ตอนที่ 154 อดีตว่าที่เจ้าบ่าวอยากขอคืนดี

เดิมพันเสน่หา

บริษัทอสังหาริมทรัพย์ก่อตั้งขึ้นใหม่ของไซ่ตี้จวิ้น ชื่อว่าจั๋วเจวี๋ยวอสังหาริมทรัพย์

เหลิ่งรั่วปิงเข้าทำงานในบริษัทในตำแหน่งสถาปนิกของบริษัทจั๋วเจวี๋ยว โดยมีไซ่ตี้จวิ้นคอยปูทางให้

ถึงแม้ไซ่ตี้จวิ้นจะไม่ได้มีทรัพย์สินมากเท่าหนานกงเยี่ย แต่เขาก็ถือเป็นหนึ่งในคนที่รวยของที่โลก บริษัทจั๋วเจวี๋ยวอสังหาริมทรัพย์ที่เขาก่อตั้งขึ้นมา ล้วนเป็นโปรเจคใหญ่ระดับไฮคลาส โดยโปรเจคแรกของจั๋วเจวี๋ยวคืออาคารอัจฉริยะ 5A ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง

อาคารอัจฉริยะ 5A มุ่งเน้นให้เป็นอาคารอัจฉริยะสำหรับสำนักงาน นอกเหนือจากการออกแบบที่กว้างขวาง ยังให้ความสำคัญเรื่องเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย มีมาตราฐานในการก่อสร้างสูง สามารถรองรับน้ำหนักได้ตามมาตราฐานสากล มีระบบกระแสไฟฟ้ากำลังอ่อน ระบบอากาศบริสุทธิ์ รวมถึงลิฟต์อัจฉริยะต่างๆ เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้ทางบริษัทล้วนให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก

สิ่งที่อาคารอัจฉริยะ 5A ให้ความสำคัญที่สุดคือการออกแบบที่ล้ำสมัยและมีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า

ดังนั้น การออกแบบอาคารอัจฉริยะ จึงจำเป็นต้องออกแบบโดยสถาปนิกที่มีความสามารถ

สำหรับเหลิ่งรั่วปิง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอทำโปรเจคด้านนี้ ซึ่งถือเป็นโอกาสและถือเป็นความท้าทาย ตอนที่ไซ่ตี้จวิ้นให้เธอรับผิดชอบโปรเจคนี้ เธอทั้งดีใจและตื่นเต้น

“ไซ่ตี้จวิ้น ฉันเพิ่งเข้ามาทำงานนี้ คุณก็ให้ฉันรับผิดชอบโปรเจคใหญ่ระดับไฮคลาส ไม่กลัวว่าฉันจะทำพังเหรอคะ”

ไซ่ตี้จวิ้นนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเหลิ่งรั่วปิง เขายิ้มร่า “ถ้าคุณทำพังก็เอาตัวคุณเข้าแลกสิครับ”

เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะ “คุณเอาแต่พูดแบบนี้ อยากให้ฉันทิ้งงานแล้วหนีไปใช่ไหมคะ”

“อย่าลืมสิ ตอนนี้คุณเป็นแฟนของผม ถ้าคุณกล้าหนี ผมก็สามารถพาคุณกลับมาได้อย่างโจ่งแจ้ง ดังนั้นอย่าคิดหนีเลยนะครับ”

เหลิ่งรั่วปิงเบะปาก เธอคลี่ายยิ้มบางๆ ไม่ได้พูดอะไร เธอรู้ว่าไซ่ตี้จวิ้นหวังดีกับเธอ เธออยากเป็นนักสถาปนิกที่มีความสามารถ ดังนั้นเขาจึงให้โอกาสนี้กับเธอ เขาก่อตั้งบริษัทจั๋วเจวี๋ยอสังหาริมทรัพย์ให้กับเธอ ทั้งยังกว้านซื้อที่ดินผืนใหญ่ ต้องลงทุนลงแรงไปมากแน่ๆ สิ่งเดียวที่เหลิ่งรั่วปิงทำได้คือการออกแบบอย่างสุดความสามารถเพื่อเป็นการตอบแทนเขา

