“พี่อันระวัง มันมีสองตัว!” เจ้าอัปลักษณ์ร้องลั่น
เหนือหน้าผาหิน เต่ายักษ์สีแดงขนาดตัวร่วมสิบจั้งกำลังกระโจนใส่อันหลิน!
“ให้ตายเถอะ! ไท่ซานกดศีรษะหรือ”
อันหลินเงยหน้าขึ้น เห็นกระดองเต่าทรงกลมดุจก้อนหิน กำลังพุ่งลงมาหาเขาอย่างเต็มกำลัง
จิตวิญญาณแห่งสายลม!
ลมห้อมล้อมเท้าทั้งสองข้างของเขา เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
ตูม!
เต่ายักษ์ตกลงมา กระแทกจนผิวดินสั่นสะเทือน
การเพิ่มทะยานของความเร็ว ทำให้อันหลินหลบการโจมตีอันน่ากลัวนี้ไปได้
ขณะนั้นเอง ต้าไป๋ก็ใช้อุ้งมือฉีกสายลมจนเกิดเป็นใบมีดลมสีขาวคมกริบหลายเส้น
ใบมีดลมพัดหวีดหวิว ฟันศีรษะของเต่ายักษ์สีชาดจนเกิดเสียงดังกึกก้อง
ทว่าเต่ายักษ์เพียงแค่ถอยหลังไม่กี่ก้าว ศีรษะไม่เกิดบาดแผลแต่อย่างใด
เต่ายักษ์สีดำพ่นหมอกดำทมิฬออกมาอีกครั้ง
ขณะนั้นเอง เต่ายักษ์สีแดงอีกตัวก็พ่นเปลวไฟโชติช่วงออกมาผสมปนเปกับหมอกดำ กลายเป็นมังกรไฟสีแดงก่ำ กระโจนใส่ทุกคน
ทุกคนเห็นดังนั้นก็ตกตะลึง พากันใช้ท่าร่างหลบหลีกกันจ้าละหวั่น
ทุกหนแห่งที่มังกรสีแดงพุ่งผ่าน ผิวดินจะดำเกรียมและผุกร่อน
“เต่ายักษ์สองตัวนี้เป็นสามีภรรยาหรือ ถึงได้ผสานกระบวนท่ากันได้” อันหลินมองรอยแยกดำสนิทที่เกิดจากมังกรไฟ พลางพูดอย่างนึกพรั่นใจ
ขณะเดียวกัน สวีเสี่ยวหลานก็ตวัดกระบี่ ปล่อยกระบี่เพลิงพิฆาตที่แฝงด้วยอัคนีบริสุทธิ์
เต่ายักษ์สีดำถูกฟันเข้าอย่างจัง เปลวไฟระเบิดแผ่คลุมพื้นที่รัศมีสิบจั้งให้อยู่ภายใต้ทะเลเพลิง
หมอกสีดำแหวกเปลวเพลิงออกมา หมายโจมตีสวีเสี่ยวหลาน
สวีเสี่ยวหลานหน้าถอดสี รีบใช้ท่าร่างหลบหลีกโดยพลัน
เต่ายักษ์สีนิลพุ่งออกจากทะเลเพลิง ยังคงดูมีกำลังวังชา ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร
คราวนี้เจ้าอัปลักษณ์กระโจนไปยืนตรงหน้าเต่ายักษ์สีชาดแล้ว เสี้ยววินาทีที่มันควงกระบี่ เกิดพลังอันมีอานุภาพรุนแรงเป็นที่สุด กระแทกเข้าที่ศีรษะของมัน
ยามเผชิญหน้ากับการโจมตีสุดแรงเกิดที่แฝงด้วยพลังระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นปลาย เต่ายักษ์สีแดงไม่ถอย ยื่นหัวออกมาปะทะกับกระบองของเจ้าอัปลักษณ์
โครม!
