บทที่ 144 เฒ่าร้อยเล่ห์[รีไรท์]

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 144 เฒ่าร้อยเล่ห์[รีไรท์]

ฉู่ชวิ๋นใช้ทักษะดูดจิตวิญญาณตรวจสอบความทรงจำของหลิวเจี่ยเฟย มาเรียบร้อยแล้ว

หลิวเจี่ยเฟยเป็นคนที่โดดเด่นในหมู่คนรุ่นใหม่ของตระกูลหลิว ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นผู้ติดตามที่ซื่อสัตย์ของหลิวเซียงหรู ย่อมรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นในอดีต

เพราะฉะนั้น ฉู่ชวิ๋นจึงทราบข้อมูลเป็นอย่างดี

ถึงแม้ว่าตามลำดับญาติแล้ว หลิวไป๋เทียนจะมีศักดิ์เป็นลุงของเขาแต่ฉู่ชวิ๋น สามารถสังหารเขาได้โดยไม่กะพริบตาด้วยซ้ำ

ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเมินเฉยต่อการร้องไห้คร่ำครวญของหลิวจื้อไจ้ และหันมาจ้องมองที่กลุ่มคนตระกูลหลิว ทุกคนตัวสั่นเทา เหมือนพร้อมที่จะตายได้ตลอดเวลา

ตระกูลหลิวทุกคนหวาดกลัวจนแทบขาดใจตายแล้ว เส้นไหมที่พันอยู่รอบคอของพวกเขา ให้ความรู้สึกเหมือนว่าพวกเขากำลังยืนอยู่ที่ขอบเหวนรก

โดยเฉพาะหลังจากที่เห็นความตายอย่างน่าสยดสยองของหลิวไป๋เทียน ผู้ถูกตัดศีรษะ ทุกคนก็ยิ่งหวาดกลัวหนักมากกว่าเดิม จนแทบไม่มีใครกล้าส่งเสียงหายใจออกมาแรงๆ ด้วยซ้ำ

“มีใครรู้บ้างไหมว่าหลิวเซียงหรูอยู่ที่ไหน?” ฉู่ชวิ๋นถามด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

หลังจากเงียบงันอยู่อึดใจใหญ่ ไม่มีใครตอบอะไรออกมา ฉู่ชวิ๋นเลิกคิ้วขึ้นสูงและพูดว่า “ไม่มีใครรู้จริงเหรอ?”

“ฉัน…ฉันรู้ว่าหลิวเซียงหรูอยู่ที่สำนักสวรรค์ฟ้า” ใครคนหนึ่งทนความกดดันไม่ไหวจนต้องตะโกนออกมา

ในเวลาเดียวกับที่เขาตะโกนออกมานั้น เส้นไหมวิญญาณสีขาวที่พันอยู่รอบลำคอก็ได้หายวับไป ชายคนนั้นประหลาดใจเป็นที่สุด ความรู้สึกที่ว่าเหมือนกำลังมีอะไรติดคออยู่ ช่างเป็นความรู้สึกที่เลวร้ายจริงๆ

“หลิวเซียงหรูถูกรับเข้าไปเป็นศิษย์เอกของสำนักสวรรค์ฟ้า…” มีอีกหลายคนที่คิดว่าถ้าบอกความจริงก็จะพ้นจากอันตราย พวกเขาจึงไม่สนใจไว้หน้าวงศ์ตระกูลอีกแล้ว การมีชีวิตรอดย่อมสำคัญที่สุด พวกเขาต่างพากันพูดออกมาเสียงดัง

สมาชิกตระกูลหลิวให้ข้อมูลติดๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่ของหลิวเซียงหรู

สีที่หลิวเซียงหรูชอบ ผู้หญิงที่หลิวเซียงหรูหลงใหล บางคนที่ให้ข้อมูลกับเขาเป็นถึงผู้อาวุโสด้วยซ้ำ บางคนบอกแม้กระทั่งว่าหลิวเซียงหรูฉี่รดที่นอนครั้งแรกตอนอายุเท่าไหร่

ในที่สุดแล้ว บางคนถึงกับตะโกนว่า “หลิวเซียงหรูมันไม่ใช่มนุษย์!”

