ตอนที่ 151 การคาดหวังและรอคอยของหนานกงเยี่ย

เดิมพันเสน่หา

หนานกงเยี่ยทรมานกับการนอนหลับ เขาปวดหัวมากรู้สึกเหมือนมันกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ หนานกงเยี่ยนอนอยู่บนเตียงในวิลล่าหย่าเก๋อ เขากดฟังคลิปเสียงซ้ำแล้วซ้ำเล่า สุดท้ายเขาค้นพบบางอย่างที่น่ามหัศจรรย์ เสียงของเธอเหมือนบทเพลงกล่อมนอน ทำให้เขาค่อยๆ นอนหลับไป อีกทั้งทุกครั้งที่เขากินข้าวไม่ลง พอได้ยินเสียงของเธอ เขาก็จะอยากอาหารจนกินข้าวอิ่มทันที ถึงแม้จะไม่รับรู้ถึงรสชาติอาหาร แต่อย่างน้อยเขาก็รู้สึกหิว

เหลิ่งรั่วปิง ขอแค่คุณกลับมา ทุกอย่างที่คุณต้องการ ผมทำให้คุณได้ทุกอย่าง สิ่งที่คุณต้องการ สิ่งที่ผมมี ผมให้คุณทั้งหมด ผมสามารถมีแค่คุณเพียงคนเดียวได้ รักคุณแค่คนเดียว มอบความรักทั้งหมดของผมให้คุณคนเดียวและรักคุณเพียงคนเดียว

ฟังคลิปเสียงซ้ำกว่าสิบรอบ ในที่สุดหนานกงเยี่ยก็หยุดเล่น เขายกหูโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรเข้าเบอร์ภายในของบริษัท “ก่วนอวี้ มาที่ออฟฟิศของฉัน”

ผ่านไปครู่หนึ่ง ก่วนอวี้เปิดประตูเดินเข้ามาในห้องทำงานประธาน “คุณชายเยี่ย มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ”

ก่วนอวี้ไม่รู้จะปลอบโยนผู้ชายที่ทรมานกับความรักอย่างไรยังไง เขาทำได้เพียงยืนมองเงียบๆ เมื่อก่อนหนานกงเยี่ยเป็นคนเย็นชา แต่ความเย็นชาของเขานั้นคือการไม่สนใจแคร์สายตาใคร เย็นชาอย่างสง่างาม เย็นชาด้วยความทระนงอยู่เหนือทุกสิ่ง ทว่าหนานกงเยี่ยในตอนนี้ แม้ว่าเขาจะยังคงเย็นชา แต่ความเย็นชานั้นกลับทำให้คนปวดใจ เขานั่งอยู่ตรงนั้น แต่หัวใจของเขากลับล่องลอยไปที่อื่น ตามหาเธออย่างบ้าคลั่ง รอคอยการกลับมาของผู้หญิงคนนั้น แววตาสีนิลรอคอยเธอด้วยความหวัง

“มีข่าวของเธอหรือรึยัง” สีหน้าของหนานกงเยี่ยนิ่งเฉย ไร้ซึ่งความรู้สึก แววตาเคร่งขรึม ราวกับกำลังถามคำถามทั่วไป แต่เสียงของเขากลับเย็นยะเยือก

สิ่งที่ก่วนอวี้ไม่อยากตอบที่สุดก็คือคำถามนี้ เพราะการตามหาเธอเหมือนงมเข็มในมหาสมุทร ทุกอย่างคลุมเครือไปหมด ตั้งแต่เหลิ่งรั่วปิงไปจากเขา หนานกงเยี่ยไม่เคยถอดใจในการตามหาเธอ อีกทั้งเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้เหลิ่งรั่วปิงต่อต้าน เขาได้เปลี่ยนเป็นตามหาเธออย่างลับๆ เพียงแต่ว่า ตอนที่เธออยู่ในเมืองหลง ยังหาเธอไม่เจอ เวลานี้ขยายวงกว้างในการตามหาไปถึงทั่วโลก แล้วจะเจอตัวเธอง่ายๆ ได้อย่างไรยังไง ถ้าเธอไม่ต้องการให้เจอตัว การตามหาเธอก็คือเรื่องที่ยากมาก

