ตอนที่ 167 หกล้มขาหัก

แม่สาวเข็มเงิน

วันนี้เจียงป่าวชิงถอนผักสองสามชนิดจากสวนผักในบ้านของนาง จากนั้นนางก็ไปที่บ้านของคนขายเนื้อเพื่อซื้อกระดูกแท่งใหญ่มาเตรียมทำน้ำต้มกระดูกและทำกับข้าวง่าย ๆ

ตอนที่เจียงป่าวชิงกำลังเดินกลับบ้าน นางก็เจอกับสามีภรรยาคู่หนึ่งที่กำลังเคาะประตูบ้านซุนต้าหูด้วยใบหน้าวิตกกังวล พวกเขาเคาะประตูไปด้วยและตะโกนเรียกคนข้างในไปด้วย

“ต้าหู เจ้าอยู่บ้านหรือเปล่า ? พ่อข้าหกล้มขาหัก ข้าต้องการเช่ารถของเจ้าไปในอำเภอหน่อย”

เจียงป่าวชิงหยุดฝีเท้าลง

เส้นทางบนภูเขาที่จะไปในอำเภอนั้นขรุขระมาก ถ้าหากว่าขาหักก็คงจะกระดูกหัก อย่างนั้นก็ยิ่งไม่ควรได้รับการสั่นสะเทือนไปมากกว่านี้

ไม่นาน ซุนต้าหูก็รีบออกมาเปิดประตูอย่างรวดเร็ว บนหัวของเขายังมีน้ำหยดลงมาอยู่เลย เขารีบพูดขอโทษขอโพยทันที “อาหลี อาหญิงหลี ข้าขอโทษด้วยจริง ๆ เมื่อสักครู่ข้ากำลังอาบน้ำอยู่ในบ้าน ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยขอรับ”

ชาวบ้านที่ซุนต้าหูเรียกว่าอาหลีนั้นมีอายุแล้ว จอนผมก็ขาวแล้ว เขาดึงแขนซุนต้าหูด้วยท่าทางร้อนรน “ไม่เป็นไร ๆ แต่ว่าต้าหู เจ้ารีบไปสวมรถเร็วเข้า จะได้กลับไปรับพ่อข้าที่บ้าน”

สาวใหญ่ข้าง ๆ ที่ถูกเรียกว่าอาหญิงหลีมีสีหน้ากลัดกลุ้ม “ต้าหู เจ้ามือเท้าว่องไว พ่อสามีข้าอายุมากแล้ว ตอนนี้เขาก็กำลังทนความเจ็บปวดอยู่ที่บ้าน”

ความเก้อเขินปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของซุนต้าหู จากนั้นเขาก็เกาศีรษะ “อาหลี บ้านข้าไม่มีรถล่อแล้ว ข้าขายรถกับล่อไปแล้ว”

แม้แต่เจียงป่าวชิงที่ฟังอยู่ไม่ไกลก็ยังตะลึง ขายแล้วอย่างนั้นรึ ?

อาหลีตะลึงก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นเขาก็ร้อนรนเป็นอย่างมาก “ไม่ใช่สิ ต้าหู เจ้าอย่าหลอกข้าเล่นเชียว อยู่ดี ๆ เหตุใดถึงขายรถล่อได้ล่ะ ?”

ซุนต้าหูพูดอย่างคลุมเครือ “ก็… ก็เพราะข้าขาดเงินจึงขายไป เรื่องเช่นนี้ข้าจะมาหลอกคนเล่นได้อย่างไรกัน ?”

“แล้วจะทำอย่างไรล่ะคราวนี้” อาหญิงหลีได้ฟังก็ร้อนใจทันที “พ่อสามีข้าหกล้มอาการร้ายแรงมากเลยนะ”

ซุนต้าหูพูดอย่างลำบากใจ “ถ้าอย่างนั้น อาหลี อาหญิงหลี ข้าจะไปที่บ้านแม่เฒ่ากัวกับพวกท่าน เพื่อไปเชิญแม่เฒ่ากัวให้มาดูอาการก่อน ดีไหม ?”