เมื่อพูดออกมาแล้ว เส้นไหมวิญญาณรอบลำคอของเขาก็หายไปทันที

เมื่อคนอื่นเห็นว่าการตะโกนด่าใช้ได้ผล จึงร่วมตะโกนว่า

“หลิวเซียงหรูเป็นสัตว์ร้ายน่าขยะแขยงที่สุด”

“หลิวเซียงหรูเป็นแค่กากเดนขยะสังคม เทียบไม่ได้แม้แต่ปลายเท้าของท่านฉู่ชวิ๋น…”

“หลิวไป๋เฟิงด้วยพวกมันพ่อลูกเป็นคนชั่วช้าอำมหิต ก่อกรรมทำเข็ญเอาไว้มาก ได้เวลาที่พวกมันจะต้องชดใช้กรรมแล้ว…”

เสียงตะโกนก่นด่าดังกึกก้องคฤหาสน์ตระกูลหลิว บางส่วนตะโกนเหมาด่าหลิวไป๋เฟิงไปด้วย

ถ้าหากทำให้รอดชีวิต อย่าว่าแต่ให้ตะโกนด่าหลิวไป๋เฟิงเลย ให้ไปรุมกระทืบหลิวไป๋เฟิง พวกเขาก็ทำได้

หลิวไป๋เฟิงเบิกตาโต ริมฝีปากสั่นระริก ขมับของเขาปูดโปนไปด้วยเส้นเลือด เขารู้สึกได้ว่าตนเองกำลังสั่นไปทั้งร่างกาย สองมือของเขากำเป็นหมัด และเกือบจะระเบิดพลังลมปราณออกไปแล้ว

เขาไม่เคยคิดไม่เคยฝันมาก่อนว่า จะได้เห็นธาตุแท้ญาติของตนเองแบบนี้!

หลิวจื้อไจ้โกรธแค้นจนหน้าดำหน้าแดง ดวงตาของเขาเบิกโตด้วยความเดือดดาล ทั่วทั้งร่างสั่นเทา มีหลายคนให้ฉายากับเขาว่าเป็นเฒ่าร้อยเล่ห์ ไม่ว่าวางแผนอะไรไว้ผู้คนก็ยากที่จะคาดเดาได้ จึงไม่ค่อยมีใครพบเห็นชายชราในลักษณะโกรธสุดขีดแบบนี้มาก่อน

“แก…พวกแกมันสมควรตายไปให้หมด…” หลิวไป๋เฟิงโกรธแค้นจนต้องกัดฟันกรอด เขารู้สึกเดือดดาลจนพูดได้ไม่จบประโยค มือที่สั่นเทาของเขายกชี้ไปยังกลุ่มคนที่กำลังก่นด่าตัวเขากับลูกชายอย่างไม่ไว้หน้ากันเลย

ฉู่ชวิ๋นพลันยกมือขึ้นและขยับนิ้วมือทั้ง 5 นิ้ว เพียงพริบตาเดียวเส้นไหมวิญญาณสีขาว 5 เส้นก็พันธนาการขา แขนและลำคอของหลิวไป๋เฟิง ก่อนที่จะดึงเขาลอยสูงขึ้นไปในอากาศ

ดวงตาของฉู่ชวิ๋นเป็นประกายเลือดเย็น เขาสะบัดมือในอากาศทีหนึ่ง

วูบ…กร๊อบ!

เสียงกระดูกแตกหักทำให้คนที่ได้ยินถึงกับขนหัวลุก หลิวไป๋เฟิงส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด

ทุกคนเงยหน้าขึ้นมอง หนังหัวชาดิก และตัวสั่นไปทั้งตัว

ใบหน้าครึ่งหนึ่งของหลิวไป๋เฟิงแทบดูไม่ได้อีกแล้ว เลือดไหลหยดลงมา ปากบิดเบี้ยวผิดรูป ดวงตาโปนถลน น้ำลายและเลือดไหลย้อยลงมาจากอากาศ เป็นภาพที่น่าสะเทือนขวัญเป็นอย่างยิ่ง

“ฉู่ชวิ๋น แกไอ้เด็กชั่ว!” หลิวจื้อไจ้ร้องคำราม ดวงตาเป็นประกายบ้าคลั่ง

ฉู่ชวิ๋นหันไปจ้องมองชายชราอย่างสงบ ก่อนที่จะเผยยิ้มอย่างสบายใจออกมาและพูดว่า “ไม่เสแสร้งทำตัวเป็นคนดีแล้วเหรอครับ?”

