“ที่รักคะเป็นยังไงบ้าง? ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?”

หวังเจียเหยาสาวเท้าขึ้นมาถามไถ่

เย่เฉินตอบ “ตอนนี้ยังไม่โดนคุมตัว ผมกลับบ้านได้ แต่หลิ่วอวี่เจ๋อนิ้วหัก ผมต้องจ่ายค่ารักษาให้เขา ที่รักตอนนี้ผมไม่มีเงิน เกรงว่าต้องใช้เงินของที่บ้านคุณ”

หวังเจียเหยาสีหน้าไม่ใคร่สู้ดีนัก ความใฝ่ฝันของหล่อนก็คือได้ใช้เงินของสามีตนเอง แต่คิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะกลับกลายเป็นว่าสามีของหล่อนจะใช้เงินของตนเอง

ฉินหงเหยียนมองหวังเจียเหยาอย่างดูถูก

ตอนนี้คนตระกูลหวังถือว่าเป็นตระกูลที่ร่ำรวยลำดับต้นๆ ของอวิ๋นโจวแล้ว ถ้าไม่ได้เย่เฉิน พวกเขาจะกลายเป็ตระกูลร่ำรวยได้อย่างรวดเร็วแบบนี้เหรอ?

ฉินหงเหยียนสาวเท้าขึ้นไปด้านหน้าพลางกล่าว “ฉันจะช่วยคุณจ่ายค่าหมอเองค่ะ!”

หวังเจียเหยาดูไม่สบอารมณ์ทันที ซ่งหงเย่ออกหน้าแทนเพื่อนสาว “คุณฉิน คุณเป็นอะไรกับเย่เฉินเหรอคะ? คุณมีสิทธิ์อะไรมาช่วยเขาออกเงิน?”

ฉินหงเหยียนแค่นเสียง “ที่ฉันทำเนี่ยเพราะกลัวว่าจะมีคนเสียดายเงินตัวเองไม่ใช่หรือไง? ยังไงเสียหลิ่วอวี่เจ๋อก็ต้องเรียกร้องเงินก้อนใหญ่มากแน่”

หวังเจียเหยาโกรธจนหัวฟัดหัวเหวี่ยง “คุณไม่ต้องมายุ่งเรื่องของฉันกับสามี!”

เย่เฉินเองก็ไม่อยากจะใช้เงินของฉินหงเหยียน เขากล่าวอย่างซาบซึ้งใจว่า “หงเหยียนขอบคุณมากนะ ผมใช้เงินของคุณไม่ได้”

ฉินหงเหยียนกล่าว “เย่เฉิน พวกหลิ่วอวี่เจ๋อลงบันทึกประวันแล้ว พวกเขาต้องการจะแจ้งความว่าคุณีเจตนาทำร้ายร่างกาย พวกเขาจะอ้างว่าคุณฝึกวิชาการต่อสู้เพื่อมาเล่นงานคุณ”

“แต่คุณสบายใจได้ ฉันจ้างทนายความที่ดีที่สุดของอวิ๋นโจวให้แล้ว พรุ่งนี้เย็นเราไปกินเลี้ยงกับเพื่อนที่ทำงานในศาลด้วยดีไหม?”

ตลอดเวลาไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านไปนี้ หวังเจียเหยาทำได้แค่รอคอยอย่างโง่งม เพื่อดูว่าคุณปู่ของเย่เฉินจะยื่นมือเข้ามาช่วยหรือไม่ เพื่อจะดูว่าเขาโดนขับออกจากตระกูลแน่แล้วหรือเปล่า

โดยไม่ได้เป็นห่วงเป็นใยตัวของเย่เฉินเลย

ทว่าฉินหงเหยียนกลับโทรศัพท์หลายสาย เพื่อจ้างทนายความที่ดีที่สุดให้เขา

เทียบกันแล้วสิ่งที่ภรรยาอย่างหวังเจียเหยาทำลงไปนั้น หล่อนไม่คู่ควรกับการเป็นภรรยาของเขาแม้แต่น้อย

รูปลักษณ์ภายนอกของทั้งหวังเจียเหยาและฉินหงเหยียน ต่างก็จัดเป็นคนหน้าตาดีอย่างมาด ก่อนนี้ต่างก็เป็นรองประธานบริษัทหัวเซิ่งเหมือนๆ กัน

แต่หวังเจียเหยาเป็นคนชอบพึ่งพาผู้ชาย ชอบถูกประคบประหงมเอาใจเหมือนเจ้าหญิง

ทว่าฉินหงเหยียนกลับสามารถเผชิญหน้าได้โดยลำพัง เป็นผู้หญิงแข็งแกร่งที่กระทั่งผู้ชายยังต้องอาย

ก่อนนี้หวังเจียเหยามักจะรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าฉินหงเหยียน ดังนั้นจึงกล่าวอย่างไม่พอใจ

“ตระกูลหวังของเราก็รู้จักทนายความแล้วก็มีเพื่อนในศาล! คงไม่รบกวนคุณฉินหรอก! เย่เฉินพวกเราไปกันเถอะ!”