ดังนั้น เหลิ่งรั่วปิงจึงตั้งใจทำงานนี้มาก เมื่อได้รับเอกสารของโปรเจคนี้ เหลิ่งรั่วปิงก็เริ่มทำงานด้วยความตั้งใจทันที นอกจากกินข้าวและนอนหลับแล้ว เวลาที่เหลือเหลิ่งรั่วปิงก็เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องทำงาน

ไซ่ตี้จวิ้นได้ยกอาคารทั้งชั้นของบริษัทไซ่เหวยมาเป็นสำนักงานของบริษัทจั๋วเจวี๋ยอสังหาริมทรัพย์ ห้องทำงานของเหลิ่งรั่วปิงและห้องทำงานของเขาอยู่ชั้นบนสุด เป้าหมายของเขาชัดเจนมาก เขาต้องการจับตาดูเธอตลอดเวลา ถึงอย่างไรตอนนี้เหลิ่งรั่วปิงก็เป็นแฟนของเขาแล้ว คนอื่นไม่มีสิทธิ์พูดอะไร

แน่นอน เหลิ่งรั่วปิงรู้ว่าไซ่ตี้จวิ้นกำลังคิดอะไร แต่เธอก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ เพราะไม่ได้รัก ดังนั้นจึงไม่ได้ใส่ใจ เธอไม่เคยให้ความหวังเขาและไม่เคยหลอกใช้ความรู้สึกของเขา ดังนั้นเธอจึงไม่รู้สึกผิด แน่นอนว่า ในใจของเธอ ไซ่ตี้จวิ้นถือเป็นคนที่สำคัญ ถ้ามีอุบัติเหตุอีกครั้งหนึ่ง เธอยินดีที่จะเอาชีวิตของเธอเข้าแลกเพื่อช่วยเขาอย่างไม่ลังเล อย่างไรก็ตาม เธอสามารถเอาชีวิตของตนมาปกป้องเขาได้ แต่ไม่อาจสามารถรักเขาได้ เพราะความรักของเธอถูกทำร้ายจนเจ็บปวด เวลานี้ความรักของเธอก็เหมือนกับปีกแมลง ที่เพียงแค่ลมพัดผ่านก็ปลิวไสว เธอไม่อาจสามารถรักเขาได้แล้ว

“หนิงซยา!” ประตูห้องทำงานเปิดออกเบาๆ เผยให้เห็นใบหน้าน่ารักของไซ่หย่าเซวียน

เหลิ่งรั่วปิงเงยหน้าขึ้นมาจากเอกสารในมือ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย ภายในใจอดหัวเราะไม่ได้ ตั้งแต่เธอแสดงออกว่ายอมรับไซ่หย่าเซวียนเป็นพี่สะใภ้ ไซ่หย่าเซวียนก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน เธอมักจะวิ่งมาหาตนที่ห้องทำงานอยู่บ่อยครั้ง เอาแต่ตื๊อให้เหลิ่งรั่วปิงพาไปช้อปปิ้ง ทั้งยังกลับบ้านตระกูลฉู่พร้อมกับเหลิ่งรั่วปิงอยู่หลายครั้ง ราวกับว่าพวกเธอทั้งสองคนไม่ใช่คู่กัดที่ไม่ถูกกันมาสิบกว่าปี

ไซ่หย่าเซวียนยิ้มสดใสเหมือนดอกไม้ที่แหงนมองดวงอาทิตย์ เธอกระโดดเข้ามาในห้ห้อง แล้วปิดประตูลง “หนิงซยา พวกเราไปช้อปปิ้งกันเถอะ”

เหลิ่งรั่วปิงคลี่ยิ้มบางๆ “เธอเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ ส่วนฉันเป็นแค่พนักงานออฟฟิศ ฉันไม่มีเวลาไปเดินเที่ยวช้อปปิ้งหรอก ฉันต้องทำงาน”

“ชิ!” ไซ่หย่าเซวียนเบะปาก “แสร้งทำตัวสูงส่งใช้ชีวิตปากกัดตีนถีบทำงานทำไม เมื่อก่อนเธอก็ช้อปปิ้งตลอดไม่ใช่เหรอ”

