เล่อเหยาเหยาคือเด็กดีที่ขยันเรียนรู้คนหนึ่ง ไม่ว่าจะด้านการเรียนหรือการเต้น อาจเพราะตอนนี้กระทั่งจุมพิต ต่างตั้งใจและสนใจเช่นนี้
เห็นเพียงเธอยื่นลิ้นสีชมพูนั้นออกมาไม่หยุด เลียนแบบจุมพิตที่เหลิ่งจวิ้นอวี๋ทำกับเธอเมื่อครู่ ลิ้นนุ่มลื่นยื่นออกมาเลียริมฝีปากบางของเขา
เล่อเหยาเหยาจุมพิตอย่างตั้งใจ แม้จุมพิตของเธอจะยังติดขัด แต่จุมพิตที่ติดขัดนี้ ทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋ร้อนผ่าวทั้งตัว รู้สึกเพียงเลือดบนร่างกายต่างเดือดพล่านขึ้นมา
ในใจคล้ายภูเขาไฟที่ระเบิดออกมาเสียงดัง ‘ตูม’ ขึ้น ทำให้เขาอดทนไม่ไหวอีกต่อไป จึงยื่นแขนออกไปกดศีรษะเล็กของเล่อเหยาเหยาไว้ ก่อนจุมพิตกลับอย่างดูดดื่ม
จุมพิตนี้ ทั้งสองคนจุมพิตกันอย่างร้อนแรง ป่าเถื่อน มุ่งมั่น และตั้งใจ
คล้ายพายุฝน ตกลงบนทะเลทรายที่แห้งผาก
สองคนคล้ายคนกระหายน้ำอยู่กลางทะเลทราย กำลังตามหาน้ำสะอาด ก่อนดูดความหอมหวานของฝ่ายตรงข้ามโดยไม่สนใจสิ่งใด
กระทั่งผ่านไปนาน ราวกับหนึ่งศตวรรษ เล่อเหยาเหยาใกล้จะหายใจไม่ออก จึงรีบยื่นมือเล็กผลักหน้าอกของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ทว่าเหลิ่งจวิ้นอวี๋ยังตัดใจปล่อยคนในอ้อมกอดไปไม่ได้
หลังหอบหายใจ ดวงตาเย็นชาลึกล้ำร้อนแรง ดุจสัตว์ร้ายหิวโซตัวหนึ่ง กำลังจ้องมองเล่อเหยาเหยา
แต่เขากลับไม่กระโจนใส่ตัว ‘เขา’ทันที เพียงยื่นลิ้นชุ่มชื้นออกมาเลียความหวานที่ติดอยู่บนริมฝีปาก ก่อนเผยอริมฝีปากบางขึ้น เอ่ยปากว่า
“ต่อไป รู้ว่าควรทำเช่นไรแล้วหรือไม่”
“เอ่อ ไม่รู้ ต้องทำสิ่งใดอีกหรือ อืม”
สำหรับคำพูดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เล่อเหยาเหยาอดกระพริบตาคู่งามที่เมามายจนพร่าเลือนครู่หนึ่ง ก่อนส่ายศีรษะเอ่ยตามจริง
เธอกลับไม่รู้เลยว่า เวลานี้ตนกำลังก้าวเข้าไปในแผนการของหมาป่าตัวใหญ่ทีละนิด
เมื่อเห็นท่าทางมึนงงของเล่อเหยาเหยา แฝงความงดงามเจ็ดส่วน ไร้เดียงสาสามส่วน ช่างน่ารักยิ่งนัก
ทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋มองจนหัวใจเต้น ดุจมีบางสิ่งกำลังหยั่งรากงอกขึ้นมาในใจเขา
คนที่แสนน่ารักเช่นนี้ จะไม่ทำให้เขาใจเต้นได้อย่างไร!
