บทที่ 265 เล็งเป้าที่พี่สะใภ้ + บทที่ 266 หนานกงเช่อมาเยี่ยมเยียน

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 265 เล็งเป้าที่พี่สะใภ้

เฉียวเทียนช่างตะลึงงัน จากนั้นก็ยิ้ม ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้น

“เช่นนั้นร่างกายข้าก็ไม่มีอะไรน่าเป็นกังวลแล้วใช่หรือไม่” เฉียวเทียนช่างลูบหน้าผากตัวเองอย่างช่วยไม่ได้ขณะถาม เขารู้สึกอ่อนแอมากพอแล้ว

เขาเคยกล่าวไว้ว่าอยากจะเอาอกเอาใจหนิงเมิ่งเหยาไปชั่วชีวิต ใครเล่าจะคาดคิดว่าในตอนนี้นางจะต้องมาดูแลเขาแทน

“อย่ากังวลเลยเจ้าค่ะ นายท่าน ไม่มีอาการอะไรรุนแรง ท่านน่าจะหายดีหลังจากกินยาต่ออีกสักวัน” ชิงซวงหดมือกลับมา นางมีรอยยิ้มบางๆ ขณะพูด “ข้าจะไปต้มยาให้นายท่านนะเจ้าคะ”

“ตกลงตามนั้น เจ้าไปเถอะ คอยดูคุณหนูของเจ้าด้วย ให้นางได้กินอะไรอีกสักหน่อย” เฉียวเทียนช่างอดบอกไม่ได้เมื่อเห็นชิงซวงออกไป

“นายท่าน ท่านวางใจแล้วคิดเพียงเรื่องพักฟื้นให้หายดีเถอะเจ้าค่ะ” ชิงซวงกล่าวแล้วออกไปโดยไม่หันกลับมาดู เฉียวเทียนช่างจึงได้แต่มอง

ข้ารับใช้ทำตัวเหมือนเจ้านายโดยแท้ นางถึงกับกล้าพูดกับเขาเช่นนั้น

เฉียวเทียนช่างเดาะลิ้น สีหน้าเขาฉายแววไร้ทางโต้กลับ

แม้พวกนางจะดูเสียมารยาทไปบ้าง แต่ก็ทำให้จวนมีสีสันและน่าสนใจขึ้น

หนิงเมิ่งเหยากำลังกินอาหารอยู่ข้างนอกตอนนางเห็นชิงซวงเดินออกมา นางรีบวางชามในมือลงแล้วถาม “ชิงซวง เป็นเช่นไรบ้าง”

“ได้กินยาอีกสักวันเขาก็ไม่เป็นอะไรแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูไม่ต้องเป็นห่วง” ชิงซวงตอบอย่างใจเย็น

หนิงเมิ่งเหยาโล่งใจเป็นปลิดทิ้งพอได้ยินเช่นนั้น “ข้าก็วางใจได้แล้ว รีบไปต้มยาให้เทียนช่างเสีย”

“เจ้าค่ะ คุณหนู”

หลังจากชิงซวงเดินจากไป หนิงเมิ่งเหยาก็กินอาหารต่ออีกสักพักถึงค่อยกลับไปที่ห้อง

ไม่นานหลังจากนางกลับมาที่ห้อง เหลยอันและหลินจือโยวก็มาด้วยกัน ทั้งสองทำหน้าล้อเลียน

“นายท่าน!” ทั้งสองตะโกนโดยพร้อมเพรียงขณะยืนอยู่ในสวน

หนิงเมิ่งเหยาได้ยินเสียงพวกเขาจากข้างในห้อง นางเดินออกไปเชิญพวกเขาเข้ามา

ทั้งสองเห็นเฉียวเทียนช่างนอนอยู่บนเตียงตอนเข้าไป หน้าเขาซีดเซียว อีกทั้งยังมีตุ่มเล็กๆ เหลืออยู่ตามลำคอ

“นายท่าน ท่านเป็นอะไรไปเสียเล่า” เหตุใดท่านถึงดูอ่อนแรงนัก

แน่นอนว่าพวกเขาไม่กล้าพูดออกมาเช่นนั้นดังๆ จึงได้แต่พึมพำถามในใจ

เฉียวเทียนช่างปรายมองคนทั้งสอง “ข้าไม่เป็นอะไร แค่มีอาการแพ้”

