บทที่ 130 รายชื่อของสี่สุดยอดสาวงามแห่งพรรควรยุทธโบราณ

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

การประลองระหว่างพรรควรยุทธโบราณ มีมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันไม่เคยหยุด ต่อให้มาถึงปัจจุบันนี้ ทุกหลายปีจะมีการประลองครั้งหนึ่ง ซึ่งมีสาเหตุอยู่สองประการ ประการแรก เพื่อศึกษาแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน เพิ่มพูนประสบการณ์การต่อสู้จริง ยกระดับตนเองและเปิดหูเปิดตาให้มากขึ้น ประการที่สอง เพื่อพัฒนาความสามารถของสำนักตนเอง เพื่อความรุ่งโรจน์ของสำนักตนเอง ให้สำนักอื่นในพรรควรยุทธโบราณรู้ว่า เคล็ดวิชาของสำนักของตนแข็งแกร่งมาก อย่าได้มาหาเรื่องโดยเด็ดขาด

ในสาเหตุสองประการนี้ สาเหตุที่สองมีความสำคัญมากกว่า โดยเฉพาะสำนักทั้งหลายที่ชอบต่อสู้ หรือคนที่ฝึกฝนเคล็ดวิชาของพรรควรยุทธโบราณแล้วคิดว่าความสามารถของตนแข็งแกรง อยากจะวางท่าเป็นหนึ่งในใต้หล้า ดังนั้นการประลองของพรรควรยุทธโบราณทุกครั้งมักมีการบาดเจ็บล้มตาย นี่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

อีกทั้งในหมู่พรรควรยุทธโบราณ สำนักที่มีบุญคุณความแค้นต่อกันมีมากมาย ก็เหมือนกับความสัมพันธ์ของระหว่างประเทศต่างๆ บางสำนักมักจะคิดว่าสำนักของตนแข็งแกร่งมาก สามารถกดสำนักอื่นๆ เอาไว้ได้ ย่อมกลับมายั่วยุ สองสำนักจึงเกิดการนองเลือด ทำให้บุญคุณความแค้นยิ่งสะสมยิ่งลึกล้ำ จนถึงขั้นที่ไม่สามารถแก้ไขได้ สรุปคือ ระหว่าสำนักต่างๆ ในพรรควรยุทธโบราณก็มีความซับซ้อนมาก

เหตุผลนี้เรียบง่ายมาก ในหมู่ศิษย์พรรควรยุทธโบราณส่วนใหญ่ล้วนฝึกฝนเคล็ดวิชาของสำนักตัวเอง ในหมู่นั้นมีคนส่วนหนึ่งที่โหดเหี้ยมทำตามอำเภอใจ คนคนหนึ่งหลังจากแข็งแกร่งแล้ว มักจะดูถูกคนอื่น กระทั่งยั่วยุคนอื่น ทำให้เกิดการพูดจาเสียดสีถามถางกันมากขึ้น มีบางสำนักในพรรควรยุทธโบราณที่มีความแค้นกันยาวนานถึงร้อยปี จนถึงปัจจุบันก็ยังคงวางอุบายใส่กันจนเกิดเรื่องนองเลือด

เซี่ยอวี่เหอเป็นหนึ่งในสี่สุดยอดสาวงามแห่งพรรควรยุทธโบราณ ในส่วนนี้เย่เทียนเฉินเองก็เคยได้ยินหยางอี้พูดมาแล้ว ทั้งยังมีผู้หญิงอีกคนหนึ่งชื่อตงฟางเมิ่ง ผู้หญิงคนนี้เป็นนักศึกษาใหม่ในชั้นปีที่หนึ่งของมหาวิทยาลัยหลงเถิง งดงามสมตำแหน่งดาวมหาวิทยาลัย ดูเหมือนจะมีน้อยคนที่รู้ว่า ตงฟางเมิ่งที่ดูภายนอกงดงามราวเซียนสวรรค์จะเป็นถึงยอดฝีมือพรรควรยุทธโบราณที่มีผฝีมือไม่ธรรมดา เหล่าพี่ชายทั้งหลายที่กล้าเข้ามาหยอกล้อ คงจะต้องลำบากแล้ว