“ไม่มีครับ คุณชายเยี่ย” ก่วนอวี้ก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด ไม่อาจสามารถแบ่งเบาความทุกข์ของเจ้านายได้ เขารู้สึกผิด รวมถึงเรื่องที่ตอนนั้นเขาไม่สามารถหยุดเหลิ่งรั่วปิงไว้ไม่ได้ เขาก็รู้สึกผิดเหมือนกัน

หนานกงเยี่ยไม่ได้โมโห เขาพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ช่วงนี้ไซ่ตี้จวิ้นทำอะไรอยู่”

เหลิ่งรั่วปิงบอกว่า เธออาจจะไปหาไซ่ตี้จวิ้น ดังนั้นเขาจึงส่งคนคอยจับตาดูไซ่ตี้จวิ้น

“คุณไซ่ตี้จวิ้นอยู่ที่ประเทศเอ้าตูมาโดยตลอดครับ ไม่มีการเดินทางออกนอกประเทศ ดูแล้วไม่มีเรื่องอะไรเป็นพิเศษครับ” ก่วนอวี้ขมวดคิ้วครุ่นคิด “อ้อ่อ จริงด้วยครับ ช่วงนี้ที่ประเทศเอ้าตูมีข่าวเกี่ยวกับคุณไซ่ตี้จวิ้น”

“?” หนานกงเยี่ยเงยหน้าขึ้น รอฟังสิ่งที่ก่วนอวี้จะพูด เขาไม่ได้สนใจไซ่ตี้จวิ้น แต่เขาสนใจเรื่องที่เกี่ยวข้องกับไซ่ตี้จวิ้น เพราะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผู้ชายคนนี้ มีความเป็นไปได้ที่จะเกี่ยวข้องกับเหลิ่งรั่วปิง

ก่วนอวี้ “ฉู่หนิงซยาน้องสาวของหมอศัลยกรรมชื่อดังระดับโลกฉู่เทียนรุ่ย เมื่อสามปีก่อนประสบอุบัติเหตุจนกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา เธอเพิ่งฟื้นขึ้นมาเมื่อเร็วๆ นี้ครับ ผู้หญิงคนนี้เคยชอบไซ่ตี้จวิ้นมาก แต่ไซ่ตี้จวิ้นไม่ชอบเธอและรังเกียจเธอมาก ทว่าหลังจากที่เธอตื่นขึ้นมาจากการเป็นเจ้าหญิงนิทรา ท่าทางของไซ่ตี้จวิ้นที่มีต่อเธอกลับเปลี่ยนไป ตอนนี้เขาดูแลเอาใจใส่และปกป้องผู้หญิงคนนี้มาก พร้อมทั้งประกาศว่าเธอเป็นแฟนของเขา และยังให้เธอเข้ามาทำงานที่บริษัทด้วยครับ”

“อีกทั้ง หลังจากที่ผู้หญิงคนนี้ตื่นขึ้นมา เธอก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน เมื่อสามปีก่อนเธอเป็นคุณหนูไม่เอาไหนของประเทศเอ้าตู อีกทั้งยังเป็นคนเอาแต่ใจ ยโสโอหัง ไม่ได้เรื่องเลยสักอย่าง แต่ตอนนี้เธอกลับกลายเป็นผู้หญิงที่มากความสามารถ มีสง่าและเสน่ห์แพรวพราว เป็นผู้หญิงที่ผู้ชายทุกคนอยากตามจีบครับ”

คิ้วหนาของหนานกงเยี่ยขมวดเป็นปมอย่างครุ่นคิด เขาคิดไม่ออกว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเหลิ่งรั่วปิงยังไง แต่ตอนนั้นไซ่ตี้จวิ้นรักเหลิ่งรั่วปิงมาก เขารักเธอจนถึงขั้นยอมเอาชีวิตตนเองเข้าแลกเพื่อช่วยเหลิ่งรั่วปิง ตอนนี้เหลิ่งรั่วปิงไปจากเมืองหลงแล้ว สิ่งที่เขาควรทำคือฉวยโอกาสนี้เพื่อตามหาเธอ แต่ทำไมอยู่ดีๆ เขาถึงมีผู้หญิงคนใหม่ได้ หรือว่าเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ

หนานกงเยี่ยคิดอย่างไรยังไงก็ไม่ได้คำตอบ สุดท้ายเขาจึงพูดเสียงเรียบ “จับตาดูไซ่ตี้จวิ้นต่อ แล้วก็จับตาดูฉู่หนิงซยาด้วย”

