บทที่ 150: การพบกันโดยไม่คาดคิด

ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END

บทที่ 150: การพบกันโดยไม่คาดคิด

จักรวรรดิออสทีน

บนยอดเขาท่ามกลางป่าลูว์มันอันกว้างใหญ่ มีลานสังเกตการณ์แห่งหนึ่งอัดแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวนับหมื่น

รถม้าหรูหราสวยงามจำนวนมากได้หยุดลงเบื้องหน้าตำหนักมากมายที่สร้างขึ้นด้วยเงินจำนวนมหาศาล คู่รักมากมายเดินลงมาจากรถม้าเหล่านั้น ประสานมือกันไปพร้อมกับร่างกายที่แนบชิดใกล้ ด้วยบรรยากาศอันหอมหวานนี้พวกเขาต่างก็มุ่งหน้าตรงไปที่ตำหนักด้วยกัน

นี่เป็นจุดนัดพบของคู่รักที่มีชื่อเสียงที่สุดในจักรวรรดิออสทีน พระตำหนักลูว์มัน อันเลื่องชื่อ แทบจะไม่มีใครในทวีปเซียที่ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับที่แห่งนี้ ในทุก ๆ เดือนกุมภาพันธ์ คู่รักมากหน้าหลายตาจะมารวมตัวกันที่พระตำหนักเก่าแก่อายุหลายร้อยปีแห่งนี้ เพื่อจ้องมองไปยังผืนป่าอันยิ่งใหญ่ และลำธารอันใสสะอาดของป่าลูว์มัน… รวมถึงการชมผีเสื้อ

ใช่แล้ว ที่นี่คือจุดชมผีเสื้อที่มีชื่อเสียง

ป่าลูว์มันมีภูมิอากาศแบบเขตร้อน ดังนั้นกฎเกณฑ์ของสี่ฤดูกาลจึงไม่มีผลที่นี่ เพราะเป็นเมืองที่มีสภาพอากาศร้อนชื้นตลอดทั้งปี ทำให้ในทุก ๆ เดือนกุมภาพันธ์ ผีเสื้อสายพันธุ์พิเศษที่รู้จักกันในชื่อ ผีเสื้อประกายแสงราตรี จะมาวางไข่ที่นี่ หลังจากฟักไข่เป็นเวลาหลายเดือน พวกมันก็จะกลายเป็นดั่งดวงดาวอันสวยงามในยามค่ำคืน

สิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดอันน่าอัศจรรย์เหล่านี้สามารถเรืองแสงได้ในความมืด โดยนางพญาจะถูกคัดเลือกโดยมีความสว่างของแสงเป็นตัวชี้วัด ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกมันนั้นน่ามองในยามค่ำคืน อย่างไรก็ตามเรื่องที่ว่าพวกมันเกี่ยวข้องกับความรักนั้นเป็นเพียงแค่การตลาดของจักรวรรดิออสทีน

ตามข่าวลือเมื่อไม่กี่ศตวรรษก่อน จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิออสทีนในตอนนั้น หรือ ชาลส์ ที่ 2 ได้ออกปากขอราชินีแห่งอาณาจักรโรนาผู้มีอำนาจให้มาเป็นคู่สมรสของตน ทว่าเนื่องจากราชินีไม่สนใจข้อเสนอนี้ เธอจึงได้ตั้งเงื่อนไขขึ้นมาโดยประกาศว่า เธอจะสมรสกับชาลส์ที่ 2 ก็ต่อเมื่อเขาสามารถแสดงความงามที่อยู่เหนือจินตนาการให้เธอเห็นได้

แม้ว่าชาลส์ที่ 2 จะไม่ได้คิดเตรียมตัวสำหรับเงื่อนไขดังกล่าวมาก่อน แต่ด้วยความเฉลียวฉลาด เขาก็ได้หยิบไข่ของผีเสื้อประกายแสงราตรีขึ้นมาแล้วใส่พลังเวทของตนลงไป ในไม่ช้าไข่ก็ฟักออกมาเป็นนางพญาผีเสื้อประกายแสงราตรีอันน่าดึงดูด