ขณะคิดในใจ เหลิ่งจวิ้นอวี๋ค่อยๆ เผยอริมฝีปากขึ้น ก่อนน้ำเสียงแหบพร่านั้น จะออกมาจากปากเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ถัดไป เจ้าต้องถอดเสื้อผ้าของข้าออก”
“ถอดเสื้อผ้าหรือ”
เมื่อได้ยิน เล่อเหยาเหยากระพริบดวงตาคู่งามอย่างสับสนมึนงง พลันยิ้มออกมาและพลางพยักหน้าราวโขลกกระเทียม
“ถูกต้อง ต้องถอดเสื้อผ้า อืม เช่นนั้นข้าจะถอดเสื้อผ้าของท่าน”
เล่อเหยาเหยายิ้มอย่างอ่อนหวาน มืออ่อนนุ่มขาวดุจหิมะคู่นั้น ค่อยๆ วางลงบนหน้าอกราบเรียบแข็งแกร่งของเหลิ่งจวิ้นอวี๋
เมื่อสัมผัสหน้าอกแข็งแกร่งแต่ยืดหยุ่นนั้น แม้เล่อเหยาเหยาที่เมามายจนไม่รู้ว่าตนกำลังทำสิ่งใด อดอุทานขึ้นไม่ได้
“อา หน้าอกนี้ยืดหยุ่น แน่นแข็งยิ่งนัก อึม”
“ฮ่า ๆ ๆ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋อดหัวเราะเสียงเบาไม่ได้
เสียงหัวเราะนั้น ดุจเสียงสวดที่ทุ้มต่ำ ทว่ากลับน่าประทับใจและชวนหลงใหล
ริมฝีปากแดงที่เผยอ เหลิ่งจวิ้นอวี๋คล้ายหมาป่าตัวใหญ่ที่ลักพาตัวหนูน้อยหมวกแดงมา ก่อนน้ำเสียงมีเสน่ห์แหบพร่าจะเอ่ยถามขึ้น
“เจ้าชอบหรือไม่”
“อืม ข้าชอบ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เล่อเหยาเหยาแทบจะพลันเอ่ยตอบพลางพยักหน้าราวโขลกกระเทียมทันที
บนใบหน้าเล็กประณีตนั้น สองแก้มแดงก่ำ เผยท่าทีเมามาย ดูงดงามยิ่งขึ้น แต่ดวงตาสะลืมสะลือคู่นั้น กลับแฝงด้วยความกระจ่างใสและไร้เดียงสาหลายส่วน ทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋มองจนใจเต้นระรัว
จากนั้น เขาก็ยื่นมือใหญ่ลูบแก้มสีชมพูของเล่อเหยาเหยาอย่างอ้อยอิ่ง เมื่อรู้สึกความนุ่มในฝ่ามือ ทำให้เขาใจอ่อนยวบ ดวงตาเย็นชาที่มองเล่อเหยาเหยาพลันแฝงความอ่อนโยนโดยที่เขาเองไม่รู้ตัว
“หากเจ้าเป็นสตรีคงดี”
แม้เขาจะชื่นชอบคนตัวเล็กตรงหน้า โดยไม่สนใจว่า ‘เขา’คือบุรุษหรือสตรี แต่เขาเวลานี้กลับหวังให้‘เขา’เป็นสตรี เพราะถ้าเป็นเช่นนี้ ‘เขา’จึงจะสามารถคลอดลูกของพวกเขาได้
ลูกของพวกเขา
พอคิดถึงตรงนี้ ในใจเหลิ่งจวิ้นอวี๋ไม่เคยปรารถนามาก่อนเลย
แต่เล่อเหยาเหยาเวลานี้ เดิมทีได้ยินไม่ชัดถึงคำพูดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เพราะตอนนี้เธอกำลังจะถอดเสื้อผ้าของชายหนุ่มใต้ร่าง!
ร่างกายใต้ล่างที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่นเช่นนี้ คล้ายเตียงโดเรม่อนขนาดใหญ่ที่เธอเคยนอนก่อนหน้านี้
แต่ไม่รู้ว่าหลังถอดเสื้อผ้าของร่างนี้แล้ว จะเห็นภาพเช่นไรกันแน่ ผิวนั้นจะงดงามดังที่คาดหวังหรือไม่ รูปร่างนั้นจะสมบูรณ์แบบดุจที่คาดคิดไว้หรือไม่!
เล่อเหยาเหยาเวลานี้เมามาย และสมองมึนงง จึงเพียงเคลื่อนไหวตามใจ มิฉะนั้น เธอคงพบว่าเดิมทีเธอก็มีคุณสมบัติเป็นหญิงงาม
สองมือค่อยๆ สำรวจไปถึงเอวของชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยาคิดจะถอดสายคาดเอวที่ขัดตานั้นออก
แต่เธอวิงเวียนศีรษะ ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าจะถอดอย่างไร เมื่อถอดสายคาดเอวที่ขัดตานั้นออกไม่ได้ เธอจึงโมโหจนแทบระเบิดอารมณ์
ริมฝีปากสีแดงสดนั้นยื่นสูงขึ้น ความหงุดหงิดไม่พอใจ ปรากฎขึ้นมาบนใบหน้าเล็กที่ประณีตนั้นจนหมดสิ้น
ทว่าขณะที่เล่อเหยาเหยาหงุดหงิด เหลิ่งจวิ้นอวี๋ก็ทรมานเช่นกัน
เพราะมีร่างกายอ่อนนุ่มหอมหวานในอ้อมกอด จะให้เขาใจเย็นได้เช่นไร!
อีกทั้ง เล่อเหยาเหยาตอนนี้คล้ายกำลังทรมานเขา
เขารู้สึกเพียงท่อนล่างตึงแน่นจนใกล้ระเบิดออกมา แต่คนบนร่างกายของเขากลับยังถอดสายรัดเอวไม่ได้
เห็นเช่นนั้น เหลิ่งจวิ้นอวี๋อดขมวดคิ้วไม่ได้ พลันยื่นแขนออกไปโดยไม่คิด พริบตาเดียวเห็นสายรัดเอวของตนถูกถอดลงมาแล้ว
“เจ้าทำต่อได้แล้ว!”