“ครับ”

“อื้ม” หนานกงเยี่ยพยักหน้า โยนเอกสารในมือไปให้ก่วนอวี้ “ที่ดินซานสุ่ยเหรินจยาผืนนี้ กำลังจะเปิดประมูลแล้ว นายไปจัดการให้เรียบร้อย ไม่ว่ายังไงก็ต้องประมูลที่ดินผืนนี้มาให้ได้”

ก่วนอวี้มองดูเอกสาร “คุณชายเยี่ย ที่ดินผืนนี้น่าจะมีคนต้องการไม่น้อย คุณคิดจะประมูลมาทำโปรเจคไหนเหรอครับ”

หนานกงเยี่ยมองดูโมเดลบ้านที่เหลิ่งรั่วปิงให้เขาเงียบๆ นิ้วมือเรียวยาวลูบจับโมเดลบ้าน ผ่านไปนานครู่หนึ่งกว่าเขาจึงะพูดขึ้นมา “ฉันจะสร้าง full house (บ้านที่สมบูรณ์แบบ)”

ก่วนอวี้มองดูโมเดลบ้าน เขาเข้าใจทุกอย่างทันที หนานกงเยี่ยจะสร้างบ้านที่นั่น บ้านที่ออกแบบโดยเหลิ่งรั่วปิง “ครับ คุณชายเยี่ย ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้เลยครับ”

หลังจากที่ก่วนอวี้ออกไปได้ไม่นาน อวี้หลานซีก็เข้ามา ในมือของเธอถือปิ่นโตเก็บความร้อนมาด้วย

สีหน้าของหนานกงเยี่ยไม่ได้เปลี่ยนไปแต่อย่างใด เขาเงยหน้าขึ้นแล้วชำเลืองมอง จากนั้นก็ก้มหน้าลงดูเอกสารในมือ สำหรับอวี้หลานซี เขายังคงปกป้องและดูแลเธอ เพราะถึงอย่างไรตระกูลหนานกงก็ติดค้างเธอถึงสองชีวิต แต่เขาจะไม่มีวันให้โอกาสเธออีก

เมื่อเห็นท่าทีเย็นชาของหนานกงเยี่ย อวี้หลานซีรู้สึกเศร้าเล็กน้อย แต่เธอก็ยังคงยิ้มหวาน นั่งลงตรงหน้าเขา “เยี่ยคะ ฉันตุ๋นซุปทะเลมาให้ คุณกินตอนร้อนๆ นะคะ?”

อวี้หลานซีเปิดปิ่นโตเก็บความร้อน กลิ่นซุปทะเลลอยฟุ้ง หอมไปทั่วทั้งห้องทำงาน กว่าเธอจะตุ๋นซุปทะเลนี้ออกมาได้ เธอใช้เวลาทั้งบ่าย ตั้งแต่เหลิ่งรั่วปิงไปจากเขา หนานกงเยี่ยดูอิดโรย เห็นเขาเป็นแบบนี้เธอก็รู้สึกปวดใจ แต่เธอไม่เคยเสียใจที่เป็นคนบีบให้เหลิ่งรั่วปิงไปจากเขา เธอเชื่อว่าเวลาสามารถรักษาความเจ็บปวดได้ ขอแค่เธอทำดีกับเขา สักวันหนึ่งหนานกงเยี่ยต้องหวั่นไหวแน่

หนานกงเยี่ยไม่แม้แต่จะเงยหน้า พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ผมไม่อยากกิน คุณเอากลับไปกินเองเถอะ”

“เยี่ย ฉันตุ๋นนานมากเลยนะคะกว่าจะเสร็จ คุณกินสักหน่อยเถอะค่ะ”

หนานกงเยี่ยไม่ชอบพูดซ้ำเป็นรอบที่สอง เขาจึงเลือกที่จะเงียบ

อวี้หลานซีมองหนานกงเยี่ย เธอมองเขาอยู่นาน แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆ จากเขา แม้แต่เงยหน้าขึ้นมามองก็ไม่มี เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกน้อยใจ ก่อนที่เหลิ่งรั่วปิงจะเข้ามาในชีวิต แม้ว่าเขาจะไม่ได้รักเธอ ไม่เคยมองเธอเป็นคนรัก แต่เขาอ่อนโยนกับเธอมาโดยตลอด ดูแลเธอเป็นอย่างดี แต่ตอนนี้ เขากลับเหลือแค่ความเย็นชา การที่เขายอมพูดคุยกับเธอ ก็เป็นแค่หน้าที่เท่านั้น