อาหลียังคงมีสีหน้าร้อนรน ใบหน้าที่มีริ้วรอยจำนวนมากเต็มไปด้วยความทุกข์ระทม “บ้านแม่เฒ่ากัวไม่มีใครอยู่ ข้าถามเพื่อนบ้านข้าง ๆ แล้ว พวกเขาบอกว่านางออกไปตรวจโรค ไม่รู้ว่าจะกลับมาตอนไหน เห็นบอกว่ามีบางครั้งหลายวันถึงจะกลับบ้านเลยก็มี”

อาหญิงหลีพร่ำบ่นอยู่ข้าง ๆ อย่างร้อนใจ “พ่อสามีอายุมากแล้ว ข้าให้เขาเดินไปเดินมาอยู่ในบ้าน แต่เขากลับไปตกปลาที่ริมแม่น้ำกับเพื่อน ฮึ่ม! ที่ริมแม่น้ำลื่นจะตาย ลื่นไถลนิดเดียวก็หกล้มได้แล้ว…”

“พอเถอะ เจ้าไม่ต้องบ่นแล้ว” อาหลีกลุ้มใจมาก เขานั่งยอง ๆ และกำเส้นผมตัวเองอยู่ตรงหน้าบ้านซุนต้าหู “อืม แล้วจะทำอย่างไรกับขาของพ่อล่ะคราวนี้ ?”

ซุนต้าหูลังเลอยู่สักครู่ “ข้ารู้มาว่าในหมู่บ้านข้าง ๆ ยังมีอีกครอบครัวที่มีรถล่อ ข้าจะช่วยไปเรียกเขามาให้ดีหรือไม่ ?”

อาหญิงหลีพูดแทรกขึ้นมา “เจ้าหมายถึงครอบครัวของเสี่ยวเจิ้งนั่นน่ะหรือ ?”

ซุนต้าหูพยักหน้า

อาหญิงหลีส่ายหน้าเป็นพัลวัน “ไม่ได้! ไม่ได้! ไม่ได้! นั่นไกลเกินไป ไปกลับอย่างน้อยก็ใช่เวลาเกือบสองชั่วยามแล้ว ถึงตอนนั้น หากว่าฟ้ามืดก็คงจะไปในอำเภอไม่ได้แล้ว อีกอย่าง ข้ากลัวว่าพ่อสามีข้าจะทนได้ไม่นานขนาดนั้นน่ะสิ”

อาหลีฉุดเส้นผมของตัวเอง เขานั่งยอง ๆ และถอนหายใจตลอดเวลา

ซุนต้าหูรู้สึกผิดเป็นอย่างยิ่ง “ถ้าหากว่าข้าขายช้ากว่านี้อีกหน่อยก็คงจะดี… ใครจะไปคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา”

อาหญิงหลีอดไม่ได้ที่จะบ่นซุนต้าหู “ต้าหู ข้าว่าเจ้าทำให้ทรัพย์สินครอบครัวเสื่อมไปหน่อย ไม่มีเงินก็คิดหาวิธีหน่อยสิ เหตุใดต้องขายรถล่อที่ใช้ทำมาหากินด้วย แล้วต่อไปเจ้าจะกินจะใส่อะไร ?  ข้าก็ว่าจะไม่พูดแล้วนะ เจ้าดูสิเจ้าขายรถล่อ แต่กลับไม่แจ้งคนในหมู่บ้านสักคำ ต่อไปถ้าคนในหมู่บ้านมีเรื่องด่วนอะไรและไม่รู้ว่ารถล่อของเจ้าไม่มีแล้ว ทำให้เรื่องด่วนของพวกเขาต้องล่าช้า  แบบนี้เจ้าจะชดใช้ไหวหรือ ?”