ครั้งนี้ อาจารย์ของสำนักที่เซี่ยอวี่เหออยู่ ได้รับจดหมายเชิญที่อีกสำนักหนึ่งส่งมา โดยสรุปก็คือสี่สุดยอมสาวงามแห่งพรรควรยุทธโบราณจะต้องทำการประลองฝีมือจัดอันดับ แลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน แม้จะบอกว่าเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ แต่ความจริงคือมีบางสำนักต้องการท้าทาย ต้องการพิสูจน์ความแข็งแกร่งของสำนักของพวกเขาว่าเคล็ดวิชาร้ายกาจที่สุด อีกทั้งยังใช้โอกาสนี้ฆ่าศิษย์ของสำนักอื่น เพื่อลดอ่อนอำนาจให้อ่อนแอลง

จากการคาดเดาของอาจารย์ของเซี่ยอวี่เหอ คิดว่าเซี่ยอวี่เหอนั้นแม้จะเก่งกาจ เป็นยอดฝีมือแห่งพรรควรยุทธโบราณที่เป็นผู้มีพลังพิเศษ แม้ความสามารถส่วนตัวจะไม่ได้แข็งแกร่งมากขนาดนั้น แต่ก็สามารถผสมผสานเคล็ดวิชาของพรรควรยุทธโบราณเข้ากับเคล็ดวิชาพลังพิเศษได้ ความสามารถในการโจมตีเปลี่ยนแปลงทางอากาศแข็งแกร่ง แต่ในครั้งนี้ ศิษย์หญิงที่มาจากสำนักอื่นอีกสามสำนัก ก็ไม่ได้อ่อนหัด ในหมู่พวกเธอมีสองคนที่ความสามารถเหนือกว่าเซี่ยอวี่เหอโดยสิ้นเชิง เธอไม่มีโอกาสชนะ อาจารย์ของเซี่ยอวี่เหอกังวลเธอจะมีอันตรายถึงชีวิต จึงต้องการปฎิเสธจดหมายเชิญฉบับนั้นไป ไม่ให้เซี่ยอวี่เหอเข้าร่วม

กล่าวตามจริง การะประชันฝีมือระหว่างพรรควรยุทธโบราณมีมาตลอด ทั้งยังดูเหมือนว่าจะไม่มีสำนักไหนแสดงความขี้ขลาดในตอนที่อีกสำนักหนึ่งท้าทาย เพราะจะทำให้สำนักในเส้นทางเดียวกันหัวเราะเยาะเอาได้ แล้วจะยังสามารถยืนอยู่บนเส้นทางนี้ต่อไปได้อย่างไร? โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผ่านการเปลี่ยนแปลงมาหลายปีขนาดนี้ เวลาถึงห้าพันปี สำนักที่สามารถเป็นที่เลื่องลือมาจนถึงปัจจุบันได้ล้วนแข็งแกร่งมาก ใครมีใครอ่อนแอกว่ามากเท่าไหร่นัก

นี่เป็นสาเหตุว่าทำไม ในยุคสมัยปัจจุจบัน เมื่อมีศิษย์พรรควรยุทธโบราณที่โผล่ออกมาจากเขา จำเป็นต้องเป็นยอดฝีมือ

หลังจากที่เซี่ยอวี่เหอรู้เรื่องนี้ เธอก็รู้ว่าอาจารย์คิดเพื่อความปลอดภัยของตน แต่ในฐานะศิษย์จองพรรวรยุทธโบราณ หากไม่กล้าเข้าร่วมการประลอง ก็จะได้ชื่อว่าเป็นไอ้ขี้แพ้แห่งพรรควรยุทธโบราณ จะถูกคนอื่นดูถูก กระทั่งเกี่ยวพันไปถึงชื่อเสียงของอาจารย์ได้