เธอทำอะไรผิดกันแน่ เธอแค่อยากจะขอโอกาสในการรักเขา แบบนี้ก็ผิดหรือ

น้ำตาแห่งเห็นความน้อยใจ ก่อตัวขึ้น ไหลลงทีละหยดๆ หยดน้ำใสหยดลงบนโต๊ะ ในห้องทำงานที่เงียบเหงา เสียงนั้น ดังก้องเป็นพิเศษ น้ำตาทุกหยดที่รินไหล เหมือนหยดน้ำที่ไหลผ่านก้อนหิน ร่วงหล่นลงหยดแล้วหยดเล่า

หนานกงเยี่ยไม่ได้ยินเสียงหัวใจเต้นของตนเอง แต่กลับได้ยินเสียงน้ำตาของเธอ ถึงอย่างไรยังไงก็อยู่บ้านเดียวกันมานานกว่ายี่สิบปีแล้ว ความผูกพันระหว่างเขากับเธอมันแทรกซึมฝังรากเข้าไปในกระดูก หนานกงเยี่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย เงยหน้าขึ้น “หลานซี คุณต้องทำแบบนี้จริงๆ เหรอ”

ขนตาของอวี้หลานซีสั่นเทาเล็กน้อย น้ำตารินไหลลงมา “เยี่ยคะ ฉันแค่อยากทำดีกับคุณ แค่คุณคนเดียว”

เขาเกลียดน้ำตาของผู้หญิงที่สุด เรื่องนี้เธอรู้ แต่ว่าตอนนี้ นอกจากใช้น้ำตาในการเรียกคะแนนสงสารจากเขาแล้ว เธอจะทำอะไรได้อีก

หนานกงเยี่ยถอนหายใจ “หลานซี อย่าทำลายความอดทนสุดท้ายของผมเลยนะ” เขากดโทรเบอร์ภายในบริษัท “ก่วนอวี้ มาที่ห้องทำงานของฉัน ส่งหลานซีกลับบ้านที”

ผ่านไปครู่หนึ่ง ก่วนอวี้เปิดประตูเข้ามา สีหน้าของเขาลำบากใจเล็กน้อย “คุณอวี้หลานซีครับ กลับบ้านกันเถอะครับ”

ในเรื่องของความรัก คนเรามักจะดื้อดึง เหมือนอย่างที่หนานกงเยี่ยรู้สึกกับเหลิ่งรั่วปิง เหมือนอย่างที่อวี้หลานซีรู้สึกกับหนานกงเยี่ยและเหมือนกับที่เขารู้สึกกับอวี้หลานซี ต่อให้ถึงแม้หนานกงเยี่ยอวี้หลานซีไม่เคยเห็นเธอขาอยู่ในสายตา ไม่เคยสนใจแคร์ความใส่ใจที่เธอเขามีต่อเขาธอ แต่เขาก็ไม่อาจใจแข็งทิ้งเธอได้สามารถตัดใจจากเธอได้ พอมองดูเธอตามตอแยหนานกงเยี่ยไม่หยุดแบบนี้ ทำให้ตนเองต้องเสียใจ เขาก็รู้สึกปวดใจมาก แต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถทำอะไรเพื่อช่วยเธอไม่ได้จริงๆ

อวี้หลานซีก้มหน้าลง เธอเงียบอยู่พักใหญ่ เช็ดน้ำตาบนใบหน้า เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มอีกครั้ง “ค่ะ ฉันไม่อยู่ให้รกสายตาคุณแล้ว แต่คุณกินซุปนี้ด้วยนะคะ”

ซุปนี้ คือความตั้งใจของเธอ เขาอิดโรยเกินไปแล้ว ต้องบำรุงให้มาก

เพื่อที่จะให้อวี้หลานซีรีบออกไป หนานกงเยี่ยขมวดคิ้วเป็นปมแล้วดื่มซุปจนหมด “ผมกินแล้ว”