หวังเจียเหยาถลึงตาใส่ฉินหงเหยียนแล้วเดินหนีไป

เย่เฉินผงกศีรษะเพื่อขอบคุณฉินหงเหยียน แล้วเดินตามภรรยาไป

ละครฉากนี้เย่เฉินเป็นคนแสดงเองกำกับเอง โดยมีตัวละครหลักคือเย่เฉินและหวังเจียเหยา เขาไม่หวังให้ฉินหงเหยียนยื่นมือเข้ามายุ่ง

……

ในเวลาเดียวกัน ณ ห้องพักผู้ป่วย VIP ของโรงพยาบาลประจำเมืองอวิ๋นโจว

หลิ่วอวี่เจ๋อเอนตัวอยู่บนเตียงผู้ป่วย มือขวาโดนพันเอาไว้ มือซ้ายสูบบุหรี่ด้วยน้ำตา แววตาหดหู่และหัวเสีย

ในห้องพักฟื้นมีเขาเป็นผู้ป่วยแค่คนเดียว แต่นอกจากเขาแล้วยังมีพี่ชายของเขาด้วย

หลังจากที่หลิ่วอวี่เจ๋อเกิดเรื่องก็รีบโทรหาพี่ชาย เมื่อหลิ่วเฟิงรู้ว่าน้องชายล้มป่วย เขาก็รีบขับรถตรงมาอวิ๋นโจวทันที

“พี่ครับ อย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับคุณปู่แล้วก็พ่อแม่นะครับ”

หลิ่วอวี่เจ๋อสูบบุหรี่ขณะกล่าวกับหลิ่วเฟิง

หลิ่วเฟิงถอนหายใจเขารู้ว่าหลิ่วอวี่เจ๋อไม่อยากให้คุณปู่เสียใจ

หลิ่วอวี่เจ๋อเป็นคนหลงตัวเองมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ที่บ้านมักจะติดอันดับเศรษฐี แล้วเจ้าตัวก็เป็นคนมีคุณสมบัติดี ใบหน้าก็หล่อเหลา แถมยังเรียนเก่งด้วย

ไม่ว่าจะเป็นด้านความรัก การงานหรือการศึกษา เขาก็ไม่เคยต้องให้ที่บ้านเป็นกังวลหรือต้องให้ความช่วยเหลือมาก่อน ไม่ว่าเรื่องอะไรเขาก็สามารถจัดการได้ด้วยตนเอง

เมื่อตอนนี้มาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เขาก็รู้สึกผิดกับที่บ้านที่ทำให้พวกเขาต้องขายหน้า

หลิ่วเฟิงกล่าว “อวี่เจ๋อทำไมนายโง่แบบนี้ถึงได้ลงมือมีเรื่องวิวาทด้วยตนเองแบบนี้? พวกเรามีเงินทำไมไม่หานักเลงมาล่ะ?”

หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าวพลางทอดถอนใจ “ตอนนั้นผมให้ฟางเชาออกหน้าก่อน พบว่าไม่ว่าฟางเชาจะซ้อมเขายังไง เขาก็ไม่กล้าเอาคืนดังนั้นผมถึงได้กล้าเอาส้อมไปแทงเขา ใครจะไปรู้กับแม่ล่ะ พอผมพุ่งพรวดไป เขาก็สู้กลับทันที!”

หลิ่วอวี่เจ๋อเคยส่งคลิปเสียงที่หวังเจียเหยาและฟางเชาไปเปิดห้องด้วยกันให้เย่เฉิน ทว่าเย่เฉินไม่มีทางรู้ว่าหลิ่วอวี่เจ๋อเป็นคนส่งมา

ส่วนเรื่องที่พวกเขาสองคนแอบพบกันอย่างลับๆ หวังเจียเหยาไม่มีทางโง่งมจนไปแบไต๋ต่อหน้าเย่เฉินด้วยตัวเอง

นอกเสียจากว่าเย่เฉินจะสงสัยหวังเจียเยหาก่อนหน้านั้นนานแล้ว ลอบส่งคนไปสะกดรอยตามทุกวัน

แต่จากที่หวังเจียเหยาพูดเย่เฉินเชื่อใจหญิงสาวมาก เขาจะไม่ทำเรื่องแบบนี้ ถึงขนาดที่ว่ากระทั่งรหัสโทรศัพท์ของหล่อนเขายังไม่รู้เลย

หลิ่วเฟิงกล่าวด้วยโทสะ “สบายใจได้ พี่จ้างทนายความแล้ว ขอแค่ยืนยันได้ว่าเขาเป็นคนฝึกวิชาป้องกันตัว อย่างนั้นแล้ววการกระทำของเขาที่หักนิ้วนายก็จะสามารถกลายเป็นการลงมือทำร้ายโดยเจตนาหรืออาจจะพยายามฆ่าด้วยซ้ำ! พอถึงตอนนั้นก็จะส่งเขาเข้าคุกได้!”