“แก…” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมีเมตตาของหลิวจื้อไจ้ ถูกแทนที่ด้วยความดุดันอำมหิต

“ฉันรู้เรื่องทุกอย่างมากกว่าที่พวกแกคิด แม้แต่รายละเอียดเล็กๆน้อยๆแล้วก็นะ แกแสดงได้ไม่เนียนเอาซะเลย” ฉู่ชวิ๋นหัวเราะเยาะ

หลิวจื้อไจ้จ้องมองฉู่ชวิ๋น ดวงตาเป็นประกายเลือดเย็นขึ้นเช่นกัน ในขณะที่พูดว่า “แกไม่ควรเกิดมาบนโลกใบนี้ ฉันเป็นสมาชิกของตระกูลหลิว ไม่มีวันให้คนตระกูลฉู่มาเข้าร่วมด้วยเด็ดขาด หน้าที่ของฉันคือปกป้องสกุลหลิวจนตัวตาย”

ฉู่ชวิ๋นยังคงมีสีหน้าเฉยเมย แต่ดวงตาของเขาเป็นประกายเลือดเย็นมากยิ่งขึ้น

ชายหนุ่มกำลังจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่าง แต่ในทันใดนั้นเอง เขาก็รู้สึกได้ว่าพลังลมปราณและเลือดลมที่สูบฉีดอยู่ในร่างกายกลับหยุดชะงักไปกะทันหัน เหมือนกับว่ามีคนดูดพลังวิญญาณของเขาไปอย่างไรอย่างนั้น ลำตัวของเขาหมดแรงและยากที่จะยืนหยัดอยู่ต่อไป ดวงตาของชายหนุ่มพร่าเลือน ในขณะที่สองขาของเขาอ่อนแรงจนต้องทรุดลงคุกเข่ากับพื้น

ในขณะที่ฉู่ชวิ๋นทรุดลงไป เส้นไหมสีขาวก็หายวับไปกลางอากาศ หลิวไป๋เฟิงร่วงหล่นลงมาจากกลางอากาศ แต่ดีที่สือจินกระโดดเข้าไปรับไว้ทัน

ทุกคนถึงกับมึนงงสับสน ทำไมอยู่ดี ๆ ฉู่ชวิ๋นถึงล้มลงไปแบบนั้น?

มีแต่เพียงหลิวจื้อไจ้แค่คนเดียวเท่านั้นที่ยิ้มออกมาแล้ว หลิวจื้อไจ้ยื่นฝ่ามือออกมาข้างหน้า แล้วขวดหยกขาวขวดเล็กๆ ขวดหนึ่งก็ปรากฏในสายตาของทุกคน

“ฉู่ชวิ๋น รสชาติของน้ำเทวะเมามายเป็นยังไงบ้างล่ะ?” หลิวจื้อไจ้เดินมาข้างหน้าพร้อมกับจ้องมองฉู่ชวิ๋นที่คุกเข่าอยู่บนพื้น

“หลิวจื้อไจ้ ไอ้แก่สารเลว…” ฉู่ชวิ๋นมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น ดวงตาของเขาแดงก่ำ แต่โชคร้ายที่ทุกคนรู้สึกได้ว่าในขณะนี้เขาอ่อนแอขนาดไหน เนื่องจากการพูดธรรมดาก็ยังมีปัญหาด้วยซ้ำ

“น้ำเทวะเมามาย” สือจินพึมพํา เขารู้จักสิ่งนี้

หลิวจื้อไจ้หันไปมองหน้าเจ้าสำนักสวรรค์ฟ้าและพูดด้วยความภูมิใจว่า “ถูกต้อง น้ำเทวะเมามายถูกส่งต่อกันมาหลายชั่วอายุคน ผมถูกกำชับเป็นอย่างดี ว่าการใช้แต่ละทีต้องระมัดระวังที่สุด ท่านผู้เฒ่าอู๋เป็นคนที่มอบสิ่งนี้ให้กับผม ถือว่าท่านเป็นคนที่มองการณ์ไกลมาก และในวันนี้ น้ำเทวะเมามายก็ได้รับบทบาทสำคัญแล้ว”

“ที่แท้ก็เป็นฝีมือของท่านผู้เฒ่านี่เอง” สือจินพูดด้วยความประหลาดใจ มีแต่เพียงผู้อาวุโสของสำนักสวรรค์ฟ้าเท่านั้นถึงจะมีน้ำเทวะเมามายแบบนี้ แต่ที่เขาสงสัยก็คือ หลิวจื้อไจ้มีมันอยู่ได้อย่างไร?