เจ้าอัปลักษณ์รู้สึกว่าสิ่งที่ตนฟาดเป็นแผ่นเหล็ก สะเทือนจนเกิดคลื่นที่ก่อตัวจากพลังงาน ทำให้ผิวดินทรุดตัวและปริแตก เต่ายักษ์สีแดงไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว กลับเป็นเจ้าอัปลักษณ์เองที่ถอยกรูดเพราะพลังสะท้อนกลับ
“กระดองเต่าแข็งไม่พอ ทำไมแม้แต่หัวเต่าก็ยังแข็งล่ะ!” เจ้าอัปลักษณ์ที่ถอยกรูดตะลึงพรึงเพริด
“ข้าเอง!” อันหลินถือกระบี่พิชิตมารพุ่งไปหาเต่ายักษ์สีชาด
เต่ายักษ์รู้สึกถึงอันหลิน จึงรีบพ่นเปลวไฟลุกโชนมาทางเขาทันที
เปลวไฟดุจคลื่นยักษ์ม้วนตัวมาทางเขาพร้อมกับอุณหภูมิที่ร้อนระอุอย่างยิ่งยวด
ในตอนนั้นเอง พายุหมุนลูกใหญ่ก็โผล่ทะลุเปลวไฟมา ก่อเกิดเป็นเส้นทางโล่ง
“พี่อัน รีบหนี โฮ่ง!” ต้าไป๋ตะโกนลั่น สองมืออยู่ในท่าประสานอิน
อันหลินพุ่งเข้าไปในเส้นทางที่ต้าไป๋สร้างให้เขา กระแสลมก่อตัวใต้ฝ่าเท้าอีกครั้ง
แม้เต่ายักษ์จะไร้ดวงตา แต่ก็สัมผัสได้ด้วยวิธีอื่นว่าอันหลินกำลังพุ่งมาทางมัน และมีความรู้สึกอันตรายบางอย่างเกิดขึ้น
ศีรษะที่ยื่นออกมาของมันรีบหดเข้าไปในกระดองทันที
“อยากเป็นเต่าหดหัวงั้นหรือ สายไปแล้ว!” อันหลินตวาด
พลันก็มีกระแสลมสีขาวโอบล้อมกระบี่พิชิตมาร ความเร็วดุจสายฟ้าฟาด
กระบวนท่าที่หนึ่ง กระบี่วายุ
ฉึก!
เส้นสีขาวปรากฏขึ้นบนลำคอของเต่ายักษ์สีแดง ก่อตัวเป็นวงแหวนปรากฏรางๆ
สวีเสี่ยวหลานที่กำลังยื้อเต่ายักษ์สีดำกับเจ้าอัปลักษณ์ หางตาเหลือบมองทางฝั่งของอันหลิน ก็ตกใจกับเพลงกระบี่เหนือชั้นของเขาเช่นกัน
โครม! เต่ายักษ์ล้มลงโดยพลัน ศีรษะหล่นร่วงลงมาตามรอยฟัน เลือดพุ่งกระฉูดจำนวนมหาศาล
กระบี่วายุเหนือกว่าด้วยความเร็ว แต่ข้อเสียก็เห็นได้ชัดเช่นกัน นั่นก็คือขาดอานุภาพ
ทว่ากระบี่พิชิตมารที่คมกริบจนเหนือธรรมชาติ กลับทดแทนข้อเสียที่ขาดอานุภาพได้พอดี ทำให้กระบี่วายุกลายเป็นเพลงกระบี่ที่น่ากลัวอย่างยิ่ง!
หลังอันหลินใช้กระบี่วายุแล้ว ร่างกายก็เหมือนกับถูกสูบพลัง แต่เขายังหยุดพักไม่ได้ เพราะยังมีเต่ายักษ์อีกตัวต้องจัดการ
เขาถือกระบี่พิชิตมาร เริ่มกระโจนใส่เต่ายักษ์อีกตัว
“อันหลิน เพลงกระบี่ของเจ้าเก่งฉกาจเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด!”