เหลิ่งรั่วปิงพยายามเงี่ยหูฟัง สิ่งที่ไซ่หย่าเซวียนพูดพึมพำออกมา “เธอก็เป็นคนพูดเองว่าเป็นเมื่อก่อน” เหลิ่งรั่วปิงหยิบปากกาขึ้นมาแล้วเช็คถูกบนเอกสาร “ตอนนี้ฉันเป็นสถาปนิกที่กำลังตั้งใจทำงานพัฒนาตนเอง ฉันกับเธอไม่ใช่คนประเภทเดียวกันแล้ว”

“นี่ ฉู่หนิงซยา นี่คือคำพูดที่เธอพูดกับว่าที่พี่สะใภ้เหรอ”

“ฮ่าๆๆ…” เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะแล้วยักไหล่ “เธอไปจีบพี่ชายฉันให้ติดก่อนแล้วเราค่อยมาว่ากัน”

“หึ!” ไซ่หย่าเซวียนนั่งลงตรงข้ามเหลิ่งรั่วปิงด้วยความโมโห มือทั้งสองข้างเท้ากยคางเอาไว้ “ฉันวิ่งตามหลังพี่เทียนรุ่ยสิบกว่าปีแล้ว ทำไมพี่เทียนรุ่ยถึงไม่รู้สึกอะไรกับฉันเลย” กลรอกตาไปมาด้วยความทุกข์ใจ “เมื่อก่อนพี่ชายของฉันเกลียดเธอมาก แต่หลังจากที่เธอตื่นขึ้นมาพี่กลับรักเธอแทบเป็นแทบตาย หรือว่าการนอนหลับสามารถทำให้เสน่ห์ของคนเราแผ่ซ่านออกมาได้ ฉันไปหาวิธีให้ถูกรถชนดีไหม แล้วนอนสลบสักสามปี?”

เหลิ่งรั่วปิงที่กำลังตรวจเช็คเอกสารถึงกับหยุดชะงัก เครื่องหมายเช็คถูกที่เธอกำลังเขียนบิดเบี้ยวไปหมด “ไซ่หย่าเซวียน ฉันว่าเธอไม่จำเป็นต้องนอนเป็นเจ้าหญิงนิทราสามปีเหมือนฉันหรอก แต่สิ่งที่เธอต้องทำคือใช้ความคิดให้มาก”

“หมายความว่ายังไง” ใบหน้าเล็กของไซ่หย่าเซวียนขมวดเป็นปม เธอเหมือนลูกแมวน้อยที่กำลังเสียใจเพราะถูกแย่งก้างปลาไป

เหลิ่งรั่วปิงวางปากกาลง รู้สึกว่าควรจะให้ความรู้กับสาวน้อยที่กำลังหลงทางเรื่องของความรัก ไม่อย่างนั้นถ้าสาวน้อยคนนี้วิ่งไปกลางถนนให้รถชนจริงๆ คงเป็นเรื่องใหญ่แน่ “อันที่จริงผู้ชายเป็นสัตว์ที่แปลกมาก ยิ่งเธอกระตือรือร้นวิ่งเข้าหาเขาก็จะยิ่งไม่สนใจ แต่พอตอนที่เธอแต่งตัวสวยๆ ไม่ชายตามองเขา เขาก็จะรู้สึกจั๊กจี้หัวใจ อยากที่จะตามจีบเธอ”

“จริงเหรอ” ดวงตากลมโตของไซ่หย่าเซวียนเบิกกว้าง แววตาเป็นประกาย เธอไม่เคยคิดฝันว่าฉู่เทียนรุ่ยจะเป็นฝ่ายมาจีบเธอก่อน ขอแค่เขาไม่รำคาญที่เธอเอาแต่ตามตอแย เธอก็ดีใจมากแล้ว

“ไม่เชื่อก็ลองดูสิ” เหลิ่งรั่วปิงคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ “นับตั้งแต่ตอนนี้ เธอไปเปลี่ยนแปลงตนเอง ทำให้ตนเองมีความเป็นผู้หญิงมากกว่านี้หน่อย อย่าเอาแต่เป็นผู้หญิงเด็กสาวผู้หญิงไม่รู้จักโต พอเจอพี่ชายของฉัน ก็ทำตัวหยิ่งๆ ไม่ต้องสนใจเขา เดินวนไปมาตรงหน้าเขา แต่ห้ามส่งยิ้มให้เขาเด็ดกขาด แล้วถ้าเป็นไปได้ เธอหาผู้ชายสักคนมากระตุกต่อมหึงของเขาก็ดี”