ด้วยความงามของผีเสื้อประกายแสงราตรี ราชินีจึงเปลี่ยนใจยอมรับข้อเสนอการสมรสของชาลส์ที่ 2 ทำให้อาณาจักรโรนาถูกควบรวมเข้าสู่จักรวรรดิออสทีน ผลักดันให้จักรวรรดิออสทีนเจริญรุ่งเรืองแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก

โดยส่วนตัวแล้วโรเอลรู้สึกว่าตำนานนี้ไม่ได้เลวร้ายเกินไปสักเท่าไหร่สำหรับโฆษณาทางการตลาด แต่มันก็เป็นอะไรที่ขาดความน่าเชื่อถือมาก ๆ

แม้ว่าจะไม่มีบันทึกทางประวัติศาสตร์ใด ๆ มายืนยันหรือหักล้างข้อเท็จจริงของตำนานดังกล่าว แต่ถ้าหากอิงจากวิธีที่จักรวรรดิออสทีนมักจะกดขี่ข่มเหงผู้อื่นเมื่อประสบปัญหา ทันทีที่การแต่งงานเพื่อผนวกดินแดนไม่ได้ผล พวกเขาก็พร้อมที่จะหันไปทำสงครามในทันที

ลองคิดดูสิว่าอาณาจักรเล็ก ๆ ที่ไหนจะยอมรับข้อเสนอการสมรสจากจักรพรรดิของอาณาจักรที่ใหญ่กว่าทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเป้าหมายเบื้องหลังคือการควบรวมอาณาจักร? คนคนนั้นจะต้องเสียสติไปแล้วแน่ ๆ ที่จะยอมรับข้อเสนออะไรแบบนั้น!

“บิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อปกปิดการปกครองแบบเผด็จการของพวกเขา สมกับเป็นจักรวรรดิออสทีนที่ไร้ยางอายจริง ๆ”

“เธอควรเห็นใจพวกเขาสักหน่อยนะ พวกเขาเคยเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคก่อน แต่ตอนนี้ที่พวกเขาทำได้กลับมีเพียงแค่การพยายามควบรวมอาณาจักรเล็ก ๆ สองสามอาณาจักรเข้ามา เรากำลังพูดถึงจักรวรรดิออสทีนอยู่นะ”

“ฮะฮะฮะ”

คำเยาะเย้ยถากถางของโรเอล ทำให้ชาร์ล็อตหัวเราะออกมา เด็กคนหนึ่งมาจากเมืองโรซ่า ส่วนอีกคนมาจากจักรวรรดิเซนต์เมซิท นอกจากนี้ทั้งคู่ยังสืบเชื้อสายมาจากตระกูลขุนนางที่มีประวัติการต่อสู้กับจักรวรรดิออสทีน ดังนั้นพวกเขาจึงมีมุมมองตรงกันในเรื่องนี้

ทว่าแม้ทั้งสองคนจะคิดว่าตำนานนี้ไร้สาระในมุมมองของเหตุและผล แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าตำนานนี้ได้สร้างมูลค่าทางตลาดอย่างมหาศาลให้กับที่นี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเหล่าลูกค้าคู่รัก

นับตั้งแต่ที่ตำนานนี้ถูกเผยแพร่ออกไป คู่รักจำนวนมากก็เดินทางมายังป่าลูว์มันมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อมาฟักไข่ผีเสื้อประกายแสงราตรีร่วมกันเป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก หลังจากทำการตลาดมาหลายศตวรรษ มันก็ได้กลายเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์สำหรับคู่รักไปแล้วจริง ๆ

พระตำหนักลูว์มันที่ทั้งสองคนในตำนานเคยยืนอยู่ได้ถูกบูรณะสร้างขึ้นใหม่เป็นพิเศษ สำหรับการเยี่ยมชมของขุนนางต่างอาณาจักร

ทุก ๆ เดือนกุมภาพันธ์ ช่วงฤดูผสมพันธุ์ของผีเสื้อประกายแสงราตรี ตำหนักลูว์มันจะต้อนรับขุนนางจากทั่วทั้งทวีปเข้ามา โดยที่นี่จะจัดงานกิจกรรมอันน่าสนใจและสนุกสนาน ทำให้มันกลายเป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่คิดจะมาสละโสด