พวกเขาเข้าใจทันทีที่ได้ยิน ดูท่าเขาจะไปกินปูหรืออาหารจำพวกทะเลมาอีกแล้ว

“นายท่าน ดูจากสีหน้าท่านแล้ว เราคิดว่าท่านมัวยุ่งทำเรื่องนั้นอยู่”

พวกเขาเคยได้เห็นเจ้านายในสภาพเช่นนี้มาก่อนที่ไหนกัน

“เหลยอัน เจ้าอยากตายหรืออย่างไร” หนิงเมิ่งเหยากล่าวเสียงชวนขนหัวลุก

บังอาจมาพูดถึงชายของนางเช่นนี้ต่อหน้านาง ดูท่าเขาจะไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปเสียแล้ว

เหลยอันกำลังหลิ่วตา แต่พอเห็นสีหน้าน่ากลัวของหนิงเมิ่งเหยา เขาก็รีบยกสองมือขึ้น “พี่สะใภ้ ข้าผิดไปแล้ว!”

“ฮึ่ม!” หนิงเมิ่งเหยาพ่นลมอย่างเย็นชา “เทียนช่าง พวกเจ้าค่อยๆ คุยกันไปแล้วกัน ข้ายังต้องออกไปทำธุระอีก”

“ตกลง ระวังตัวด้วย พาชิงเซวียนและคนอื่นไปกับเจ้าเสีย” เฉียวเทียนช่างไม่ถามถึงธุระของหนิงเมิ่งเหยา เขาขอเพียงให้นางระวังตัวมากขึ้น

หนิงเมิ่งเหยายิ้มแล้วผงกศีรษะลง นางพาชิงเสวี่ยและคนอื่นไปด้วยหลังจากทักทายทั้งสอง

“ว่ามา พวกเจ้ามาที่นี่ทำไม” เฉียวเทียนช่างรู้จักทั้งสองคนดี พวกเขาไม่มีทางโผล่หน้ามาถ้าไม่มีเรื่องสำคัญ

“นายท่าน หนานกงเช่อหนานกงเช่อยากจะพบท่านกับพี่สะใภ้ เขาแจ้งเรื่องนี้กับฮ่องเต้ไปแล้ว แต่เราเกรงว่าเขาจะเล็งเป้าไปที่พี่สะใภ้” หลินจือโยวและเหลยอันย่นหัวคิ้วขณะอธิบาย พวกเขาล้วนกังวล

เฉียวเทียนช่างอึ้งไป สีหน้าเขาค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น “ทำไมพวกเจ้าจึงคิดเช่นนั้น”

“เขาตามสืบเรื่องข่าวคราวของพี่สะใภ้ ถึงแม้พวกเราจะพยายามขัดขวางเขา แต่ก็…” ทั้งสองมองหน้ากันเอง ในดวงตาต่างมีแววลำบากใจ

“ได้ ข้าเข้าใจแล้ว ไว้เราจะคุยกันต่อเมื่อเขามา”

“ขอรับ แต่นายท่าน ท่านต้องระวังตัวให้ดี หนานกงเช่อไม่ได้จัดการง่ายอย่างที่เห็น” หลินจือโยวพูด นึกกังวลอยู่เล็กน้อย

ถ้าไม่ใช่เพราะจูเหว่ยเปิดโปงที่อยู่ของเขา พวกเขาคงไม่ได้เห็นสันดานแท้จริงของคนผู้นั้น

แต่นับจากวันนั้นมา หนานกงเช่อก็รักษามาดท่าทีอ่อนโยน สุขุมเหมือนบัณฑิตเอาไว้ไม่มีเปิดช่อง ราวกับว่าไม่มีอะไรดึงดูดความสนใจของเขาได้เลย