ซุนต้าหูถูกพูดใส่จนหน้าแดงก่ำ แต่ติดตรงที่ฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้ใหญ่ เขาจึงต้องพยักหน้ารับด้วยใบหน้าขมขื่น

ในขณะนี้ ก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมา “อาหลี อาหญิงหลี เรื่องขาของคุณปู่ท่านนั้น ให้ข้าไปดูก็ได้เจ้าค่ะ”

อาหลีหันกลับไปก็เห็นเจียงป่าวชิงหรือไอ้เจ้าเด็กปัญญาอ่อนที่ขึ้นชื่อในหมู่บ้านกำลังยืนอยู่ตรงนั้น ตอนนี้นางไม่เหมือนกับคนปัญญาอ่อนแล้ว แต่กำลังยืนสูงโปร่งเหมือนดอกไม้บานอยู่ตรงนั้น ทั้งยังถือเชือกป่านไว้ในมือ และมีกระดูกชิ้นใหญ่ผูกอยู่บนเชือกป่าน

อาหลีไม่พูดอะไร แต่เป็นอาหญิงหลีที่พูดขึ้นมาเร็วยิ่งกว่าใคร “เจ้าคือเจียงป่าวชิงไม่ใช่รึ ? …ป่าวชิง ก่อนหน้านี้เจ้าปัญญาอ่อนมาตั้งหลายปี เหตุใดตอนนี้กลับตรวจโรคเป็นแล้วล่ะ ?”

เจียงป่าวชิงฉีกยิ้มมุมปาก นางพยายามทำให้รอยยิ้มของตัวเองดูอ่อนโยน “ข้าตรวจโรคไม่เป็นหรอกเจ้าค่ะ เพียงแต่ก่อนหน้านี้พี่ชายของข้าก็แขนหัก พวกท่านก็รู้นี่เจ้าคะว่าบ้านข้ายากจน ไม่มีเงินรักษา แต่บังเอิญว่าข้าได้เจอกับหมอใจดีคนหนึ่ง และเขาได้สอนข้าเกี่ยวกับวิธีการต่อกระดูกและเข้ากระดูก แค่นี้ก็เพียงพอแล้วเจ้าค่ะ”

อาหลีลุกขึ้น เขาขมวดคิ้วหน้าบึ้ง “เด็กตระกูลเจียง นี่ไม่ใช่เรื่องของทุกบ้าน พ่อข้าอายุมากแล้ว และจะมาตรวจผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด เจ้าอย่านึกว่าตัวเองเรียนมาเพียงน้อยนิดแล้วคิดว่าตัวเองทำเป็นไปเสียทุกอย่าง เพราะถ้าหากว่าเกิดข้อผิดพลาด เป็นเจ้าเองที่จะชดใช้ไม่ไหว!”

เจียงป่าวชิงบังคับให้ตัวเองยิ้มอย่างไร้เดียงสาและเป็นมิตรที่สุด “ไม่หรอกเจ้าค่ะ ท่านอาหลีดูสิ ไม่ใช่ว่าข้าต่อแขนให้พี่ชายข้าได้สำเร็จหรอกหรือ ทั้งยังต่อได้ดีมากเลยด้วย ตอนนี้ไม่มีจุดบกพร่องเลยสักนิดเดียว”

อาหลีกับอาหญิงหลีครุ่นคิด สองสามวันนี้พวกเขาเห็นเจียงหยุนชานมาซื้อของในหมู่บ้านจริง ๆ และมองไม่ออกเลยว่าเขาเคยแขนหักมาก่อน

อาหญิงหลียังคงลังเล แต่อาหลีกลับกัดฟันแล้วตัดสินใจทันที “ถ้าอย่างนั้นก็ได้ เด็กตระกูลเจียง เจ้ากลับไปดูพ่อข้ากับข้า”

จะไม่ตัดสินใจก็ไม่ได้ เพราะพ่อของเขากำลังนอนเจ็บจะเป็นจะตายอยู่ที่บ้าน และไม่รู้ว่าจะหลับตาและขาอ่อนแรงไปตอนไหน ถ้าถึงตอนนั้นจะทำอย่างไร ?

