บทที่ 116 สวนสนุกของบริษัท

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

“ส่วนเธอเสี่ยวห่าว การแข่งครั้งนี้เธอทำได้ดีแล้วเช่นกัน แต่เธอยังมีปัญหาในเรื่องการเข้ากับเพื่อนร่วมชั้นซึ่งเธอยังต้องปรับปรุง และเธอไม่ได้รับอนุญาตให้ตีสัตว์เลี้ยงแบบนี้!”

สวีรุ่ยรู้สึกเหนื่อยใจกับนิสัยของเด็กคนนี้ ซึ่งดูเหมือนว่าทางบ้านของเด็กคนนี้อบรมบุตรหลานของตัวเองไม่ดีเลย ดังนั้นเธอจึงต้องค่อย ๆ เกลี้ยกล่อมให้เด็กคนนี้ดีขึ้นอย่างใจเย็น

หลังจากมอบรางวัลเสร็จ ครูใหญ่ก็ประกาศจบการแข่งขันอย่างเป็นทางการ ซึ่งในช่วงบ่าย หลี่หรงและอวี้ฮ่าวหรานก็กลับไปที่บริษัทของพวกเขาเอง

หลังยุ่งจนถึงเย็น สมาชิกในครอบครัวทั้งสามก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง

“พี่เขย เมื่อเช้าฉันเห็นว่าสายตาของครูสวีที่มองพี่มันดูไม่ปกติสักเท่าไหร่นะ?”

หลี่หรงยังจำสายตาที่สวีรุ่ยใช้มองอวี้ฮ่าวหรานในตอนเช้าได้อย่างไม่ลืม เธอรู้สึกว่ามันเป็นสายตาที่ไม่ต่างอะไรกับของเธอสักเท่าไหร่เลย!

“ผิดปกติงั้นเหรอ?”

อวี้ฮ่าวหรานถามกลับด้วยสีหน้างุนงง ในตอนนั้นเขาสนใจแค่ถวนถวนเท่านั้น ไม่ได้ใส่ใจเลยว่าใครจะมองเขาด้วยสายตาแบบไหน

“โธ่… นี่พี่ไม่เห็นเลยเหรอว่าแววตาของครูสวีมันหวานเยิ้มขนาดไหนตอนที่มองพี่! พี่รู้ตัวรึเปล่าว่าครูสวีกำลังแอบชอบพี่อยู่!”

หลี่หรงอดไม่ได้ที่จะหยิกเอวของฝั่งตรงข้ามด้วยความหงุดหงิด เธอไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายไม่ได้สังเกตเห็นสายตาที่ชัดเจนแบบนั้น

“แล้วสายตาของเธอล่ะ? พี่เองก็สังเกตเห็นเหมือนกันว่าสายตาของเธอก็ไม่ได้ปกติเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”

เมื่อถูกหยิกที่เอว อวี้ฮ่าวหรานพลันคว้าข้อมืออันเรียบเนียนของหลี่หรงขึ้นมาด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“หืม? สายตาของฉัน…ฉัน…”

เมื่อถูกหยอกล้อและข้อมือของตัวเองถูกคว้าไว้ อารมณ์ของ หลี่หรงก็ปั่นป่วนจนเธอไม่รู้จะตอบกลับยังไงไปพักใหญ่

“ใช่! ถ้าพี่สาวของฉันไม่กลับมา ฉันจะ… ฉันจะ… มองพี่แบบนี้ทุกวันเลยคอยดู!”

จากในตอนแรกที่เป็นฝ่ายหยอกล้อฝั่งตรงข้าม เมื่อได้ยินคำตอบแบบนี้ หัวใจของอวี้ฮ่าวหรานกลับกลายเป็นเต้นแรงซะเอง ไหงน้องภรรยาของเขาถึงได้พูดอะไรแบบนี้ออกมาล่ะเนี่ย?