หลิ่วอวี่เจ๋อเขวี้ยงบุหรี่ลงบนพื้นด้วยโทสะ “ผมไม่อยากให้เขาเข้าคุก! ไม่เจ็บไม่คันแถมยังมีกินมีดื่ม! ผมอยากให้เขาชดใช้ด้วยเลือด! เขาหักนิ้วผม ผมเองก็อยากจะตัดนิ้วเขา!”

บางครั้งคนมีเงินเองก็เกลียดชังความเมตตาของกฎหมาย พวกเขาอยากจะใช้อิทธิพลที่มีเพื่อให้ได้บรรลุความต้องการที่จะล้างแค้น

ก๊อกๆ

ในเวลานี้เองฟางเชาเคาะประตูอยู่สองที แล้วก็เดินกระโผกกระเผลกเข้ามา

เย่เฉินไม่ได้ลงมือทำร้ายฟางเชารุนแรงนัก ดังนั้นต่อให้ฟางเชาไม่ได้เป็นอะไรมากมาย แถมยังสามารถใช้อวัยวะได้ตามปกติ เพียงแต่ตอนเดินจะปวดเล็กน้อย

“พี่เฟิง”

ฟางเชาทักทายหลิ่วเฟิงอย่างร่าเริง

หลิ่วเฟิงตบเข้าที่หน้าของฟางเชาด้วยโทสะ

เพี้ยะ!

“พ่อแกเถอะ! ถ้าไม่ใช่เพราะแกมาหาพวกเราที่เทียนไห่ น้องชายฉันก็คงจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้”

พวกเขาสองคนพี่น้องรักใคร่กลมเกลียว แตกต่างไปจากพี่น้องที่ทะเลาะกันเรื่องเงินมรดก ซึ่งเรื่องนี้ต้องขอบคุณการสั่งสอนของคุณปู่ของพวกเขา

ฟางเชาโดนทำร้ายตนเองก็อดสูอย่างมาก แต่ตอนนี้เขาจำเป็นต้องอาศัยคนตระกูลหลิ่วล้างแค้นแทนเขา จึงทำได้เพียงสะกดกลั้นอารมณ์โกรธเอาไว้

ฟางเชาตบหน้าตนเองเข้าให้

“ครับ ผมมันสมควรตาย! โทษผมเลย! แต่ว่าเรื่องที่เย่เฉินหักนิ้วหลิ่วอวี่เจ๋อจะปล่อยให้จบลงแบบนี้ไม่ได้ ตอนนี้เขาเองก็กำลังล้มละลาย พวกคุณจะเอาเขาให้ตายก็ง่ายดายเหมือนบี้มดปลวก!”

หลิ่วเฟิงกลอกตาใส่ฟางเชาพลางกล่าว “อวี่เจ๋ออยากจะตัดนิ้วเขา”

ฟางเชากล่าวอย่างยินดี “เอาคืนคนทำด้วยสิ่งที่เขาทำเอง! ดี! ผมรู้จักพี่กวานักเลงของอวิ๋นโจว มีลูกน้องจำนวนไม่น้อยของเขาเป็นนักมวยใต้ดินของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลงมือรุนแรงดีอีกอย่างพอจัดารทำตามคำสั่งแล้ว รับเงินก็จะออกนอกประเทศไป ไม่ว่าใครก็หาไม่เจอ พี่เฟิงจะให้ผมนัดแนะให้พี่กับพี่กวาเจอกันไหมครับ?”

หลิ่วเฟิงครุ่นคิดไปเล็กน้อย เขาเองก็พอจะรู้จักเพื่อนนักเลงหัวไม้

ทว่าที่นี่ถือเป็นพื้นที่ของอวิ๋นโจวหรือจะให้คนในอวิ๋นโจวจัดการเองดี

“ก็ได้ นัดกินข้าวเย็นแล้วกัน” หลิ่วเฟิงุกล่าว

ห้าทุ่ม

จู่ๆ เย่เฉินก็ได้รับสายจากหลิวเจิ้งคุน

เบอร์โทรศัพท์ของหลิวเจิ้งคุนในมือถือเย่เฉิน ถูกแก้เป็นชื่อแปลกๆ แล้วแต่เย่เฉินยังจำได้ว่าเลขท้ายของเบอร์โทรศัพท์เขาคือ 4444

บังเอิญที่หวังเจียเหยาไปอาบน้ำตอนนี้พอดี เย่เฉินจึงกดรับสายทันที

“ว่ามา” เย่เฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

หลิวเจิ้งคุนกล่าวว่า “คุณชาย หลิ่วเฟิงมาที่อวิ๋นโจวแล้วครับมาหาซีกวา บอกว่าจะใช้เงินยี่สิบล้านซื้อนิ้วกลางกับนิ้วชี้ของคุณครับ!”