อาหญิงหลียังคงมีความลังเลอยู่เล็กน้อย “เหล่าหลี นี่มันไม่วุ่นวายไปหน่อยหรือ ? ถ้าหากว่าเจียงป่าวชิงก่อกวนอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าแล้วทำให้เรื่องขาของท่านพ่อต้องล่าช้า มันอาจจะทำเสียเรื่องได้นะ แล้วคนรุ่นหลังอย่างเรา ๆ ก็ต้องถูกคนในหมู่บ้านนินทาจนโงหัวไม่ขึ้นไปตลอดชีวิตเลย  เจ้าลองนึกถึงเจ้าง่อยของบ้านเหล่าปาสิ ไม่ใช่ว่าเขาขาหักตั้งแต่ยังเล็กแล้วไปให้คนต่อกระดูก แต่คนนั้นต่อไม่ดีจึงทำให้เขากลายเป็นง่อยอยู่ทุกวันนี้หรอกหรือ ?”

อาหลีกัดฟัน สวรรค์และมนุษย์กำลังทำสงครามอยู่ในใจของเขา แต่สถานการณ์ของพ่อเขาร้ายแรงมาก ตอนนี้เขาจึงต้องคิดวางแผนสองทาง “พ่อของพวกข้าอายุมากแล้ว อย่าว่าแต่ต่อกระดูกดีหรือไม่เลย เพียงแค่รักษาชีวิตเขาให้รอดก่อนก็ถือว่าดีมากแล้ว …เจ้าพาเด็กตระกูลเจียงกลับไปก่อน ข้าจะรีบไปที่เขื่อนจี๋เสียงเพื่อไปเช่ารถของเสี่ยวเจิ้ง”

ซุนต้าหูรีบพูดขึ้นทันที “อาหลี อาหญิงหลี พวกท่านกลับบ้านไปให้หมดนั่นแหละ อาหลีอายุมากแล้ว ถ้าหกล้มอีกมันจะไม่ดี ข้าเองก็มีส่วนรับผิดชอบสำหรับเรื่องวันนี้เช่นกัน เอาเช่นนี้แล้วกัน ข้าจะไปที่เขื่อนจี๋เสียงเพื่อไปเช่ารถของเสี่ยวเจิ้งให้เอง”

ตอนที่ซุนต้าหูพูด เขาไม่กล้ามองเจียงป่าวชิงเลยด้วยซ้ำ

เมื่ออาหลีกับอาหญิงหลีได้ยินซุนต้าหูพูดออกมาเช่นนั้น พวกเขาก็ไม่เกรงใจซุนต้าหูอีกต่อไป จึงปล่อยให้เป็นไปตามนั้น

ซุนต้าหูรีบกลับเข้าไปหยิบเสื้อคลุมนอกมาคลุมร่างกายไว้ จากนั้นเขาก็ซ่อนทองแดงไว้ในเสื้อ เมื่อปิดประตูบ้านเสร็จเขาก็ออกเดินทางทันที อาหลีกับอาหญิงหลียังไม่ได้พูดเรื่องเงิน ซุนต้าหูเป็นคนจริงใจ เขาจึงเตรียมจ่ายไปก่อนเสียเลย

เจียงป่าวชิงเดินอยู่ด้านหลังอาหลีกับอาหญิงหลี ตอนที่นางกำลังเดินไปที่บ้านตระกูลหลี นางก็ได้หันกลับไปมองซุนต้าหู

ซุนต้าหูเดินเร็วมาก ราวกับมีหมาไนกับเสือดาวกำลังไล่ตามหลังเขาอยู่อย่างนั้นแหละ

อาหญิงหลีจึงรีบพูดเร่งนางจากทางด้านหน้า “ป่าวชิง เร็วหน่อย เจ้าอย่าอืดอาดสิ”

เจียงป่าวชิงขานรับ จากนั้นก็หมุนตัวกลับไปเดินต่อ

.