แน่นอนว่ามันก็แลกมาด้วยการที่เหล่าผีเสื้อประกายแสงราตรีผู้น่าสงสาร จะต้องถูกขโมยไข่ของพวกมันไป กลายเป็นเพียงเครื่องมือที่มนุษย์ใช้แสดงความรักต่อกัน

“ท่านแขกผู้มีเกียรติที่เคารพ กระผมขอตรวจดูจดหมายเชิญของพวกท่านได้ไหมขอรับ?”

“เอาสิ”

ณ ทางเข้าตำหนักลูว์มัน ผู้ดูแลสถานที่รับจดหมายเชิญมาจากชาร์ล็อตอย่างสง่างาม แม้ทั้งโรเอลและชาร์ล็อตจะยังเด็ก แต่พวกเขาก็ดูสง่าผ่าเผยและสง่างาม ทำให้ผู้ดูแลสถานที่สงสัยเล็กน้อยในตัวตนของทั้งสอง เขาเหลือบมองจดหมายเชิญอย่างรวดเร็วก่อนที่จะส่งมันกลับไป

“ยินดีต้อนรับ เคานต์โรเอลและนายหญิงชาร์ล็อตแห่งอาณาจักรมันดีล”

เมื่อตระหนักได้ถึงตำแหน่งอันน่านับถือของแขกจากแดนไกล รอยยิ้มของผู้ดูแลสถานที่ก็อบอุ่นขึ้นในทันที

โรเอลและชาร์ล็อตแลกเปลี่ยนรอยยิ้มกันก่อนจะมุ่งหน้าเข้าไปในอาคาร ภายใต้การนำทางของผู้ดูแลด้วยแขนที่ประสานกัน เมื่อสัมผัสได้ถึงแขนของชาร์ล็อต โรเอลก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจกับคาถาเวทโบราณของตระกูลโซโรฟยา

จักรวรรดิเซนต์เมซิทตั้งอยู่ห่างจากจักรวรรดิออสทีนมาก ดังนั้นมันจึงไม่มีทางเลยที่ทั้งสองจะมาที่นี่ได้ด้วยเวลาอันสั้น อันที่จริงพวกเขาทั้งคู่ไม่ได้อยู่ในร่างจริงของพวกเขาแต่อย่างใด พวกเขาอยู่ในร่างจำแลงซึ่งเป็นผลจากคาถาเวทของตระกูลโซโรฟยา โดยใช้วัตถุที่เรียกว่า หินคู่จำแลง เป็นสื่อกลาง

หินคู่จำแลงเป็นแร่ที่หายากมาก พวกมันมีอยู่เป็นคู่เสมอ และเชื่อมโยงกันข้ามมิติอวกาศ เมื่อใดก็ตามที่ฝั่งหนึ่งสัมผัสได้ถึงพลังเวทที่เต้นเป็นจังหวะ อีกฝั่งก็จะสั่นสะท้านไม่ว่าจะอยู่ในระยะไกลแค่ไหนก็ตาม ซึ่งมันก็มักจะถูกนำมาใช้เป็นแหวนแต่งงานอันหรูหรา

ตระกูลแอสคาร์ดเองก็มีหินคู่จำแลงอยู่ในครอบครองเช่นกัน เพียงแต่พวกเขาไม่สามารถใช้ประโยชน์จากมันได้จริง ๆ กลับกันแล้วด้วยโชคลาภและความเชี่ยวชาญด้านอัญมณีของตระกูลโซโรฟยา พวกเขาจึงได้พัฒนาร่างจำแลงที่สามารถควบคุมจากระยะไกลได้ โดยใช้หินคู่จำแลงเป็นสื่อกลาง มันมีหลักการคล้าย ๆ กับร่างจำแลงที่สร้างขึ้นมาจากความสามารถที่สามของพรแห่งมงกุฎ