“ก็พี่…ก็พี่…พูดเองว่าจะดูแลฉันตลอดไป…ฉะนั้นในอนาคต…ในอนาคตหากพี่สาวไม่กลับมา…”

หลี่หรงจำภาพเหตุการณ์วันนั้นตอนที่อวี้ฮ่าวหรานบอกว่าจะดูแลเธอตลอดชีวิตที่เหลือของเธอได้ไม่มีวันลืม

ตอนนี้พี่สาวของเธอก็หายตัวไปนานแล้ว ส่วนพ่อของเธอก็เห็นด้วย…

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ แก้มของหลี่หรงก็แดงขึ้นเรื่อย ๆ จนลามไปถึงคอของเธอ

“ไม่เอาด้วยแล้ว! ฉันเข้าห้องก่อนล่ะ พี่เองก็รีบไปนอนเถอะ!”

หลี่หรงเริ่มรู้สึกทนไม่ไหวกับอารมณ์ที่ปั่นป่วนของตัวเองในตอนนี้ ดังนั้นเธอจึงตัดปัญหาโดยการรีบหนีเข้าห้องไป เธอรู้สึกผิดต่อพี่สาวของเธอที่รู้สึกแบบนี้กับพี่เขยของเธอเอง แต่ยิ่งเวลาผ่านไปเธอก็ยิ่งห้ามใจตัวเองยากขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าควรจะจัดการกับความรู้สึกของตัวเองยังไงดี…

วันถัดไป

ในตอนเช้า หลี่หรงแต่งหน้าบาง ๆ และกำลังจะออกไปข้างนอก

ส่วนทางด้านของอวี้ฮ่าวหราน เขาก็พาถวนถวนออกไปเรียบร้อยแล้ว

วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ดังนั้นเป้าหมายในวันนี้จึงไม่ใช่การพาถวนถวนไปโรงเรียน

“ถวนถวน วันนี้อยากไปเล่นสนุกที่บริษัทของพ่อไหม?”

“ไป! หนูชอบสวนสนุกของพ่อที่สุดเล้ย!”

เมื่อเด็กน้อยได้ยินว่าพ่อของเธอจะพาไปเล่นสนุกที่บริษัทอีกครั้ง เธอก็ตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าเบิกบาน การได้เล่นเครื่องเล่นในบริษัทของพ่อเธอมันสนุกไม่ต่างอะไรกับตอนที่เธอไปสวนสนุกเลย

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ภายในบริษัท

อวี้ฮ่าวหรานเดินเข้าไปในบริษัทอย่างไม่เร่งร้อนโดยอุ้มถวนถวนเข้าไปด้วย

ขณะนี้เป็นเวลาทำงานตามปกติ ซึ่งพนักงานทุกคนก็เริ่มทำงานกันแล้ว แต่แน่นอนว่าในฐานะที่เขาเป็นประธานบริษัทเขาจึงไม่ต้องสนใจว่าตอนนี้มันเป็นเวลาไหนในการเริ่มงานของเขาเอง

เขาไม่มาบริษัทก็ได้หากเขาต้องการ

“อรุณสวัสดิครับท่านประธานอวี้!”

ไม่นานหลังจากอวี้ฮ่าวหรานเดินเข้ามาในบริษัท ผู้จัดการหวังก็รีบเดินเข้ามาทักทาย

“ตอนนี้ยังไม่ต้องรายงานอะไรกับผม เดี๋ยวผมขอพาลูกสาวไปที่สวนสนุกของบริษัทเราก่อน”

“ครับท่านประธาน!” ผู้จัดการหวังพยักหน้าจากนั้นก็เดินตามหลังอวี้ฮ่าวหรานไปไม่ห่าง

แต่ระหว่างทางที่เดินไปจู่ ๆ อวี้ฮ่าวหรานก็ถามขึ้น “จริงสิผู้จัดการหวัง ตอนนี้ห้องเครื่องเล่นเด็กของเราเป็นยังไงบ้าง? พนักงานของเราพาลูกหลานเข้าไปเล่นเยอะไหม?”