หลังเห็นอันหลินใช้กระบี่สังหารเต่ายักษ์สีชาดกับตา สวีเสี่ยวหลานก็พูดขึ้นอย่างประหลาดใจ
“ข้าเป็นอัจฉริยะอย่างไรเล่า ตอนนี้กรุณาเรียกข้าว่าเซียนกระบี่อันหลิน!”
อันหลินกระหยิ่มยิ้มย่อง ขณะเดียวกันก็พุ่งไปหาเต่ายักษ์สีดำแล้ว
เต่ายักษ์สีดำสัมผัสได้ว่าเต่าสีชาดตายแล้ว ก็ตกใจจนหดหัวเข้าไปในกระดอง
กระบี่ของอันหลินฟันตำแหน่งที่หัวของมันหดเข้าไป ปรากฏว่าบริเวณนั้นมีผิวหนังปกคลุมหนึ่งชั้น กระบี่พิชิตมารทำได้เพียงทิ้งรอยตื้นเขิน
ขณะนั้นเอง หมอกดำจำนวนมากก็ผุดออกจากตัวเต่ายักษ์สีดำอีกครั้ง
อันหลินจนปัญญา จำใจต้องล่าถอย
เวลาเดียวกัน สวีเสี่ยวหลานกับต้าไป๋ก็เริ่มโจมตีเต่ายักษ์ตัวนั้น
การโจมตีทะลุหมอกทมิฬ กระแทกกระดองเต่าจนเกิดเสียงดังสนั่นไม่หยุด ทว่าเต่ายักษ์กลับไม่สะทกสะท้าน
อย่างไรก็ตามหมอกดำเหล่านั้นก็เริ่มซัดสาดใส่ทุกคนอย่างบ้าคลั่งราวกับมีชีวิต
จากนั้น เต่าสีดำยังอยู่ในสภาวะหดหัว และเริ่มเคลื่อนตัวไปข้างหลังแล้ว…
“พี่อัน มันจะหนีแล้ว โฮ่ง!” ต้าไป๋หลบการโจมตีของหมอกดำแล้วพูดอย่างร้อนใจ
อันหลินมองกระดองเต่าที่เคลื่อนไหวสมชื่อก็ปวดกบาลขึ้นมา ทำอะไรไม่ได้เลย
“จะปล่อยมันไปแบบนี้หรือ” สวีเสี่ยวหลานทำหน้าไม่พอใจ
ขณะนั้นเองก็มีเสียงกังวานดังขึ้น
“เคล็ดวิชากระบี่เทพขี่สายฟ้า!”
จากนั้น สายฟ้าสีขาวที่มีความหนาขนาดเท่าถังน้ำก็ฟาดลงมาจากท้องฟ้า เป็นดั่งกระบี่คมที่ทลายความมืดมิด ผ่าเข้าที่ศูนย์กลางของกระดองเต่าสีดำ
เปรี้ยง! อัสนีดังกึกก้อง กระแสไฟสีขาวลุกลามไปทั่วกระดองเต่า
เต่ายักษ์ร้องโหยหวน ศีรษะขนาดใหญ่ถูกฟ้าผ่าจนยื่นออกมา
“กระบี่ปักษีตกนภา!”
หญิงชุดขาวคนหนึ่งลอยลงมา ตวัดกระบี่ฟันลงดุจวิหคร่อนรำเหนือกาลเวลา
ฉัวะ!
