บทที่ 178 คำลวงที่แล้วมา

ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง

มือปราบสองคนปฏิบัติตามคำสั่งทันที หลินชิงเวยหันกลับมามองมือปราบที่เหลืออยู่ “พี่สาวของมือปราบหลิวมาถึงเมืองหลวงแล้วหรือยัง เวลานี้อยู่ที่ใด”

มือปราบรับคำ “นางมาถึงยามบ่ายวันนี้ กำลังพักผ่อนอยู่ในห้องพักแขกขอรับ”

หลินชิงเวยครุ่นคิด “ให้ข้าคุยกับพี่สาวของเขาก่อนเถิด”

แสงเทียนสีนวลสลัวในห้องพักแขก หลินชิงเวยยังเดินไปไม่ถึงประตูก็พบว่าในห้องโถงมีหญิงสาวชาวชนบทแต่งกายเรียบง่ายคนหนึ่งนั่งอยู่ หญิงสาวผู้นั้นดูแล้วสามัญยิ่ง นางมุ่นมวยผมแล้วปักด้วยปิ่นปักผมเก่าคร่ำคร่าอันหนึ่ง ดวงตาทั้งคู่นิ่งสนิทไร้ซึ่งแสงใดๆ นางนั่งอย่างระแวดระวังดูท่าแล้วยังตื่นเต้นอยู่สองส่วน

หลินชิงเวยจึงได้แต่คำนวณอายุของนางจากอายุของมือปราบหลิว น่าจะราวๆ สี่สิบปี แต่นางดูแล้วกลับดูชราภาพกว่าคนอายุสามสิบปีมากนัก

หลินชิงเวยทำความเข้าใจสถานการณ์ของนางอย่างคร่าวๆ นางและมือปราบหลิวเป็นพี่น้องที่ผูกพันกันยิ่งชีวิต นางเลี้ยงมือปราบหลิวมาจนเติบใหญ่ แต่ดวงตาทั้งคู่กลับพิการมืดบอด จึงไม่อาจหาครอบครัวได้ สุดท้ายจึงมีครอบครัวหนึ่งต้องตานางเข้าอย่างมิง่ายดายนัก เดิมทีคิดจะแต่งเข้าไป แต่หมู่บ้านของสามีนั้นห่างจากหมู่บ้านของตนไปหลายหมู่บ้าน ยามนั้นมือปราบหลิวยังอายุไม่ถึงสิบขวบหากนางแต่งงานออกเรือนไป มือปราบหลิวต้องอาศัยอยู่เพียงลำพังแล้วจะใช้ชีวิตอย่างไร ดังนั้นนางจึงปฏิเสธการแต่งงานครั้งนี้และเลี้ยงดูมือปราบหลิวจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ กระทั่งเขาแต่งภรรยาสร้างครอบครัว แต่ตนเองยังคงเป็นสาวเทื้อตาบอดที่ไม่ออกเรือนตลอดกาล

หลินชิงเวยนับถือพี่สาวท่านนี้ คิดดูแล้วฐานะของนางในใจของมือปราบหลิวย่อมต้องสำคัญ ดังนั้นเมื่อเอ่ยถึงพี่สาวเขาจึงไม่คิดหลบหนี

ยามนี้หลินชิงเวยก้าวเข้าไป แม้สายตาของหญิงสกุลหลิวจะมองไม่เห็น ทว่าการได้ยินของนางว่องไวยิ่งนัก นางดีดตัวลุกขึ้นยืน หลินชิงเวยเข้าไปประคองให้นางนั่งลง “พี่สาวไม่ต้องตื่นเต้นเช่นนี้ นั่งลงเถิด”

หญิงสกุลหลิวถามอย่างหวั่นใจ “อาหนิวของพวกเราเล่า ไฉนเขาจึงไม่ได้มาด้วย?”

หลินชิงเวย “วันนี้เป็นข้าที่ต้องการให้ท่านมาที่นี่ เพื่อสนทนาเรื่องของมือปราบหลิว”

“เจ้าคือผู้ใด”

หลินชิงเวยพูดหน้าตาย “ข้าแซ่หลิน เป็นแม่สื่อคนหนึ่ง ข้าเห็นมือปราบหลิวอยู่ตัวคนเดียวมาจนถึงบัดนี้ จึงคิดจะเป็นแม่สื่อให้มือปราบหลิว แต่ทาบทามหลายครั้งแล้วก็ยังไม่สำเร็จ จึงคิดจะทำความเข้าใจคนผู้นี้สักหน่อย พี่สาวคงไม่คิดว่าข้าเรื่องมากกระมัง”

หญิงสกุลหลิวได้ยินแล้วจึงลดท่าทีป้องกันลงเสียสิ้น และมีท่าทีเป็นกันเองกับหลินชิงเวยมากขึ้น “จะกล่าวโทษเจ้าได้อย่างไรเล่า หากเป็นเช่นนี้จริงๆ ข้าขอบคุณเจ้าแทบไม่ทัน เพียงแต่น้ำเสียงของเจ้าแล้วกลับเป็นแม่สื่อที่อายุเยาว์คนหนึ่ง” พูดแล้วก็หัวเราะขึ้นมา