ตั้งแต่เล็กจนโต เซี่ยอวี่เหอล้วนอยู่กับอาจารย์ ฝึกฝนเคล็ดวิชาของสำนัก จึงรู้ดีว่าชื่อเสียงสำคัญกับสำนักในพรรควรยุทธโบราณสำนักหนึ่งมากขนาดไหน เธอเองก็มีความเคารพและความรู้สึกรับผิดชอบ จะไม่ให้อาจารย์ต้องขายหน้าเด็ดขาด จะไม่ทำให้สำนักต้องได้รับความอับอายเด็ดขาด กังนั้นเธอจึงขโมยจดหมายเชิญฉบับนั้นและหนีมาเมืองหลวง การประลองระหว่างสี่สุดยอดสาวงามแห่งพรรควรยุทธโบราณในครั้งนี้ สถานที่ได้ถูกกำหนดให้จัดขึ้นที่เมืองหลวง ไม่ใช่สถานที่จำพวกป่าเขาอะไร

“ฉันรู้ ฉันรู้ว่าความเป็นความตายขึ้นอยู่กับลิขิตฟ้า แต่ว่านะศิษย์พี่ใหญ่ ฉันเป็นศิษย์คนหนึ่งขของสำนัก หากไม่ไปเข้าร่วมเพราะกลัวตาย จะต้องเกี่ยวพันไปถึงสำนัก ถูกสำนักอื่นเยาะเย้ยถากถาง ดังนั้นต่อให้ฉันต้องตาย ก็ให้สำนักได้รับความอัปยศเด็ดขาด!” เซี่ยอวี่เหอพูดพลางมองศิษย์พี่ใหญ่อย่างจริงจัง

เจี้ยงอันอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง จู่ๆ เขาก็พบว่าตนเองยังเด็ดเดี่ยวได้ไม่เท่าศิษย์น้องเล็ก เธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่งยังรู้จักสละชีวิตเพื่อสำนัก มาถึงเมืองหลวงโดยไม่เกรงกลัวความตาย ต่อให้มีข่าวลือว่าศิษย์อีกสองสำนักแข็งแกร่งเป็นประวัติการณ์ แข็งแกร่งจนถถึงขั้นไม่อาจจินตนาการได้ ศิษย์น้องเล็กก็ยังมาอย่างกล้าหาญโดยไม่หันหลังกลับ เพื่อความรุ่งเรืองของสำนัก เธอจะเข้าร่วมการประลองในครั้งนี้

“ศิษย์น้องเล็ก เธอต้องรู้ว่าครั้งนี้ยอกจากตงฟางเมิ่งที่แข็งแกร่งแล้ว เทียนซวงเอ๋อร์ก็ไม่อ่อนแอ ที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือชิงเฉิงเยว่ โดยเฉพาะชิงเฉิงเยว่ที่ลือกันว่าสามารถสามารถต่อสู้กับอาจารย์ของตัวเธอเองได้สิบกระบวนท่าโดยไม่เพรี้ยงพล้ำ ความสามารถในการต่อสู้นี้เกรงว่าในพรรควรยุทธโบราณเองก็หาออกมาได้ไม่กี่คน หากศิษย์น้องต้องเจอกับเธอ คงจะตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!” แม้เจียงอั้นจะนับถือในความกล้าของศิษย์น้องเล็ก แต่ความจริงมันวางกองอยู่จรงหน้า ในหมู่สี่สุดยอดสาวงามแห่งพรรวรยุทธโบราณ เซี่ยอวี่เหอไม่ได้แข็งแกร่งที่สุด หากไปร่วมประลองจะต้องอันตรายถึงชีวิตแน่

ในการประกองของพรรควรยุทธโบราณ มีกฏเกณฑ์ลับๆ อยู่ เมื่อผู้ได้รับเชิญตอบรับคำเชิญก็เท่ากับเป็นการเซ็นสัญญาแห่งความเป็นความตาย ต้องรับผิดชอบชีวิตของตัวเอง กล่าวคือ ต่อให้คุณถูกฆ่า ก็ เป็นสิ่งสมควร สำนักของคุณก็ไม่สามารถแก้แค้นอีกสำนักได้