ศีรษะร่วงหล่น เลือดสาดกระจาย
หลังหญิงสาวจัดการเสร็จสิ้นแล้ว ก็กระโดดมาหาพวกอันหลิน ทุกท่วงท่าคล่องแคล่วดุจกระแสน้ำไหล สง่างามยิ่งนัก
อันหลินเห็นใบหน้าอันงดงามเป็นล้นพ้นของหญิงสาวผ่านแสงไฟของเจ้าอัปลักษณ์ ไฟตรงหางตายิ่งชวนให้รู้สึกอ่อนโยนน่าหลงใหล
“ขอบคุณสหายที่ออกแรงช่วยเหลือ!” สวีเสี่ยวหลานพูดขอบคุณ
“เรื่องเล็กน้อย จุดอ่อนของเต่าปีศาจหุบเหวคือสายฟ้าฟาด ขอเพียงเป็นกระแสไฟที่มีความรุนแรง การป้องกันตัวของมันก็จะถูกทำลาย” หญิงชุดขาวฉีกยิ้มพลางเอ่ยคำอธิบาย
เจ้าอัปลักษณ์เข้าใจทันที ถึงว่าก่อนหน้านี้เขาใช้กระบองฟาดศีรษะของเต่ายักษ์ก็ไม่เป็นอะไรเลย แต่หญิงคนนี้กลับฟันหัวของเต่ายักษ์ขาดได้ในกระบี่เดียว อยู่ในระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นปลายเช่นเดียวกัน แถมนางยังไม่มีโปรแกรมโกงอย่างอันหลิน ระยะห่างไม่ควรจะแตกต่างกันปานนี้จึงจะถูก ที่แท้ก็เหตุนี้นี่เอง
“ไม่ทราบว่าสหายชื่อลู่เสว่ฉีใช่หรือไม่” อันหลินพูดอย่างประหลาดใจ
หญิงชุดขาวชะงัก “ลู่ฉีอะไรกัน ข้าชื่อจี่เยี่ยนหลิง”
“อ้อ…” อันหลินผิดหวังเล็กน้อย
“หุบเหวหมื่นกาลีอันตรายยิ่งนัก ไม่ทราบว่าทุกท่านเสี่ยงอันตรายมาที่นี่ มีเหตุอันใดหรือ” จี่เยี่ยนหลิงถามต่อ
อันหลิน “เพื่อเอาชนะปีศาจร้ายตัวหนึ่ง อืม…เจ้าเข้าใจว่าเป็นภารกิจก็ได้”
“เอาชนะปีศาจร้ายหรือ!” จี่เยี่ยนหลิงเบิกตากว้าง พูดอย่างตกใจว่า “ป่านนี้แล้วยังมีคนล่าปีศาจร้ายอีกหรือ”
ความน่ากลัวของปีศาจร้าย นักพรตทั่วไปต่างก็หวาดกลัวจนต้องหลีกหนี มีใครเป็นฝ่ายออกตามหาเองบ้าง
อันหลินไม่ต่อบทสนทนา เพียงแค่ยิ้มอย่างเก้อเขินเท่านั้น
สวีเสี่ยวหลานเห็นดังนั้นก็ฮึดฮัดในลำคอ ไม่อยากพูดอะไรมากเช่นกัน
จี่เยี่ยนหลิงเห็นอากัปกิริยาของพวกเขา ก็รู้ว่าพวกเขาไม่ได้ล้อเล่น จึงอดขมวดคิ้วอีกครั้งไม่ได้ “บอกพวกเจ้าตามตรงก็แล้วกัน ข้าอยู่ในหุบเหวกาลีมาหนึ่งปีกว่าแล้ว แต่ไม่พบปีศาจร้ายแม้แต่ตัวเดียว หากพวกเจ้าจะค้นหาปีศาจร้าย จำต้องเตรียมใจจะอยู่ในหุบเหวกาลีในระยะยาว!”
อยู่มาปีกว่าแต่ไม่เจอเลยแม้แต่ตัวเดียวงั้นหรือ!
ทุกคนตะลึงงัน
พวกเขารู้ว่าหุบเหวกาลีมีปีศาจร้ายน้อยยิ่งนัก แต่ไม่คิดเลยว่า จะน้อยจนถึงขั้นนี้!
เหลือเวลาปิดเทอมไม่ถึงยี่สิบวันแล้ว…
“ช่างเป็นข่าวที่ทำให้ผิดหวังจริงๆ” อันหลินพูดอย่างเศร้าใจ
………………