แต่ที่ไม่เหมือนกับร่างจำแลงของพรแห่งมงกุฎก็คือ ร่างจำแลงนี้แทบไม่มีพลังโจมตีใด ๆ เลย แต่ถ้าใช้มันเพื่อเดินเที่ยวเล่นไปรอบ ๆ หรือเข้าร่วมการประชุม มันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร

ในโลกที่ปราศจากเทคโนโลยีการสื่อสารขั้นสูง ผู้คนมักจะรู้จักชื่อของบุคคลที่มีชื่อเสียงแต่ไม่รู้จักใบหน้าของพวกเขา แม้แต่สาวงามที่มีชื่อเสียงอย่างชาร์ล็อตก็ไม่มีข้อยกเว้น นอกจากนี้ตัวตนปลอมของพวกเขายังถูกเตรียมการมาอย่างรอบคอบล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นการปลอมตัวจึงไม่จำเป็นอะไร เรียกได้ว่าพวกเขาสามารถเดินเข้าไปในงานอย่างเปิดเผยได้สบาย ๆ

ดังนั้นทั้งสองจึงไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อยเมื่อเดินเข้าไปในสถานที่จัดงาน

นอกจากนี้อีกสาเหตุก็คือ เนื่องจากมันเป็นสถานที่สำหรับคู่รัก ทุกคนก็เลยยุ่งอยู่กับคู่ของตัวเองเกินกว่าจะสนใจคนอื่น หากนี่เป็นที่สำหรับคนโสดแทนล่ะก็ โรเอลคงจะ…

…ไม่สิ คงไม่ใช่แบบนั้นแล้ว

อย่างไรก็ตามชาร์ล็อตน่าจะได้รับความนิยมเป็นอย่างมากแน่นอน คงใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีก่อนที่เธอจะถูกห้อมล้อมไปด้วยคนที่เข้ามาจีบ

“ท่านครับ นี่คือกล่องฟักไข่ของพวกท่าน”

“ขอบใจมาก”

พนักงานคนหนึ่งเดินมาหาพวกเขาและยื่นกล่องสีทองขนาดประมาณฝ่ามือให้กับโรเอล ซึ่งเด็กชายก็รับมาด้วยรอยยิ้มก่อนจะตรวจสอบมันด้วยความสงสัย

บรรดาผู้ที่มาร่วมงานมีทั้งคนที่ร่ำรวยและชนชั้นสูง ไม่มีทางเลยที่พวกเขาจะลดตัวลงไปค้นหาไข่ผีเสื้อในป่า ดังนั้นผู้จัดงานจึงเตรียมกล่องฟักเหล่านี้เอาไว้ล่วงหน้าเป็นพิเศษ

มีเหตุผลสองประการสำหรับเรื่องนี้

อย่างแรก แขกจะได้ไม่ต้องจับไข่ผีเสื้อด้วยมือของพวกเขาเอง ไม่ว่าผีเสื้อประกายแสงราตรีจะสวยงามเพียงใด แต่มันก็ยังน่าขยะแขยงที่จะต้องสัมผัสไข่แมลง

ประการที่สอง เพื่อให้แน่ใจว่าคู่รักทุกคู่จะมีผีเสื้อของตัวเองให้ชม แม้ว่าแขกส่วนใหญ่จะเป็นขุนนาง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้นการใช้พลังเวทในการฟักตัวผีเสื้อเป็นกระบวนการที่ละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง ไม่ใช่ว่าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติทุกคนจะสามารถทำมันได้ มันคงน่าอึดอัดใจมากหากพวกเขาเดินทางมาไกล แต่กลับไม่สามารถฟักผีเสื้อออกมาเองได้

กล่องฟักไข่ถูกจัดทำขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์อันน่าอับอายดังกล่าวไม่ให้เกิดขึ้น

กล่องเล็ก ๆ นี้ไม่ได้มีเพียงแค่ไข่ผีเสื้ออย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีของที่เอาไว้เติมพลังเวทแนบมาด้วย ที่ต้องทำมีเพียงแค่การกดปุ่มจากนั้นพลังเวทก็จะถูกเติมลงไปในไข่