หลายปีมานี้ พรรควรยุทธโบราณที่สามารถดำรงอยู่มาตลอดหลายพันปีล้วนมีอำนาจแข็งแกร่ง ล้วนผ่านการชำระล้างมาไปตามยุคสมัย ผู้ที่อยู่รอดคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ดังนั้นจึงไม่มีพรรควรยทุธ์โบราณพรรคไหนที่กล้าไปโมตีหรือกำจัดพรรควรยุทธโบราณอีกสำนักหนึ่งตามอำเภอใจ ส่วนการประลองนั้นเป็นวิธีการที่ดีที่สุดของเหล่าสำนักที่มีความทะเยอทะยานในการใช้ลดทอนอำนาจของสำนักอื่นๆ ทั้งยังเป็นวิธีที่กล้าหาญที่สุด ไม่เพียงแต่สามารถตรวจสอพลังอำนาจเคล็ดวิชาของสำนักนั้นๆ ได้ ทั้งยังสามารถฆ่าคนที่มาประลองเพื่อลดทอนความสามารถของสำนักนั้นๆ ได้อีกด้วย

จินตนาการได้เลยว่า เมื่อสำนักหนึ่งจงใจส่งจดหมายเชิญมาเพื่อยั่วยุ บอกว่าต้องการประลองกับศิษย์สำนักคุณสักหน่อย แลกเปลี่ยนความรู้กัน คุณจะไม่ตอบรับได้หรือ? ถ้าคุณไม่ตอบรับก็จะเป็นการพิสูจน์ว่าคุณขี้ขลาดคนอื่นส่งจดหมายเชิญมาเพื่อต้องการประลอง ความหมายอื่นนอกเหนือจากนี้ก็คือ ดูถูกสำนักของคุณ เป็นพรรควรยุทธโบราณเหมือนกัน คนอื่นมาตบหน้าถึงที่ คุณยังสามารถทำเป็นมองไม่เห็น ไม่รับคำท้าได้หรือ? นี่ไม่ได้เกี่ยวพันเรื่องของเกียรติ์ส่วนบุคคล แต่เกี่ยวพันถึงเกียรติ์ของทั้งสำนัก

ก็เหมือนกับตอนที่พวกต่างชาตมาแย่งชิงเกาะของพวกเราไปอย่างหน้าไม่อาย คนอื่นเขามารังแกถึงที่ พวกเราจะไม่ลงมือได้หรือ? เกรงว่าขอแค่เป็นคนที่มีนิสัยเลือดร้อนเล็กน้อย ก็ล้วนต่อต้านสุดชีวิต ต่อให้ต้องสิ้นชีพก็ตาม

เซี่ยอวี่เหอรู้ว่าเจียงอั้นเป็นห่วงเธอ อาจารย์ที่ไม่อยากให้เธอเข้าร่วมการประลองก็เพราะเป็นห่วงเธอ ความจริงนี่ทำให้ภาระในใจเธอหนักหนายิ่งขึ้น ตั้งแต่เล็กจนโต ท่านอาจารย์และศิษย์พี่ใหญ่ต่างรักและปกป้องตนมาก ดูเหมือนว่าแต่ไหนแต่ไรจะไม่เคยให้นางทำภารกิจอะไรที่อันตรายเลย หลายปีมานี้ ตนอาศัยอยู่ในสำนัก ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้อาจารย์ ตอนนี้มีคนมาท้าท้ายถึงหน้าประตู ระบุชัดเจนว่าจ้องการให้เธอเข้าร่วมการประลอง กังนั้นเธอจึงมาเมืองหลวงโดยไม่คิดจะหันหลังกลับ

“ศิษย์พี่ใหญ่ จะรุนแรงเหมือนที่พี่สูงที่ไหนกัน นี่เป็นแค่การประลองเท่านั้น พูดอีกอย่างก็คือ ตงฟางเมิ่งและเทียนซวงเอ๋อร์ร้ายกาจมากจริงๆ แต่อย่างน้อยฉันก็สามารถสู้เสมอกับพวกเขาได้ใช่ไหม? ส่วนชิงเฉิงเยว่ เธอร้ายกาจมากจริงๆ สามารถพูดได้ว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ของพรรควรยุทธโบราณที่หาได้ยากในหลายปีมานี้ อย่างไรก็ตามจากการคาดเดาของฉันต่อให้ฉันไม่ชนะก็ยังสามารถหนีได้” เซี่ยอวี่เหอกล่าวพลางยิ้มอย่างน่ารัก