หลินชิงเวยกล่าว “ไม่ใช่หรือไร มือปราบหลิวอาจจะเห็นว่าข้าอายุยังน้อย คิดว่าข้าเชื่อถือไม่ได้ ดังนั้นแม่นางที่ข้าแนะนำไปหลายคนจึงล้มเหลว แม่นางเหล่านั้นลอบพูดกับข้าว่า เขาดูเหมือนไม่ชมชอบสตรี แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นเพียงการหยอกล้อ พี่สาวอย่าได้ถือเป็นจริงเป็นจัง”

สีหน้าของหญิงสกุลหลิวเปลี่ยนไป นางกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย อีกทั้งยังเต็มไปด้วยความระมัดระวัง แม้นางจะมองไม่เห็น แต่ความคิดในใจของนางล้วนเขียนไว้บนหน้าให้หลินชิงเวยอ่านออกอย่างทะลุปรุโปร่ง

หลินชิงเวยพูดหยั่งท่าที “พี่สาว มือปราบหลิวเขา…หรือเขาไม่ชอบจริงๆ…”

“จะเป็นไปได้อย่างไรกัน!” หญิงสกุลหลิวขัดคำพูดของนาง “เขาไม่ใช่คนเช่นนั้น! อาจเป็นเพราะ…เขายังไม่ได้เดินออกมาจากอดีตกระมัง”

บัดนี้มือปราบหลิวเป็นบุรุษในวัยสามสิบกว่าปี ยังไม่มีทายาทให้กับสกุลหลิว หญิงสกุลหลิวร้อนใจอย่างยิ่ง ยามนี้มีแม่สื่ออยู่ที่นี่ นางไหนเลยจะไม่ให้แม่สื่อทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ หญิงสกุลหลิวจึงพูดถึงอดีต ทว่ายังคงป้องกันตัว

หลินชิงเวยเสแสร้งพูดอย่างตกตะลึง “ไม่ใช่กระมัง ที่แท้มือปราบหลิวเคยแต่งสตรีมาก่อนหรือ เช่นนั้นต้องเป็นเรื่องที่เจ็บปวดกระมัง”

“ถือ…ถือว่าใช่กระมัง” ใบหน้าของหญิงสกุลหลิวปรากฏให้เห็นร่องรอยของความเจ็บปวดลึกๆ “เมื่อก่อน…ครอบครัวของเราอยู่กันอย่างมีความสุข น้องชายของข้าแต่งแม่นางหมู่บ้านข้างๆ มาคนหนึ่ง ทั้งสองรักใคร่กลมเกลียว มีชีวิตที่มีความสุขมาก”

หลินชิงเวยถาม “เช่นนั้นเหตุใดยามนี้มือปราบหลิวจึงอยู่ตัวคนเดียวเล่า”

หญิงสกุลหลิวพูดเสียงขื่น “นางจากไปแล้ว”

เรื่องนี้ถูกต้องตรงกับประวัติที่เขียนในทะเบียน แต่นางกำลังพูดปด และใบหน้าของนางปรากฏให้เห็นความหวาดกลัวที่กระทั่งตัวนางเองก็มองไม่เห็น

เรื่องภายในครอบครัวของมือปราบหลิว หลินชิงเวยไม่ได้รู้เรื่องละเอียดมากนัก อีกทั้งหากมือปราบหลิวมีใจคิดปิดบัง รายละเอียดปลีกย่อยย่อมไม่ปรากฏอยู่ในทะเบียนของเจ้าหน้าที่ ในทะเบียนบันทึกว่าเขามีพี่สาวเพียงคนเดียว ตั้งแต่เล็กมีพี่สาวเป็นดั่งชีวิตจิตใจ ระหว่างนั้นได้แต่งภรรยาคนหนึ่ง แต่ภรรยาพลัดตกบ่อน้ำจึงจมน้ำตาย หลังจากนั้นเขาไม่แต่งภรรยาอีกเลย

หากเพียงแค่นี้ หญิงสกุลหลิวเลี้ยงดูเขาจนเติบใหญ่ย่อมส่งผลกระทบด้านบวกต่อชีวิตของเขา นี่ควรจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เขามาเป็นมือปราบคนหนึ่ง เช่นนั้นเหตุใดเขาจึงมีสีหน้าท่าทีรังเกียจและดูแคลนเมื่อเอ่ยถึงสตรี

แน่นอนว่าหลินชิงเวยไม่เชื่อว่าเขาเป็นพวกรักร่วมเพศ

หากมือปราบหลิวคือฆาตกรสังหารผู้อื่น เช่นนั้นจะต้องมีเหตุผลมากพออยู่ในนั้นที่ส่งผลให้เขามีพฤติกรรมเบี่ยงเบนจากคนที่มองโลกในแง่บวกกลายเป็นคนชั่วร้าย

ต่อมาภายในห้องโถงพักแขกมีเพียงความเงียบงัน หญิงสกุลหลิวยื่นมือออกมาคลำและถามว่า “แม่สื่อหลิน ท่านยังอยู่หรือไม่?”