โรเอลรู้สึกว่ามันเป็นวิธีที่ค่อนข้างฉลาด ที่พวกเขาเตรียมอุปกรณ์ดังกล่าวเอาไว้ล่วงหน้าเพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของแขก เขาตรวจสอบกล่องฟักไข่ด้วยความสนใจ ทำให้เด็กชายสังเกตเห็นตราสัญลักษณ์ข้างกล่องซึ่งเป็นรูปโล่ที่มีลวดลายสิงโตประดับอยู่ตรงกลาง

อา มันถูกวางแผนโดยตระกูลขุนนางที่มีชื่อเสียงนี่เอง พวกเขามีความพิถีพิถันมากในการตรวจสอบให้แน่ใจว่าเกียรติของแขกที่มาเข้าร่วมงานจะได้รับการปกป้อง

นี่เป็นครั้งแรกที่โรเอลได้เห็นวัฒนธรรมของจักรวรรดิออสทีน อาณาจักรที่ประกาศตัวว่าตนเองเป็นผู้สืบทอดที่ถูกต้องตามกฎหมายของจักรวรรดิออสทีนโบราณในยุคที่สอง ดังนั้นการตกแต่งเครื่องแต่งกายที่นี่จึงมีแนวโน้มที่จะเป็นแนวอนุรักษ์นิยม ผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะสวมกระโปรงยาว ส่วนผู้ชายก็มักจะสวมชุดเครื่องแบบทหาร เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่ออำนาจทางการทหารของพวกเขา

ภาษาทางการของพวกเขาคือ ภาษาออสทีน ซึ่งเป็นภาษาที่ย่อมาจากภาษาออสตินโบราณให้ง่ายขึ้น ทำให้ค่อนข้างคล้ายกับภาษาของจักรวรรดิเซนต์เมซิท หากแต่มีความแตกต่างเล็กน้อยในการออกเสียง ด้วยที่ต้นกำเนิดของทั้งสองอาณาจักรมาจากการอพยพครั้งใหญ่จากทางตะวันออกของทวีปเซีย ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยที่พวกเขาจะพูดภาษาเดียวกัน

ในมุมมองของโรเอลมันไม่ต่างจากการใช้ภาษาเดียวกัน แค่มีสำเนียงต่างกันจากการมาจากคนละท้องถิ่นเท่านั้น

งานนี้มาในรูปแบบของงานเลี้ยงกลางคืน มีของหวานมากมายวางบนโต๊ะยาวให้แขกสามารถทานของว่างได้อย่างอิสระ แท่นสังเกตการณ์ในตำหนักลูว์มันแสดงให้เห็นถึงทัศนียภาพพระอาทิตย์ตกอันสวยงามของภูเขาและลำธารในป่าลูว์มัน และเมื่อทุกอย่างมืดลง พวกเขาก็มองเห็นกลุ่มผีเสื้อประกายแสงราตรีที่โบยบินขึ้นมาอย่างสนุกสนานเบื้องล่าง

โรเอลหยิบไวน์ผลไม้สองถ้วยจากจานที่พนักงานถือเดินไปมา และส่งให้เด็กสาวที่แต่งตัวโดดเด่นข้าง ๆ เขา

“เธอดูโดดเด่นไม่น้อยเลยนะด้วยชุดนั้น มันเหมาะที่จะแต่งตัวแบบนี้ในจักรวรรดิออสทีนงั้นเหรอ?”

“ข้าเชื่อว่ามนุษย์ควรจะมีอิสระในการแต่งตัวตามที่พวกเขาต้องการ ตราบใดที่ไม่ละเมิดความเหมาะสมโดยทั่วไป”

“ที่เธอพูดมันก็ไม่มีอะไรหรอกนะ แต่มันก็ยัง… ช่างมันเถอะ ผู้หญิงคนนั้นที่มีขนติดอยู่บนหัวแต่งตัวเปิดเผยยิ่งกว่าเธออีก”

โรเอลเบิกตากว้างให้กับคู่รักที่สวมชุดที่เรียกได้ว่าเป็นดั่งเครื่องแต่งกายของชนเผ่าจากป่าฝนเขตร้อน จากนั้นก็หันกลับหาชาร์ล็อตอีกครั้ง ทันใดนั้นเด็กชายก็รู้สึกว่ากระโปรงยาวเกือบถึงเข่าของเธอดูไม่แปลกตาอีกต่อไป