“หลังจากที่เราได้ทำการปรับปรุงจนเสร็จเรียบร้อย ห้องสันทนาการก็ได้ขยายเป็นสวนสนุกในร่มอย่างสมบูรณ์ พนักงานและผู้บริหารระดับสูงหลายคนต่างพาลูกหลานเข้าไปเล่นกันอย่างไม่ขาดสาย”

ผู้จัดการหวังตอบกลับด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข เพราะเขาเองก็พาลูกมาเล่นเหมือนกัน คำสั่งนี้ของอวี้ฮ่าวหรานทำให้บอร์ดบริหารหลายคนต่างพากันชื่นชมเป็นการส่วนตัวอย่างใจจริง

เมื่อไปถึงทางเข้าสวนสนุกในร่ม อวี้ฮ่าวหรานสามารถมองเห็นได้ว่าตอนนี้ด้านในมีเด็กจำนวนมากกำลังเล่นอยู่อย่างสนุกสนาน ส่วนใหญ่อายุประมาณเจ็ดหรือแปดขวบ หลายคนกำลังคลานไปมาในปราสาทเด้งดึ๋งพร้อมกับหัวเราะร่า

“พ่อจ๋า คนเยอะแยะเต็มไปหมดเลย! หนูอยากเล่นเข้าไปเล่นบ้าง ๆ!”

เมื่อเห็นเด็ก ๆ รุ่นราวคราวเดียวกันมากมาย สีหน้าของถวนถวนก็ยิ่งเบิกบานมากกว่าเดิม

เมื่อเห็นแบบนี้ อวี้ฮ่าวหรานเองก็รู้สึกดีเช่นกัน เขาพยักหน้าอนุญาตให้ลูกสาวของเขาเดินเข้าไปด้านในได้เลย

ในทันทีที่ถวนถวนเดินเข้าไปด้านใน เด็กผู้หญิงที่ดูมีอายุมากกว่าสองสามคนก็วิ่งเข้ามาทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“น้องสาวน่ารักจังเลย! น้องชื่ออะไรจ๊ะ? ไปกันเดี๋ยวพี่สาวจะพาไปเล่นสไลเดอร์ใหญ่ ๆ ตรงนั้น ไม่ต้องไปเล่นกับเด็กผู้ชายซน ๆ แถวนี้หรอก”

“ใช่ ๆ สไลเดอร์อันนั้นสนุกมากเลย!”

เด็กผู้หญิงหลายคนเอ่ยทักทายด้วยสีหน้าเป็นมิตรอย่างมาก

“หนูชื่อถวนถวน!”

ถวนถวนพยักหน้าอย่างตื่นเต้น การที่มีคนเล่นด้วยเยอะ ๆ แบบนี้มันเป็นสิ่งที่ทำให้เธอมีความสุขมาก ๆ

ที่ด้านนอกห้อง เมื่อเห็นลูกสาวของตัวเองมีความสุขมาก อวี้ฮ่าวหรานก็เผยรอยยิ้มกว้างอย่างไม่รู้ตัว

แต่แล้วในทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น

“ฮัลโหลน้องอวี้!”

คนที่โทรเข้ามาคือหลินป๋อ

“น้องอวี้สินค้าของนายดีมากจริง ๆ! มันคุณภาพดีมาก! แค่ฉันเอาไปวางขายได้ไม่นานยอดซื้อก็ถล่มทลายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน! ลูกค้าทั้งหมดต่างชมกันเป็นเสียงเดียวว่าสินค้าของนายทำให้ประสิทธิภาพเครื่องจักรของพวกเขาเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม!”