เหลิ่งจวิ้นอวี๋เอ่ยปากเบาๆ น้ำเสียงทุ้มต่ำ แต่กลับแหบพร่า ข่มกลั้นและอดทนต่อไปไม่ไหวอย่างไม่ปิดบัง
เล่อเหยาเหยามองถึงความปรารถนาของชายหนุ่มไม่ออก เธอรู้เพียงสายรัดเอวที่ขัดตาตรงหน้าในที่สุดก็ถูกถอดลง เช่นนั้นเธอก็ทำต่อไปได้
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยายื่นมือไปอีกครั้ง ดึงทึ้งเสื้อผ้าบนร่างกายชายหนุ่ม
ระหว่างลงมือ เหลิ่งจวิ้นอวี๋ให้ความร่วมมือถึงที่สุด ดังนั้นผ่านไปสักครู่ เล่อเหยาเหยาก็ถอดเสื้อผ้าของชายหนุ่มใต้ล่างออกจนหมด สุดท้ายเหลือเพียงกางเกงในบางเบาเท่านั้น
กระพริบดวงตาคู่งามที่เมามายและสะลืมสะลือนั้น สายตาเล่อเหยาเหยาไม่เคยละจากร่างกายของชายหนุ่มเลย
สวรรค์
รูปร่างอันยอดเยี่ยม!
ไหล่กว้างเอวคอด สองแขนเต็มไปด้วยมัดกล้าม หน้าอกมีกล้ามเนื้อเด่นชัดลื่นไหล ดุจเสือซีต้าเตรียมพร้อมย่างก้าว ก่อนพลังจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เมื่อเห็นสัดส่วนอันสมบูรณ์แบบของร่างกายตรงหน้า เล่อเหยาเหยาจึงตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก ปากเล็กก็อ้ากว้างขึ้นเพราะตกตะลึง จนน้ำลายแทบไหลออกมา
“อา รูปร่างดียิ่งนัก!”
“ฮ่า ๆ ชอบหรือ!”
สำหรับคำชมของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋น้อมรับอย่างยิ่ง ริมฝีปากบางยกขึ้น ยิ้มอย่างภูมิใจ
เล่อเหยาเหยาได้ยินคำพูดนี้ของเขา พลันพยักหน้าดุจโขลกกระเทียม ก่อนเอ่ยตามจริง
“อืม รูปร่างดีเสียจริง ราวกับรูปร่างของนายแบบที่เห็นบนนิตยสาร!”
ทว่าเธอรู้สึกว่ารูปร่างตรงหน้า สมบูรณ์แบบน่ามองกว่าที่เห็นบนนิตยสาร
โดยเฉพาะเมื่อรูปบนนิตยสารจะเย็นชืด ส่วนร่างใต้ล่างนี้คือของจริง!
เมื่อลูบผิวหนังทั้งลื่นทั้งนุ่ม อีกทั้งยังยืดหยุ่น สัมผัสแล้วดียิ่งนัก!
เหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่นอนอยู่บนเตียง หลังได้ยินคำพูดนี้ของเล่อเหยาเหยา พลันยกท่อนบนขึ้นชั่วขณะ ดวงตาเย็นชาหรี่ลง แววตาเป็นประกายอันตรายขึ้น
“เจ้าเคยเห็นร่างเปลือยของชายอื่นหรือ!”
เหลิ่งจวิ้นอวี๋เผยอริมฝีปากบาง ก่อนเอ่ยขึ้นอย่างแหบพร่าเจ็ดส่วน โมโหสามส่วน
แม้เขาจะไม่รู้ว่า ‘นิตยสาร’และ ‘นายแบบ’ที่‘เขา’เอ่ยถึงคือสิ่งใด แต่จากความรู้สึก เขาก็รู้ว่าต้องเป็นนามของคนแน่
แม้ทุกคนจะเป็นบุรุษเช่นกัน ทว่าพอนึกถึงว่า ‘เขา’เห็นร่างเปลือยของชายอื่นมาก่อน อีกทั้งคล้ายจดจำไม่ลืมเลือน กระทั่งตอนนี้ยังนำรูปร่างของเขาเปรียบเทียบกับผู้อื่น จะไม่ให้เขาโมโหได้เช่นไร!
แต่เล่อเหยาเหยากลับไม่รับรู้ถึงความโมโหของเหลิ่งจวิ้นอวี๋เลย ยังคงพยักหน้าพลางเอ่ยตามจริงว่า
“ร่างเปลือยผู้ชายหรือ เคยเห็นสิ!”
ตั้งแต่มาถึงยุคสมัยนี้ เธอคล้ายเห็นร่างเปลือยของผู้ชายมากมาย!
ขณะเล่อเหยาเหยาคิดในใจ กลับไม่เห็นเลยว่าเหลิ่งจวิ้นอวี๋หลังได้ยินประโยคนี้ของเธอ ดวงตาเย็นชาหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนปรากฏประกายคุกคามขึ้นในแววตา