“อย่างน้อย ๆ เธอก็ยังดูดี ต้องขอบคุณเพื่อนต่างชาติที่สร้างความแตกต่างให้ที่นี่”

“ฮึ่ม เจ้าเองก็ไม่ได้ไร้รสนิยมซะทีเดียวนะ”

“ขอบคุณสำหรับคำชม”

โรเอลและชาร์ล็อตแลกหมัดกันตามปกติของพวกเขา พลางหลบเลี่ยงลานเต้นรำที่เต็มไปด้วยคู่รักซึ่งกำลังเต้นรำอย่างช้า ๆ ไปพร้อมกับดนตรีอันผ่อนคลาย มุ่งหน้าไปยังแท่นสังเกตการณ์เพื่อหาจุดดี ๆ

โรเอลสัมผัสได้ถึงสายลมเบา ๆ กระทบบนใบหน้า เขาจ้องมองไปยังทิวทัศน์อันกว้างใหญ่เบื้องหน้า ทันใดนั้นเด็กชายก็รู้สึกราวกับว่าความเครียดที่ได้สะสมเอาไว้ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาได้รับการปลดปล่อยแล้ว เขาจิบไวน์ผลไม้ก่อนจะหายใจออกอย่างเพลิดเพลิน อารมณ์ของเขาทะยานสู่จุดสูงสุดใหม่

“ทิวทัศน์นี้ไม่เลวเลยจริง ๆ”

“อืม”

“สำหรับฉัน ที่นี่ไม่ได้เป็นแค่โฆษณาทางการตลาดอย่างเดียวแล้วล่ะ การได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันสวยงามแบบนี้ มันก็คุ้มค่าแล้วที่ต้องปลอมตัวเป็นคู่รักกับเธอ”

“ทางเทคนิคแล้ว พวกเรายังเป็นคู่หมั้น และคู่หมั้นในนามอยู่ ดังนั้นมันไม่ใช่การปลอมตัวซะทีเดียวหรอกนะ”

“นั่นก็ถูก”

โรเอลหัวเราะเบา ๆ แทนคำตอบก่อนจะหันไปสนใจผู้คนที่อยู่ใกล้ ๆ

คู่รักส่วนใหญ่บนลานสังเกตการณ์ล้วนจับมือกันหรือโอบกอดกัน ส่งกลิ่นเหม็นความรักอันน่าสยดสยองไปทั่ว โรเอลหันไปทางชาร์ล็อต และสังเกตเห็นว่าเธอนั้นกำลังดูลานสังเกตการณ์อีกที่ซึ่งอยู่ข้างหน้า ทำให้มองเห็นทิวทัศน์ที่ดีที่สุดของป่าทั้งหมด คู่รักที่นั่นดูจืดชืดมากขึ้นในแง่ของการแสดงความรักในที่สาธารณะ โดยมีกลุ่มคนกำลังคุยกันอย่างเป็นกันเองอยู่ตรงนั้น

“ที่นั่นมันคืออะไรน่ะ?”

“พื้นที่สังเกตการณ์พิเศษน่ะ มันถูกสงวนเอาไว้สำหรับขุนนางของจักรวรรดิออสทีนเท่านั้น”

“เข้าใจแล้ว”

โรเอลกำลังจะพูดด้วยรอยยิ้มอาฆาตแค้น แต่เมื่อเขาสังเกตเห็นรอยย่นเล็กน้อยระหว่างคิ้วของชาร์ล็อต เขามองตามสายตาของเธอด้วยความงุนงง ทำให้ได้เห็นร่างของหญิงคนหนึ่งในชุดกระโปรงสีน้ำเงินกำลังกระซิบอย่างสนิทสนมกับชายคนหนึ่ง

“รู้จักเธอเหรอ?”

โรเอลถามพร้อมกับเลิกคิ้วสูง เมื่อได้ยินคำถามนั้น ชาร์ล็อตก็มีท่าทีลังเลเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า

“เธอเป็นแม่ของข้า”