“ค่ะ ฉันขอตัวก่อน” อวี้หลานซียิ้มแล้วเก็บปิ่นโตเก็บความร้อน เดินตามก่วนอวี้ออกไป

หนานกงเยี่ยไม่ได้อยากอาหาร เมื่อครู่กี้เขาฝืนดื่มน้ำซุปนั้นลงไป ทำให้ตอนนี้ท้องไส้เขาปั่นป่วน หลังจากที่ประตูห้องทำงานปิดลงก็เหลือแค่เขาคนเดียวในห้อง หนานกงเยี่ยไม่สามารถทนไม่ได้แล้ว เขารีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำแล้วอ้วกออกมาจนหมด หลังจากอ้วกเสร็จ ใบหน้าของเขาซีดขาว หมดเรี่ยวแรง

สามเดือนที่ผ่านมานี้ กระเพาะของเขาทำงานผิดปกติไปหมดแล้ว

เขาล้างหน้าแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ชื่อที่โชว์บนหน้าจอคือชื่อของมู่เฉิงซี

หนานกงเยี่ยนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความอ่อนแรง “ว่าไง”

เสียงของหนานกงเยี่ยดูอ่อนแรงมาก มู่เฉิงซีรู้ว่าเขายังคงเจ็บปวดกับการจากไปของเหลิ่งรั่วปิง ไม่สนใจผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น “หนานกง แกต้องทรมานตัวเองถึงขั้นนี้ เพราะผู้หญิงคนเดียวจริงๆ เหรอว่ะ”

“ถ้าแกโทรมาเกลี้ยกล่อมฉัน ก็ไม่ต้องเปลืองแรงหรอก” หนานกงเยี่ยรู้ เขาไม่มีวันดีขึ้น นอกจากเหลิ่งรั่วปิงกลับมา ตั้งแต่เธอไปจากเขา หัวใจของเขาก็ว่างเปล่า เขาเองก็ไม่สามารถทำอะไรไม่ได้

มู่เฉิงซีถอนหายใจ “คืนนี้ไปไนท์คลับเฟิ่งหวงไถกัน ไป่หันอยากเจอแก”

ตั้งแต่เกิกืดเรื่องวันนั้นขึ้น หนานกงเยี่ยได้ตัดความสัมพันธ์กับอวี้ไป่หันแล้วจริงๆ เขาตัดขาดความเป็นเพื่อนกับอวี้ไป่หัน คุณชายทั้งสี่ของเมืองหลงหายไปคนหนึ่ง

หนานกงเยี่ยเม้มปาก “ถ้าแกไม่มีธุระอะไร ฉันวางสายแล้วนะ”

“หนานกง พวกเราเป็นเพื่อนกันมายี่สิบกว่าปี ถึงแม้ไป่หันมันจะผิดที่ไปหลอกแก แต่มันก็หวังดีกับแก ตอนนี้มันเอาแต่โทษตัวเองทุกวัน แกให้โอกาสมันในการไถ่โทษเถอะ”

หนานกงเยี่ยเงียบ เขาไม่ใช่คนที่เห็นผู้หญิงสำคัญกว่าเพื่อน ก่อนที่จะได้เจอกับเหลิ่งรั่วปิง สำหรับเขาเพื่อนสำคัญกว่าผู้หญิง แต่เหลิ่งรั่วปิงเป็นคนพิเศษของเขา ถ้างานเลี้ยงคืนนั้นผู้หญิงที่มาไม่ใช่อวี้หลานซี แต่เป็นผู้หญิงคนอื่น เขาคงสามารถอธิบายให้เหลิ่งรั่วปิงฟังได้ และเหลิ่งรั่วปิงก็คงไม่ขายหน้าขนาดนั้น พูดในอีกมุมมองหนึ่ง อวี้ไป่หันเป็นคนทำให้เหลิ่งรั่วปิงไปจากเขา

“หนานกง ฉันได้ข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับเหลิ่งรั่วปิง ถ้าแกอยากฟัง ก็มาที่ไนท์คลับเฟิ่งหวงไถ” พูดจบ มู่เฉิงซีตัดสายทันที เขารู้ ตอนนี้ไม่ว่าเรื่องไหนก็ไม่อาจไม่สามารถทำให้หนานกงเยี่ยสนใจได้ นอกจากเรื่องของเหลิ่งรั่วปิง