“หา?” ครั้งนี้ ปากและตาของไซ่หย่าเซวียนเบิกกว้างพร้อมกัน

“กำลังทำอะไรกันอยู่ครับ” ไซ่ตี้จวิ้นเปิดประตูเข้ามากะทันหัน มองดูหญิงสาวทั้งสองคนที่นั่งหันหน้าเข้าหากัน อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื้นตันใจ เหลิ่งรั่วปิงเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์มาก เมื่อก่อนไซ่หย่าเซวียนเกลียดฉู่หนิงซยามาก เกลียดจนถึงขั้นอยากจะเอามีดไปแทงฉู่หนิงซยาให้ตาย ทว่าตั้งแต่เหลิ่งรั่วปิงปลอมตัวเป็นฉู่หนิงซยา ไซ่หย่าเซวียนก็สนิทสนมกับเธอขึ้นทุกวัน

“พี่คะ น้องอยากให้หนิงซยาไปช้อปปิ้งกับน้อง” ไซ่หย่าเซวียนพูดขึ้น เธอกลัวไซ่ตี้จวิ้นไม่อนุญาต จึงรีบพูดเสริม “ถ้าพี่ไม่อนุญาต น้องจะขัดขวางไม่ให้หนิงซยาแต่งเข้ามาในตระกูลของเรา!”

“เจ้าเด็กคนนี้!” ไซ่ตี้จวิ้นดีดหน้าผากของไซ่หย่าเซวียนเบาๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยว “ตอนนี้หนิงซยาเป็นสถาปนิกคนสำคัญของจั๋วเจวี๋ย เธอมีงานต้องทำมากมาย เราอย่าเอาแต่ตอแยให้หนิงซยาช่วยจีบคนอย่างฉู่เทียนรุ่ยเลย ฉู่เทียนรุ่ยมีอะไรดี ตามจีบมันตั้งหลายปีแล้วยังไม่ตัดใจอีก”

“ห้ามว่าพี่เทียนรุ่ยของน้อง!” ไซ่หย่าเซวียนถลึงตามองไซ่ตี้จวิ้นด้วยความไม่พอใจ แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเห็นผู้ชายสำคัญกว่าพี่

ไซ่ตี้จวิ้นถอนหายใจ “ครับๆๆ พี่เทียนรุ่ย พี่เทียนรุ่ย เพื่อผู้ชายอย่างมันถึงกับไม่รู้จักพี่ชายแท้ๆ ของตนเองเลยนะ”

“พี่ก็เหมือนกันนั่นแหละ ตั้งแต่ที่พี่ชอบหนิงซยา นานเท่าไหร่แล้วที่พี่ไม่เหลียวแลน้องสาวคนนี้”

ไซ่ตี้จวิ้นถูกตอกกลับจนพูดไม่ออก เหลิ่งรั่วปิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “สมแล้วที่พวกคุณสองคนเป็นพี่น้องกัน”

ไซ่ตี้จวิ้นยิ้มร่า แววตาของเขามีระลอกคลื่น “สิ่งที่คุณสอนหย่าเซวียนเมื่อกี้ คุณใช้กับผมทุกวันเลยใช่ไหม อยากให้ผมต้องการตัวคุณ”

เหลิ่งรั่วปิงเบะปาก “เพราะหน้าตาดีจึงมีใจรักใคร่ มีใจรักใคร่จึงมีเจตนาเข้าหา ฉันไม่ได้คิดอะไรกับคุณสักหน่อย แล้วฉันจะมีความคิดแบบนั้นได้ยังไงคะ”

คิ้วเข้มของไซ่ตี้จวิ้นขมวดเป็นปม พูดด้วยน้ำเสียงเศร้า “คุณอย่าทำร้ายจิตใจกันแบบนี้สิครับ”