“แต่ว่าศิษย์น้องเล็ก ฝีมือของชิงเฉิงเยว่เป็นที่กล่าวขานมานานในพรรควรยุทธโบราณ กระทั่งมีคนบอกว่าผ่านไปอีกไม่กี่ปีเธอจะได้เป็นเจ้าสำนักแทนท่านอาจารย์ของเธอ ครั้งนี้เป็นท่านอาจารย์ของเธอที่ส่งเธอมาหาประสบการณ์พระสร้างบารมีชื่อเสียง มีความมั่นใจว่าจะชนะอย่างแน่นอน กระทั่งฉันก็เกรงว่าไม่ใช่คู่มือของชิงเฉิงเยว่ เธอ…” เจียงอั้นไม่วางใจเลยจริงๆ ยังคิดจะชักจูงศิษย์น้องเล็กให้กลับไปที่สำนัก อย่าไปร่วมการประลองในครั้งนี้ อันตรายมากจริงๆ

“ศิษย์พี่ใหญ่ พี่จะดูถูกฉันไปหรือเปล่า? ไม่งั้นตอนนี้พวกเราสองคนมาประลองกันดูสักหน่อยไหม?”เซี่ยอวี่เหอกําหมัด พูดพลางยิ้มอย่างน่ารัก

 “ศิษย์น้องเล็ก…”

”ศิษย์พี่ใหญ่ พี่อย่าพูดอีกเลย พี่กลับไปก่อนเถอะ บอกท่านอาจารย์ด้วยว่า รอให้ฉันชนะ ฉันก็จะกลับไปสำนัก!” เซี่ยอวี่เหอกล่าวขัดคำพูดของเจียงอั้น

เจียงอั้นเห็นเซี่ยอวี่เหอตัดสินใจแล้ว ดูถ้าไม่ว่าตนจะพูดอย่างไร ก็ไม่มีทางชักจูงให้เธอกลับไปได้ จึงทำได้เพียงถอนหายใจครั้งหนึ่ง อธิษฐานในใจว่าขอให้ครั้งนี้ชิงเฉิงเยว่มาไม่ได้ หากมาก็อย่าได้ลงมือฆ่า ส่วนตงฟางเมิ่งและเทียนซวงเอ๋อร์ แม้จะแข็งแกร่งมาก แต่ศิษย์น้องเล็กคงจะสามารถสู้กับพวกเธอได้ ไม่ถึงกับอันตรายเกินไป ที่อันตรายที่สุดมาจากชิงเฉิงเย่ว ผู้หญิงคนนี้ที่สวยจนสวรรค์ยังต้องอิจฉา กลับเป็นยอดฝีมือ ที่ทำให้ผักวรยุทธโบราณต้องสั่นสะท้าน ทำให้ผู้อื่นไม่มั่นใจเลยจริงๆ

ในตอนนี้ ณ อาคารบริหารแห่งกระทรวงความมั่นคงสาธารณะในเมืองหลวงได้เกิดเรื่องบางอย่างขึ้น เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเย่เทียนเฉิน  ส่วนคนคนนี้นอนกรนเสียงดังอยู่บนเตียงหลังใหญ่นานแล้ว ราวกับเขาไม่ร้อนใจเรื่องตระกูลฉินที่เขาก่อเลยแม้แต่น้อย

“ฉันอยากจะรู้ว่า ทำไมนายพายอดทหารไปสิบกว่าคน ก็ยังไม่สามารถจับเย่เทียนเฉินได้? แล้วฉันก็อยากจะรู้ว่า ด้วยฝีมือของนายจะยังจับเย่เทียนเฉินไม่ได้เลยหรือ? เย่เทียนเฉินแข็งแกร่งขนาดนั้นจริงๆหรือ?ฉันหวังว่าเรื่องนี้นายจะสามารถให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลกับฉันได้ ไม่งั้นฉันคงทําได้เพียงลงโทษที่นายทำงานไม่สำเร็จ!” เฉินเซิงผู้บัญชาการกรมความมั่นคงสาธารณะ ตบลงบนโต๊ะอย่างแรง มองไปยังกูตู๋อ๋างอย่างดุดัน แล้วตะโกนออกมา

……………………….