หลินชิงเวยจับมือของนางเอาไว้ “ข้าอยู่นี่” ปลายนิ้วของนางเย็นเฉียบ เหงื่อชุ่มฝ่ามือ หลินชิงเวยเงียบขรึมแล้วจึงพูดขึ้นอีกว่า “นางพลัดตกน้ำแล้วจมน้ำตายจริงๆ หรือ”

มือของหญิงสกุลหลิวสั่นสะท้านทันที นางคิดจะดึงมือกลับไป แต่กลับถูกหลินชิงเวยจับเอาไว้แน่นหนา หลินชิงเวยพูดอีกว่า “ลนลาน หวาดกลัว สั่นสะท้าน จนใจและขมขื่น ที่เดินออกมาไม่ได้ไม่ใช่มือปราบหลิว แต่เป็นท่านถูกต้องหรือไม่ เกิดอะไรขึ้นในอดีตที่ทำให้ท่านต้องหลบหนีเช่นนี้ นางไม่ได้พลัดตกน้ำเอง นางตายอย่างไรกันแน่”

หญิงสกุลหลิวดิ้นรนเอาเป็นเอาตาย สุดท้ายก็นั่งแปะลงบนพื้น นางคลานขึ้นมาอย่างลนลานคิดจะออกไปจากที่นี่ หลินชิงเวยพูดขึ้นอย่างไม่รีบร้อน “ท่านคงกระจ่างแจ้งแล้วว่าข้าไม่ใช่แม่สื่อ”

หญิงสกุลหลิวเกาะกรอบประตูเอาไว้ นางพูดเสียงสะท้านว่า “ข้าไม่มีอะไรจะพูดกับเจ้า…”

“ภรรยาของมือปราบหลิว ตายเพราะถูกเขาสังหารใช่หรือไม่?”

“ไม่ใช่…”

หลินชิงเวยรุกถามไม่หยุด “เป็นเพราะภรรยาของเขาทำเรื่องที่ผิดต่อเขาใช่หรือไม่?”

“ไม่มี…”

“เช่นนั้นนางถูกมือปราบหลิวโยนลงไปในน้ำจนจมน้ำตายใช่หรือไม่?”

“ข้าบอกแล้วว่าไม่ใช่!” หญิงสกุลหลิวพูดทั้งน้ำตานองหน้า “เจ้าอย่าถามข้าอีกเลย! เรื่องในอดีตที่ผ่านไปแล้วจะพูดถึงอีกเพื่ออันใดกัน!”

หลินชิงเวยพูดอย่างสงบนิ่ง “รู้หรือไม่ว่าข้าพาท่านมาที่นี่เพื่ออะไร” หญิงสกุลหลิวเอาแต่ร่ำไห้ไม่พูดจา นางจึงพูดอีกว่า “ด้วยเมืองหลวงเกิดคดีฆาตกรรม และฆาตกรก็คือมือปราบหลิว”

หญิงสกุลหลิวหยุดร่ำไห้ทันที “เป็นไปได้อย่างไร…นี่จะเป็นไปได้อย่างไร…จะต้องเป็นพวกเจ้าที่เข้าใจผิด”

“ขณะที่ท่านพูดออกมา แม้กระทั่งตัวท่านเองก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าใดกระมัง” หลินชิงเวยกล่าว

“เขาไม่ได้สังหารน้องสะใภ้จริงๆ…” ราวกับหญิงสกุลหลิวคิดจะพิสูจน์ ทว่าไม่รู้ว่าเป็นการพิสูจน์ความจริงให้หลินชิงเวยหรือตนเองกันแน่ “เป็นน้องสะใภ้ที่รังเกียจหญิงตาบอดเช่นข้า เมื่อครั้งอาหนิวเป็นมือปราบอยู่ในเมือง นางคิดจะย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองกับอาหนิว คิดจะทิ้งข้าซึ่งเป็นหญิงแก่คนหนึ่งไว้ที่บ้านนอก…อาหนิวไม่เห็นด้วยจึงทะเลาะกับนาง ครั้งนั้นพวกเขาทะเลาะกันอย่างรุนแรง น้องสะใภ้วิ่งออกไปข้างนอกเพียงลำพัง ต่อมาอาหนิวออกไปตามหานางแล้วกลับมาบอกว่าหานางไม่พบจึงให้ข้าเข้านอนแต่เช้า วันรุ่งขึ้นได้ยินว่าน้องสะใภ้จมน้ำตายอยู่ในบ่อน้ำของหมู่บ้าน…เป็นเพราะฟ้ามืดเกินไป นางมองทางไม่ชัดเจนจึงพลัดตกลงไปในน้ำ…”