“แน่นอน คุณภาพสินค้าของผมเหนือกว่าสินค้าทั่วไปที่วางกันในตลาดอยู่แล้ว”

“ฮ่าฮ่า น้องอวี้นี่ช่างเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงดีจริง ๆ ฉันชอบ! น่าเสียดายจริง ๆ ที่ฉันไม่รู้จักน้องอวี้ให้เร็วกว่านี้ เอาเป็นว่าเดี๋ยวหลังจากนี้ฉันจะส่งสัญญาซื้อสินค้าฉบับใหม่ไปให้ ซึ่งรอบนี้ฉันจะสั่งแต่สินค้าของนายเพียงเจ้าเดียว นับจากนี้พวกเราจะรวยไปด้วยกัน ฮ่าฮ่า!”

หลินป๋อที่อยู่อีกด้านของโทรศัพท์หัวเราะอย่างมีความสุขมาก เห็นได้ชัดว่าสินค้าของอวี้ฮ่าวหรานทำให้เขาทำเงินได้มากมาย

“ฉันจะส่งสัญญาฉบับใหม่ให้เร็ว ๆ นี้ เมื่อถึงเวลานายก็รีบอ่านมันหน่อยก็แล้วกันไม่งั้นถ้าช้ามากไปการขายมันจะสะดุด เอาล่ะฉันขอวางสายก่อนก็แล้วกัน เอาไว้พวกเราค่อยคุยกันใหม่อีกที!”

“อืม เอาไว้พวกเราค่อยคุยกัน”

หลังจากอวี้ฮ่าวหรานพูดจบสายโทรศัพท์ก็ตัดไป

หลังจากวางสายไป อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกมีความสุขมากกว่าเดิมเพราะบริษัทเจิ้งไห่เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงในเมืองฮ่วยอัน การได้ร่วมมือทำการค้ากันแบบนี้มันจะยิ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและความแข็งแกร่งให้กับเครือฮ่าวหราน อย่างเห็นได้ชัด

จากนั้นเมื่อเขารวยมากขึ้น เขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอีกว่าเขาจะไม่มีเงินซื้อพวกของโบราณในงานประมูล

เขาเชื่อว่านับจากนี้พวกของโบราณที่มีพลังวิญญาณสถิตจะต้องแพงขึ้นเรื่อย ๆ ไปจนหลายสิบล้านหรือหลายร้อยล้านหยวน หากเขายังคงรับงานเป็นแค่บอดี้การ์ดให้กับเฉิงกัวอันเพียงอย่างเดียว เขาเกรงว่าเขาคงต้องใช้เวลาเก็บเงินเป็นปีกว่าจะซื้อได้สักชิ้นหนึ่ง

“ท่านประธานอวี้ ผมไม่แน่ใจว่าผมควรจะพูดออกไปดีไหม?”

ผู้จัดการหวังขมวดคิ้วแสดงสีหน้าลังเลในขณะที่มองดูเครื่องเล่นอันหรูหราภายในสวนสนุก

“พูดออกมาเลยไม่ต้องลังเล” อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้า

“ถ้างั้นผมขอพูดตรง ๆ เลยว่า ถึงแม้ผมจะชอบโครงการสวนสนุกนี้มาก ๆ แต่บริษัทของเราก็เพิ่งจะทำการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเสร็จ ทุกอย่างเพิ่งเริ่มต้นในเส้นทางที่ถูกต้องซึ่งผลกำไรยังคงเห็นไม่เด่นชัดนัก”

ในระหว่างที่พูด ผู้จัดการหวังก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหมดหนทาง เจ้านายของเขาเก่งทุกอย่าง แต่เขาตามอำเภอใจเกินไป

“ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากท่านประธานลงทุนกับโครงการสวนสนุกมากเกินไป ผมเกรงว่า… ผมเกรงว่าบอร์ดบริหารบางคนอาจนำเรื่องนี้มาโจมตีท่านได้…”

ต้องรู้ว่าพวกเขาเป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องจักร!

แต่ถ้าตอนนี้คนนอกเข้ามาเห็นความเปลี่ยนแปลงในบริษัท พวกเขาคงเข้าใจไปว่าเครือฮ่าวหรานคงกำลังเปลี่ยนไปเปิดสวนสนุกในร่มมากกว่า…