บทที่ 166 การต่อต้านที่ดื้อรั้น

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 166

การต่อต้านที่ดื้อรั้น

“ถ้าพวกท่านไม่เชื่อข้ามากขนาดนี้ มันก็คงไม่ใช่เรื่องดีที่ข้าจะอยู่กับพวกท่านต่อ”

ช่างช่านกล่าวจบ ก็ได้เช็ดน้ำตาแล้วเตรียมที่จะออกไป แต่หลินซีเหยียนก็ได้หยุดนางเอาไว้ก่อน

ช่างช่านก็ได้เงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปที่ดวงตาของ หลินซีเหยียน ซึ่งเป็นดวงตาที่เฉียบแหลมและรอบคอบ ในชั่วเวลานั้นเองช่างช่านรู้สึกราวกับว่านางถูกมองจนทะลุปรุโปร่ง

“ช่างช่าน นายท่านของเจ้ายังไม่ได้พูดอะไรเลย ทำไมเจ้าถึงได้ดูร้อนรนนักล่ะ” ที่มุมปากของหลินซีเหยียนนั้นยกขึ้นมาเล็กน้อย ซึ่งทำให้ใบหน้าที่งดงามและเยือกเย็นของนางดูอ่อนโยนลงมา

จงซู่เฟิงก็ได้ถอนหายใจ เขาจ้องไปที่ช่างช่านแล้วจากนั้นก็ได้ถอดเอาแหวนนิ้วโป้งที่เขาสวมมาตลอดหลายปี แล้วส่งให้กับช่างช่าน

“การติดตามรับใช้ข้าถึงที่นี่แม้จะไม่ใช่เรื่องดีนัก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ข้าผิดต่อเจ้าอีก แหวนนิ้วโป้งวงนี้ยังพอมีค่าอยู่ เจ้าเอาไปแล้วเอาไปหาร้านขายเถอะ จากนั้นก็เอาเงินนั้นแล้วหาใครสักคนอยู่ด้วยและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขนะ!”

เมื่อได้ยินคำพูดที่ตรงไปตรงมาของจงซู่เฟิงแล้ว หลินซีเหยียนก็ได้มีสีหน้ามืดดำขึ้นมาทันที องค์ชายจงนั้นเป็นคนดีขนาดนี้เลยเหรอ?

มองไปที่ช่างช่าน นางที่กำลังยื่นมือออกไปรับแหวนนิ้วโป้งนั้น หลินซีเหยียนก็ได้กระแอมขึ้นมาเพื่อแสดงให้เห็นว่าตัวนางยังอยู่

ช่างช่านที่ได้ยินก็ได้รีบชักมือของนางกลับแล้วเตรียมที่จะไป แต่หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่แหวนนิ้วโป้งวงนั้นแล้วตบปากของนาง “ไม่นึกเลยนะว่าท่านชายจงนั้นจะใจกว้างขนาดนี้ ที่มอบมรกตชั้นเลิศขนาดนี้ให้ง่ายๆเนี่ย”

จงซู่เฟิงก็ได้บิดริมฝีปากของเขา แล้วกล่าวตอบ หลินซีเหยียนอย่าง “แม่นางหลินช่างสายตาแหลมคมนัก แต่อยู่ที่นิ้วของเรามันก็ไม่มีค่าอะไร สู้ยกให้ไปจะดีกว่า”

หลินซีเหยียนก็ได้สูดลมหายใจแล้วกล่าว “พวกท่านไม่ได้โทษคนผิดหรอก”

เมื่อพูดออกมาเช่นนี้ ช่างช่านก็ได้หันไปมอง หลินซีเหยียนทันทีแล้วน้ำตาแห่งความเสียใจก็ได้พรั่งพรูออกมา “แม่นางหลินข้าก็ได้ยืนยันความบริสุทธิ์ของข้าไปแล้ว ทำไมท่านถึงยังได้ตามมาเอาเรื่องกับข้าอีก?”

สีหน้าเช่นนี้ทำให้จงซู่เฟิงและเหลยถิงที่เห็นเข้าก็รู้สึกไม่ค่อยดีขึ้นมา

จงซู่เฟิงก็ได้มองไปที่หลินซีเหยียนด้วยสีหน้าจริงจังแล้วจากนั้นก็ได้กล่าว “แม่นางหลินเรารู้ดีว่าท่านทำไปก็เพื่อความปลอดภัยของเราเอง แต่ข้าก็เชื่อในตัวช่างช่านด้วย”

ในเวลานี้เองหลินซีเหยียนก็ได้รู้สึกเหมือนกับว่านางเป็นแมวที่จับหนูได้ยังไงอย่างงั้น

“หากว่าเป็นเรื่องของยาแล้วขอเพียงแค่ได้กลิ่น ข้าก็รู้ส่วนผสมข้างในทั้งหมดแล้ว ซึ่งเรื่องนี้จี๋เฟิงสามารถยืนยันให้ได้”