“ฉู่ชวิ๋น รู้ไหมว่าแม้แต่คนที่เป็นอมตะ ก็ยังต้องพ่ายแพ้ให้กับน้ำชนิดนี้ นายควรรู้สึกเป็นเกียรตินะ ที่มันถูกใช้สำหรับนายโดยเฉพาะ” หลิวจื้อไจ้ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาแล้ว

“ฆ่ามันเดี๋ยวนี้” หลิวไป๋เฟิงทุบกำปั้นด้วยความเจ็บใจ ในขณะนี้ เลือดไหลซึมออกมาจากหน้าอกของเขา ใบหน้าก็เสียโฉมให้ครึ่งหนึ่ง ปากบิดเบี้ยว ดวงตาโปนถลน น่าเกลียดน่ากลัวยิ่งกว่าวิญญาณตายโหงเสียอีก

“เมื่อเขาดื่มน้ำชนิดนี้เข้าไปแล้ว ชีวิตของเขาก็จบสิ้นลงแล้ว หัวหน้าตระกูลหลิวไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ ตอนนี้เขาเป็นลูกไก่ในกำมือของคุณ คุณจะจัดการเขาเมื่อไหร่ก็ได้” สือจินพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ คำพูดของเขาสร้างแรงกระเพื่อมให้เกิดขึ้นแก่คนที่อยู่โดยรอบทันที

“กล้ามาทำตัวอวดดีที่คฤหาสน์ตระกูลหลิวของพวกเรา ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงซะแล้ว พวกเรารีบฆ่ามันกันดีกว่า” คนที่พูดประโยคนี้ออกมา ก็คือคนแรกที่ให้ข้อมูลว่าหลิวเซียงหรูกำลังเก็บตัวอยู่ที่สำนักสวรรค์ฟ้านั่นเอง

“คนข้างนอกบอกว่าไอ้หมอนี่มันเป็นปีศาจใจดำอำมหิต ฆ่าคนได้ตาไม่กะพริบ ฉันว่าไม่ผิดเลยสักนิด แถมยังบังคับให้เราทำสิ่งที่ไม่อยากทำอีกด้วย”

“ใช่ ลูกนางแพศยาอย่างมัน ไม่มีค่าพอให้เข้ามาอยู่ที่นี่เหมือนแม่มันนั่นแหละ ฉู่ชวิ๋นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลหลิวเลย แกกล้าดีมาข่มขู่เราแบบนี้ อย่าหวังเลยว่าพวกเราจะปล่อยแกกลับออกไปง่ายๆ”

“พี่หลิวเซียงหรูเป็นยิ่งกว่าพญามังกรของคนรุ่นใหม่ ตอนนี้เขาได้เป็นศิษย์เอกของสำนักสวรรค์ฟ้า ในอนาคต พญามังกรอย่างเขาจะได้พุ่งทะยานไปอีกไกล ส่วนฉู่ชวิ๋นก็เป็นแค่ลูกนอกคอก อย่างแกยังกล้ามาขู่พวกเราอีกเหรอ เมื่อกี้พวกเราแกล้งทำเป็นถูกแกขู่ไว้ได้ ก็เพราะพวกเรารู้อยู่แล้วว่าแกน่ะไม่ได้จบสวยแน่”

คนกลุ่มนี้ลืมไปหมดแล้วว่าก่อนหน้านี้หวาดกลัวขนาดไหน พอตอนนี้เห็นว่าฉู่ชวิ๋นไม่มีเรี่ยวแรงต้านทานอีกต่อไป ก็เริ่มเปลี่ยนฝ่ายกลับมายืนเคียงข้างเจ้าของคฤหาสน์อีกครั้ง