฟิงหัวและเห็นว่าเขาออกจากเมืองไปในเวลากลางคืน ตอนนี้เขาเพียงแค่ต้องรีบไปที่สถานที่นั้น จากนั้นก็ใช้กระจกส่องวิญญาณจับชิ้นส่วนวิญญาณของผู้อาวุโสหั่วซีหยู แล้วเขาก็จะสามารถจำลองภาพเหตุการณ์ในเวลานั้นและค้นหาว่าใครเป็นคนฆ่าผู้อาวุโสหั่วซีหยูได้! 

 

 

เขาต้องล้างแค้นให้ผู้อาวุโส! 

 

 

เมื่อแคลร์มาถึงหน้าคฤหาสน์ตระกูลเฟิง นางก็ได้พบกับบรานอีกครั้ง 

 

 

บรานมองแคลร์ด้วยความประหลาดใจ “ผู้มีพระคุณ เจ้าอยู่ที่นี่หรือ?” 

 

 

“ข้ามาหาคน” แคลร์พูดเบาๆ มีคนเข้าไปแจ้งว่าแคลร์มาแล้ว ส่วนองครักษ์ก็ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจ เครื่องแต่งกายธรรมดาๆ ของแคลร์ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตระกูลเฟิงได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี เมื่อองครักษ์ได้ยินเด็กผู้ชายธรรมดาตรงหน้าเขารายงานชื่อของแคลร์ พวกเขาก็รู้สึกประหลาดใจจริงๆ แคลร์ ฮิลล์ ผู้ที่ทำให้ผู้ชมตกตะลึงในการประลองนั้น หลายคนยังจำนางได้ นางพลิกสถานการณ์หลายครั้งและเอาชนะฮว๋าอี้หลินได้ในที่สุด แต่นางมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับชายหนุ่มตรงหน้าล่ะ? เมื่อแคลร์ยกหมวกขึ้น หัวใจขององครักษ์    ก็บีบแน่น ชายหนุ่มตรงหน้าคือแคลร์เอง! ดวงตาสีเขียวและใบหน้าที่สวยงามของนางทำให้คนที่ดูการประลองนั้นไม่มีวันลืม แม้ว่าจะดูผ่านคริสตัลความทรงจำก็จะไม่มีวันลืม 

 

 

มาหาคน? บรานสงสัย ชายหนุ่มผู้นี้มาที่บ้านตระกูลเฟิงเพื่อหาใครกัน? มีความสัมพันธ์อย่างไรกับตระกูลเฟิง? 

 

 

ในขณะนั้นก็    มีเสียงฝีเท้าวิ่งมาที่ประตู 

 

 

ลมกระโชกแรง อันลิซ่าในชุดสีแดงเพลิงปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา 

 

 

“ป้าอัน” ครั้งนี้แคลร์ไม่    เคอะเขินแล้ว นางเรียกคำนี้อย่างเป็นธรรมชาติ 

 

 

อันลิซ่ายิ้ม ใบหน้าของนางดูดีมาก นางจับมือแคลร์และพูดกับแคลร์อย่างรักใคร่ “เจ้ามาได้อย่างไร? ข้าคิดว่าข้าจะไม่ได้เจอเจ้าอีกนานเลย” 

 

 

“ข้า ข้าอยากให้ป้าอันพาข้าไปที่ที่ไปครั้งที่แล้ว” แคลร์พูดแบบนี้เพราะมีคนรอบข้าง 

 

 

“อ้อ? ฮ่าๆ ได้ๆ” เมื่ออันลิซ่าได้ยิน นางก็สะดุ้งและจากนั้นก็ยิ้มอย่างร้ายกาจ      

 

 

“มาๆ เข้ามาก่อนค่อยคุย” อันลิซ่าจับมือแคลร์แล้วเดินเข้าไปโดยไม่สนใจบรานที่อยู่ด้านข้างเลย 

 

 

“ท่านอัน” ในตอนนี้บรานเห็นอันลิซ่ากำลังจะเข้าไป ในที่สุดเขาก็ได้สติขึ้นมาและตะโกนเรียกอย่างกังวล 

 

 

“อ้าว บราน?” อันลิซ่ามองไปที่บรานที่ยืนอยู่ตรง    ประตูด้วยความประหลาดใจ “เจ้าไม่ได้ไปที่บ้านเกิดของภรรยาเจ้าหรอกหรือ?” 