“ข้ารู้ พวกเจ้าไม่ต้องห่วง” เฉียวเทียนช่างรับทราบแล้ว

หนิงเมิ่งเหยาบอกเขาเรื่องหนานกงเช่อไว้มากมาย เขาพอจะมีความเข้าใจคร่าวๆ เกี่ยวกับตัวชายคนนั้น จึงไม่ได้เป็นกังวลมากนัก

บทที่ 266 หนานกงเช่อมาเยี่ยมเยียน

หลินจือโยวรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นว่าเฉียวเทียนช่างก็มีไพ่ไว้สำหรับรับมือเช่นกัน

“ในเมื่อท่านทราบแล้ว พวกเราก็สบายใจขอรับ” หลินจือโยวยิ้ม

เฉียวเทียนช่างผงกศีรษะลง เขาไม่คิดจะคุยต่อ

หลินจือโยวมองเฉียวเทียนช่างพลางนึกขบขัน “นายท่าน ท่านก็รู้ว่าท่านแพ้อะไร ทำไมท่านถึงได้…ลงเอยด้วยสภาพอ่อนแอเช่นนี้”

“เหยาเหยาชอบกินของพวกนั้น” เฉียวเทียนช่างเมินน้ำเสียงหยอกล้อของหลินจือโยวแล้วตอบอย่างใจเย็น

หลินจือโยวเข้าใจกระจ่างทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น ดูท่าตั้งแต่พี่สะใภ้แต่งงานกับนายท่าน นายท่านของพวกเขาก็ไม่กล้าปฏิเสธนางเลย เขาจึงลงเอยด้วยสารรูปเช่นนี้

หลังจากพินิจมองเฉียวเทียนช่าง หลินจือโยวก็เซ้าซี้เหมือนตาแก่ “นายท่าน ดูท่านจะรักนางหัวปักหัวปำเลยนะขอรับ”

“ข้าไม่เห็นว่าเป็นเรื่องแย่ตรงไหน” เฉียวเทียนช่างเอนตัวพิงกับเตียง เขาเม้มปาก

มีหนิงเมิ่งเหยาร่วมทางกับเขาในอนาคต ไม่เห็นจะมีอะไรเลวร้าย เขาตั้งหน้าตั้งตารอเสียด้วยซ้ำ

หลินจือโยวตกใจ เขาหวนรำลึกถึงเฉียวเทียนช่างสมัยก่อนจะเจอหนิงเมิ่งเหยา แล้วเกิดรู้สึกว่าเฉียวเทียนช่างในตอนนี้ดีทีเดียว เขามีแง่มุมมากกว่าแต่ก่อน

“ท่านแม่ทัพใหญ่ มีคนอยู่ข้างนอกนามว่าหนานกงเช่อยากจะขอพบท่านกับคุณหนูขอรับ” มีเสียงดังมาจากข้างนอก

เฉียวเทียนช่างหรี่ตาลงเมื่อได้ยิน เขามองไปยังหลินจือโยวและเหลยอัน

ทั้งสองเข้าใจในทันทีแล้วรีบผงกศีรษะ พวกเขาช่วยเฉียวเทียนช่างลุกขึ้น แล้วนำเก้าอี้ไปวางในสวน

“ไปเชิญเขาเข้ามา” เฉียวเทียนช่างนั่งลงบนเก้าอี้ มีโต๊ะเล็กๆ อยู่ทั้งทางซ้ายและขวามือ ซึ่งท่านยายฉินได้นำผลไม้กับของว่างมาวางไว้แล้ว

เมื่อย่างเข้ามา หนานกงเช่อเห็นเฉียวเทียนช่างกำลังนั่งอยู่ในสวน เล่นหมากรุกกับหลินจือโยว เหลยอันยืนขมวดคิ้วอยู่ข้างๆ ดูท่าทางสับสน

“นายท่าน ทำไมพวกท่านชอบคำถามยุ่งยากซับซ้อนนัก” เหลยอันงุนงง เขามองยังเจ้านายและที่ปรึกษากองทัพ

เขาปรายสายตาเย็นชาใส่เหลยอัน “ข้าคิดว่าเจ้าต้องจัดการกับอารมณ์ของเจ้าเสียหน่อยนะ”