โดยที่ไม่สนว่าใครจะคิดอย่างไร หลินซีเหยียนแค่อยากจะพูดในสิ่งที่นางคิดออกไปเท่านั้น แล้วนางก็พูดต่อ “และสิ่งที่ใส่ลงไปในยาชามนั้นไม่ใช่เมล็ดชุมเห็ดหรอก แต่เป็นดอกอวี่ลั่วต่างหาก”

จงซู่เฟิงก็ได้จ้องไปที่หลินซีเหยียนด้วยสีหน้าที่จริงจัง ในเมื่อแม่นางหลินพูดออกมา บางทีอาจจะมีความจริงอื่นที่แอบแฝงในเรื่องนี้ก็เป็นได้ เขาจึงได้ถามออกไป “ดอกอวี่ลั่วคืออะไร?”

“ดอกอวี่ลั่วเป็นยาพิษชนิดหนึ่ง มันจะไม่ออกฤทธิ์อะไรกับผู้หญิง แต่จะออกฤทธิ์ทำลายร่างกายของผู้ชาย ยิ่งผู้ป่วยเรื้อรังอย่างท่านด้วยแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึง”

“ถ้าเป็นเช่นนั้น ต่อให้มีพิษในยาถ้วนนั้น แต่ก็จะไม่ส่งผลกับช่างช่านที่ดื่มเข้าไปงั้นเหรอ?” เหลยถิงก็ได้กล่าวอย่างเข้าใจได้ขึ้นมา

หลินซีเหยียนก็ได้ทำสีหน้าราวกับอาจารย์ที่ยืนยันคำตอบของนักเรียน

“แม่นางหลินได้โปรดอย่าใส่ความข้า ข้าเป็นเพียงแค่สาวใช้เท่านั้น ข้าจะไปรู้เรื่องของดอกอวี้ลั่วได้อย่างไร อย่าว่าแต่สรรพคุณของมันเลย”

ช่างช่านก็ได้ร้องไห้ออกมาด้วยสีหน้าที่เศร้าโศก “องค์ชาย ท่านไม่เชื่อช่างช่านจริงๆเหรอ? ช่างช่านติดตามท่านและภักดีต่อท่านมาโดยตลอด ท่านจะฟังและเชื่อแม่นางหลินเพราะว่าท่านรักนางไม่ได้นะเจ้าคะ”

เมื่อได้ยินที่กล่าว ดวงตาของจงซู่เฟิงก็ได้เบิกกว้างขึ้นมา แต่พอเขามองไปที่หลินซีเหยียนแล้วก็เหมือนว่านางยังไม่รู้สึกตัว เขาจึงได้แอบโล่งอกในใจ ในใจของเขานั้นแม่นางหลินนั้นดีมากซึ่งไม่คู่ควรกับเขาเลยแม้แต่น้อย

“เขาเชื่อข้า แล้วมันกลายเป็นลำเอียงไปได้อย่างไร?” หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่ช่างช่านที่ยังไม่ยอมรับผิด ก็ได้ถามออกไปอย่างนึกสนุก “แล้วเจ้าล่ะไม่เชื่อในตัวองค์ชายของเจ้าว่ามีสายตาแยกแยะผิดถูกเลยอย่างนั้นเหรอ?”

“ปกติข้าน้อยก็เชื่อหรอก แต่ทุกสิ่งที่ท่านพูดมาล้วนเป็นเพียงคำพูดของท่านเองและที่ท่านบอกว่าเป็นพยานได้ก็เป็นคนของท่านเอง มันก็ย่อมแน่อยู่แล้วที่เขาจะเข้าข้างท่าน แล้วข้าล่ะ หัวเดียวกระเทียมลีบจะไปสู้ท่านได้อย่างไร?”

“สาวใช้คนนี้มีวาทศิลป์ไม่เลวจริงๆ”

เมื่อได้ยินที่อีกฝ่ายนั้นโต้เถียงกลับมา ดวงตาของ หลินซีเหยียนก็ปรากฏแววตาชื่นชมออกมา แต่ธรรมะสูงหนึ่งคืบ มารร้ายสูงหนึ่งศอก “เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ข้าได้ส่งคนไปหาสิ่งที่เรียกว่าหลักฐานมาแล้ว”

เรื่องประสิทธิภาพการทำงานของจี๋เฟิงนั้นเชื่อถือได้เสมอสำหรับนาง เมื่อเห็นว่าใกล้ได้เวลาแล้ว ก็พบว่ามีคนเดินเข้ามาจากข้างนอก แต่ทว่าไม่ใช่จี๋เฟิงแต่กลับเป็นเจียงหวายเย่แทน

หลินซีเหยียนก็คิ้วขมวด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากออกไปเนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบัน

“เหยียนเอ๋อ นี่คือสิ่งที่ข้าพบในห้องของสาวใช้คนนี้” เจียงหวายเย่เดินไปที่ด้านหลังของหลินซีเหยียนแล้วส่งขวดยาให้ในมือหลินซีเหยียน