“ชิๆๆ…” ไซ่หย่าเซวียนส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ “พี่คะ พี่ถูกหนิงซยาวางยาเสน่ห์แล้วแน่ๆ ตอนนั้นเธอวิ่งไล่จับพี่แทบตาย พี่ไม่แม้แต่จะชายตามอง ตอนนี้พี่กลับหลงเธอขนาดนี้ ชิๆๆ…”

เหลิ่งรั่วปิงชำเลืองมองไปที่ไซ่ตี้จวิ้น เธอไม่ได้พูดอะไร ก้มหน้าก้ต้มตาอ่านเอกสารในมือ เธอแตกต่างกับฉู่หนิงซยาคนเดิมมาก การที่ไซ่หย่าเซวียนเอามาเปรียบเทียบยบ่อยๆ แบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ไม่เพียงแต่ไซ่หย่าเซวียนที่แปลกใจ เกรงว่าทุกคนที่รู้จักฉู่หนิงซยาก็คงแปลกใจเหมือนกัน กู้จือเหาก็คือหนึ่งในนั้น

พูดถึงกู้จือเหา เหลิ่งรั่วปิงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ตั้งแต่งานเลี้ยงในวันนั้น ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปจากเดิม คอยตามจีบเธออย่างบ้าคลั่ง เอาแต่บอกว่าอยากจะแต่งงานกับเธอ เพื่อที่จะตามจีบเหลิ่งรั่วปิง เขาไม่กลัวที่จะมีปัญหากับไซ่ตี้จวิ้น วันๆ เอาแต่จอดรถใต้ตึกบริษัทไซ่เหวยเพื่อรอเหลิ่งรั่วปิง ทำให้คนทั้งบริษัทไซ่เหวยพากันซุบซิบนินทา ไซ่ตี้จวิ้นสั่งสอนเขาอยู่หลายครั้ง แต่เขากลับไม่กลัว

“อั๊ยย่๊า หนิงซยา เร็วเข้า ออกไปกับฉัน” ไซ่หย่าเซวียนลากเหลิ่งรั่วปิงออกไป พร้อมทั้งเอาแต่พูดขู่ไซ่ตี้จวิ้นที่จะเข้ามาห้าม “พี่ห้ามมาห้ามฉันนะ ถ้าพี่มาห้ามฉันจะประกาศต่อหน้าสื่อมวลชนว่าไม่ให้ฉู่หนิงซยาแต่งเข้าบ้านตระกูลไซ่”

“…” ไซ่ตี้จวิ้นขบกรามแน่น มองดูผู้หญิงสาวทั้งสองคนเดินออกไป เขาจนปัญญากับน้องสาวที่แสนเอาแต่ใจจริงๆ ที่เขาให้เหลิ่งรั่วปิงมาทำงานที่นี่ ก็เพื่อที่จะอยู่กับเธอให้มาก สร้างความรู้สึกดีๆ ให้กัน แต่น้องสาวที่แสนเอาแต่ใจคนนี้มักมาแย่งตัวเธอไป อีกทั้งช่วงนี้ยังมีกู้จือเหามาสร้างความวุ่นวายอีกคน

เหลิ่งรั่วปิงถูกไซ่หย่าเซวียนลากตัวไปชั้นล่าง เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ กู้จือเหายืนเฝ้าอยู่หน้าบริษัทไซ่เหวย รถสปอร์ตสีแดงจอดเด่นสะดุดตา การแต่งกายของเขาเปลี่ยนจากสไตล์คุณชายเพลย์บอย มาเป็นชุดสูท ทว่าสีของชุดสูทก็เด่นมาก เป็นลายตารางดำขาว

เมื่อเห็นเหลิ่งรั่วปิงเดินออกมา แววตาของกู้จือเหาเป็นประกายทันที เขากระโดดลงมาจากรถ ถอดแว่นกันแดดด้วยความเท่ห์ “หนิงซยา ไปไหนครับ ให้ผมไปส่งไหม”

ไม่รอให้เหลิ่งรั่วปิงตอบ ไซ่หย่าเซวียนพูดขึ้นก่อน “กู้จือเหา นายไม่มียางอายเหรอ”