 

 

“ข้ามีเรื่องสำคัญจะบอกท่าน ดังนั้นข้าเลยกลับมาก่อน” บรานพูด แต่สายตาของเขาจับจ้องไปที่    แคลร์และก็อยากรู้เกี่ยวกับตัวตนของคนผู้นี้     ท่านอันลิซ่าดูท่าทางรักชายหนุ่มผู้นี้มาก      เขาจะเป็นเพื่อนของนายน้อยเฟิงหรือ? 

 

 

สีหน้าของอันลิซ่าเปลี่ยนเป็นจริงจัง นางรู้ว่าบรานจริงจังมาตลอด หากเขาบอกว่ามันสำคัญก็แสดงว่าสำคัญอย่างยิ่ง 

 

 

“เข้ามาสิ” อันลิซ่าเดินนำหน้า บรานรีบตามไป 

 

 

ที่ทางเข้าห้องหนังสือ 

 

 

“ป้าอัน ข้าจะไม่รบกวนมากหรอก” แคลร์พูดอย่างเขินอาย 

 

 

“ก็ดี เจ้าไปหาอี้เซวียนกับอาจารย์ของข้าเองแล้วกัน ม้วนเวทย์นี้ข้าให้เจ้า หากจะกลับมาก็บอกอาจารย์ข้าก็พอแล้ว” อันลิซ่าไม่ได้ยื้อแคลร์ให้อยู่นานเกินไป 

 

 

“ขอบคุณมาก ป้าอัน ข้ารบกวนป้าอันตลอดเลย” แคลร์ขอโทษพร้อมกับความรู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้งในดวงตาของนาง 

 

 

“ฮ่าๆ ไปเถอะ อี้เซวียน เจ้าเด็กนั่นถ้าได้เห็นเจ้า เขาคงจะมีความสุขมากเลย” อันลิซ่าพูดด้วยรอยยิ้มและส่งม้วนเวทย์เคลื่อนย้ายที่ให้แคลร์ 

 

 

“ขอบคุณป้าอัน” แคลร์หยิบม้วนนั้นมา 

 

 

“บราน ไปกันเถอะ เข้ามาคุยในนี้” อันลิซ่าเปิดประตูและเข้าไปในห้องหนังสือ บรานมองกลับไปที่แคลร์ที่ฉีกม้วนกระดาษและหายไป 

 

 

เมื่อบรานรายงานเรื่องนี้ อันลิซ่าก็ขมวดคิ้วและพูดอย่างใจเย็น “อย่าบอกเรื่องนี้กับใครนะ จัดการเรื่องนี้เงียบๆ    “ 

 

 

“ครับ ข้ายังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใครเลย” ในที่สุดก้อนหินในใจของบรานก็เบาลง หากเรื่องนี้อยู่ในมือของผู้ใหญ่ตรงหน้าเขาแล้ว เรื่องนี้ก็จะได้รับการแก้ไขในที่สุดเขาก็สามารถผ่อนคลายได้ 

 

 

“อืม กลับไปเถอะ เจ้าเหนื่อยแล้ว ยังไม่ได้กลับบ้านเลยล่ะสิ” อันลิซ่าสังเกตเห็นแล้วว่าบรานไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า 

 

 

“ไม่เป็นไรครับ ข้าแค่อยากจะรายงานเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด” บรานยิ้มและยังไม่ไป 

 

 

“ทำไม มีเรื่องหรือ?” อันลิซ่าถามอย่างสงสัย 

 

 

“ท่านอัน เด็กผู้นี้เป็นผู้ช่วยชีวิตของข้า ระหว่างทางลูกสาวของข้าและข้าถูกเสือดาวไฟฟ้าทำร้าย เขาช่วยพวกเราไว้ ข้าไม่คิดเลยว่าจะเป็นเพื่อนของนายน้อยเฟิง” บรานพูดเรื่องที่แปลกใจเมื่อครู่ออกมา 

 

 

…………………………………………………………………………….