หลินซีเหยียนก็ได้รับมาแล้วจากนั้นก็เทผงยาสีแดงออกมา “นี่คือผงยาดอกอวี่ลั่ว ถ้าท่านไม่เชื่อ จะลองเอามันไปให้หมอคนอื่นดูก็ได้”

แม่นางหลินพูดเช่นนั้น จะเป็นของปลอมได้อย่างไร

ดวงตาของช่างช่านก็ปรากฏซึ่งความประหลาดใจออกมา ของข้างในขวดนั้นนางได้ใช้ไปหมดแล้ว และขวดนั้นนางก็จัดการทิ้งกับมือของนางด้วย จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนพบมันจากในห้องของนาง

นางก็ได้หันมองหลินซีเหยียน แล้วเมื่อนางพบว่าขวดนั้นไม่ใช่ของนาง นางก็ได้รีบเข้าไปหาหลินซีเหยียนแล้วกล่าว “ทำไมท่านถึงต้องปรักปรำข้าด้วย? ขวดนี้ไม่ใช่ของข้าเสียหน่อย ของข้าน่ะทิ้งไปตั้งนานแล้ว”

“อ้อ งั้นเหรอ?”

หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่หญิงสาวที่ถูกรั้งตัวโดย เจียงหวายเย่ด้วยรอยยิ้มที่ประสบความสำเร็จ

เมื่อช่างช่านรู้สึกตัวว่าหลุดปากพูดออกไป นางก็ได้รีบเอามือปิดปากของนาง แต่คำพูดนั้นได้หลุดออกจากปากไปแล้ว ทั้งสิ่งที่ควรได้ยินและไม่ควรได้ยิน ผู้คนก็ได้ยินกันหมดเรียบร้อยแล้ว

เมื่อพบว่าไม่มีโอกาสที่จะแก้ตัวได้อีกแล้ว นางก็ได้ทรุดลงไปกับพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรงทันที

“ทำไมเจ้าถึงต้องทำร้ายข้าด้วย? ข้ายังทำดีกับเจ้าไม่พออีกเหรอ?” สีหน้าของจงซู่เฟิงก็ได้ซีดเผือดอย่างมาก เขามองไปที่หญิงสาวที่อยู่กับเขาทั้งกลางวันและกลางคืน แล้วถามอย่างเสียใจ “ทำไม?”

“ทำไมน่ะเหรอ?” ช่างช่านก็ได้มองไปที่จงซู่เฟิงแล้วพูดอย่างเย็นชา “องค์ชาย ท่านดีกับข้ามากนัก ถึงแม้ว่าข้าน้อยจะถูกกลั่นแกล้ง แต่ท่านก็คอยปกป้องข้าอยู่เสมอ”

“ถ้าเช่นนั้นทำไมเจ้าถึง….”

“แต่มันไม่พอหรอกเจ้าค่ะ ข้าไม่อยากที่จะถูกรุมล้อมโดยคนอื่น ข้าไม่อยากที่จะต้องตกอยู่ในความกลัวทุกวัน ข้าอยากที่จะกลับรัฐจง ข้าคิดถึงบ้าน แล้วองค์ชายสองก็ได้ให้สัญญากับข้าว่า หากว่าท่านตายในรัฐเจียงเมื่อไร ข้าจะได้กลับบ้านและ องค์ชายสองก็จะมอบเงินจำนวนหนึ่งให้กับข้า เพื่อที่ข้าจะได้ไม่ต้องเป็นข้ารับใช้ใครอีกเจ้าค่ะ”

ช่างช่านก็ได้ร้องไห้ออกมาอย่างเสียใจมาก ในเวลานี้นางไม่เพียงแต่จะล้มเหลว แต่ยังถูกจับได้อีกต่างหาก นางคงไม่ได้กลับบ้านและต้องตายอยู่ที่นี่เสียแล้ว

เมื่อหลินซีเหยียนได้ยินก็ได้ส่ายหัวออกมา “องค์ชายสองของรัฐจงนั้นขึ้นชื่อว่าเผด็จการมาก ต่อให้เจ้าทำสำเร็จจริงๆ เขาก็ไม่ปล่อยนางให้มีชีวิตรอดหรอก เพราะในสายตาของเขาแล้ว คนที่ตายนั้นจะเก็บความลับได้ดีกว่าคนเป็น เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องกังวลภายหลัง”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ช่างช่านก็ได้คร่ำครวญออกมาแล้วมองไปที่จงซู่เฟิง “ข้าน้อยขออภัยเจ้าค่ะ ข้าน้อยผิดไปแล้ว ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วยเถอะนะ องค์ชาย!”

หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่จงซู่เฟิงอย่างเงียบๆ เจ้านายของช่างช่านนั้นไม่ใช่นาง นางจึงไม่สามารถตัดสินใจอะไรแทนจงซู่เฟิงได้

จงซู่เฟิงก็ได้นิ่งเงียบไปพักใหญ่ๆ แล้วจากนั้นก็ได้เงยหน้าขึ้นมามอง