“นายท่าน ข้าผิดไปแล้ว ข้าจะหุบปากขอรับ” เหลยอันตะครุบปากตัวเองแล้วถอยหลังไปสองถึงสามก้าว บอกเป็นนัยว่าจะหยุดพูด

ในตอนนั้นเอง เขาเผอิญหันมาเห็นหนานกงเช่อยืนอยู่ตรงประตู “นายท่าน องค์รัชทายาทหนานกงมาขอรับ”

เฉียวเทียนช่างวางตัวหมากในมือลง เขาเงยหน้าขึ้นมองหนานกงเช่อที่ยืนอยู่ตรงประตู ชายหนุ่มเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่

“องค์รัชทายาทหนานกง เชิญท่านเข้ามาก่อน” เฉียวเทียนช่างมองยังท่านยายฉินข้างกาย “ท่านยายฉิน ช่วยนำชามาด้วย”

“เจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพใหญ่” ท่านยายฉินหันไปทางห้องน้ำชาที่ทำไว้สำหรับหนิงเมิ่งเหยาโดยเฉพาะ ไม่นานนางก็นำถ้วยใส่ชาร้อนสองใบออกมา

ในนั้นเป็นชาชนิดดีที่สุดชนิดหนึ่งที่หนิงเมิ่งเหยาให้ทงเป่าไจ่ส่งมา เหมาะสำหรับต้อนรับแขก

“ท่านยาย ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย ท่านไม่ยกชานี้มาให้ตอนเรามาถึง กลิ่นหอมเสียจริง” หลินจือโยวกล่าวด้วยน้ำเสียงอาลัยอาวรณ์พลางมองชาในมือท่านยายฉินอย่างอิจฉา

ท่านยายฉินนึกขบขันหลินจือโยว “ข้าจะไปเตรียมถ้วยของพวกท่านแล้วกัน”

“ขอบคุณ ท่านยาย” หลินจือโยวพอใจ

เฉียวเทียนช่างยกถ้วยชาข้างตัวขึ้นมาจิบ “ข้าสงสัยนัก เหตุใดองค์รัชทายาทหนานกงถึงได้มาที่นี่หรือ”

หนานกงนั่งบนอี้ข้างๆ มองยังถ้วยชาข้างตัวแล้วหรี่ตา

ถ้าเขาเดาไม่ผิด นี่คือชาจวินซานอิ๋นเจิน ที่เพิ่งมีขายไม่นาน ปีหนึ่งผลิตได้เพียงสิบชั่ง และมีขายในตลาดไม่ถึงสามชั่ง กระทั่งในวังหลวงก็อาจไม่มีชาชนิดนี้ แต่ในจวนแม่ทัพใหญ่กลับมี ทั้งยังเป็นชาจวินซานอิ๋นเจินสดใหม่เพิ่งเก็บเกี่ยวในปีนี้

“องค์รัชทายาทหนานกงมองอะไรหรือ” เฉียวเทียนช่างจะไม่รู้สึกถึงแววตาดุดันของหนานกงเช่อได้อย่างไร

หนานกงเช่อก้มศีรษะลงมองชาในมือ “ข้านึกสงสัย จวนแม่ทัพใหญ่มีชาชนิดนี้ได้อย่างไรกัน ข้าอยากรู้ว่าแม่ทัพใหญ่เฉียวไปหาซื้อมาจากที่ใด”

เฉียวเทียนช่างเลิกคิ้วขึ้น “ข้าก็ไม่ทราบชัดนัก พี่สาวของภรรยาข้าส่งมาให้”

หนานกงเช่อขมวดคิ้ว พี่สาวของหนิงเมิ่งเหยาอย่างนั้นหรือ เท่าที่เขาจำได้ หนิงเมิ่งเหยาเป็นเด็กกำพร้า ได้หญิงเย็บผ้าเลี้ยงดู

“ถ้าเช่นนั้น…”

“องค์รัชทายาทหนานกงไม่ถามมากไปหน่อยหรือ” เขาไม่อายบ้างหรือที่มาถามคำถามเช่นนี้ในบ้านคนอื่น

หนานกงเช่อขมวดคิ้ว “ข้าเพียงสงสัยเล็กน้อยเท่านั้น”