ตอนที่ 329 ไม่คุยต่อแล้ว!
เหนียนเสี่ยวมู่ยิ่งพูดก็ยิ่งตื่นเต้น และไม่ได้สังเกตเลยว่า น้ำเสียงของตนเองเหมือนกำลังหึงอยู่
แค่คิดถึงตอนที่เขายังเด็ก และข้างกายมีแค่เหวินหย่าไต้ตัวเล็กๆ
เหมือนที่เหวินหย่าไต้พูด เขาไม่สนใจใครทั้งนั้น มีแต่เธอ ผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตที่เข้าใกล้เขาได้…
รักกันตั้งแต่เด็ก อย่างไม่ต้องคาดเดา
โตมาก็ทำงานด้วยกัน รู้ใจกันอย่างยิ่ง
“โอ๊ย”
เหนียนเสี่ยวมู่ยังไม่ทันจินตนาการถึงโบสถ์ที่พวกเขาจูงมือกันเข้าพิธีวิวาห์ เธอก็ถูกเคาะหน้าผากอย่างแรงครั้งหนึ่ง
เสียงทุ้มต่ำของเขาเจือการถากถางเล็กน้อย “จินตนาการเก่งอย่างนี้ ทำไมคุณไม่ไปเขียนนิยายล่ะ”
“…” เธอไม่ได้จินตนาการ แต่เป็นการคาดเดาตามเหตุผล!
การคาดเดาตามเหตุผลของเหนียนเสี่ยวมู่ถูกเขาจับได้ในทันที “หลังจากย่าของผมรับเธอมาได้หนึ่งวัน ผมก็ไล่เธอไปเลย”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…” !!
เขายังเป็นคนอยู่หรือเปล่าเนี่ย
ทำเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลแบบนี้ตั้งแต่เด็ก มิน่าล่ะเขาถึงได้โตมาเป็นก้อนน้ำแข็ง
เพียงแต่พอได้ยินว่าเขาไล่เหวินหย่าไต้ไปอย่างไม่ใยดี หัวใจของเธอกลับดีใจอย่างน่าประหลาด นี่มันเรื่องอะไรกัน
“คุณหลอกฉัน! ถ้าคุณไล่เธอไปแล้ว ทำไมเธอยังบอกว่าพวกคุณโตมาด้วยกันล่ะ”
เหนียนเสี่ยวมู่นึกบางอย่างขึ้นได้ จึงถามออกไปด้วยความสงสัย
ในที่สุดอวี๋เยว่หานก็ทนไม่ไหว ยื่นมือไปกดหัวของเธอเอาไว้
เขาออกแรงกด ไม่ได้ขยี้อย่างอ่อนโยน และใช้แรงที่พอจะหักคอเธอได้ ทำให้เธอเงยหน้ามองเขา
เธอกัดฟันกรอด
“คำพูดของเหวินหย่าไต้เชื่อได้เหรอ”
“…” เขาพูดมีเหตุผล ราวกับขัดขวางความคิดของเธอ
ยังจะคุยกันดีๆ ได้ไหมเนี่ย
อวี๋เยว่หานใช้วายตารักใคร่มองเธอ “ผมไม่ได้ให้เธออยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลอวี๋ แต่เธอก็ใช้ชื่อของย่ามาโผล่หน้าทุกวัน”
“…” นั่นยังไม่เรียกรักกันตั้งแต่เด็กอีกเหรอ
คนหลอกลวง!
“หลังจากนั้นเพื่อเลี่ยงเธอ ตอนกลางวันผมจะไม่ไปสวนหน้าบ้าน ในหนึ่งปีเจอเธอไม่เกินสามครั้ง พูดขึ้นมาแล้วบวกกันยังไม่ถึงสิบเลย จนกระทั่งย่าไม่ให้เธอมาที่คฤหาสน์ตระกูลอวี๋อีก”
“…”
“ถ้าแบบนี้ยังเรียกว่ารักกันตั้งแต่เด็ก งั้นก็ช่างเถอะ”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…”
อยู่ๆ เธอก็เห็นใจเหวินหย่าไต้ขึ้นมา
ชอบผู้ชายอย่างอวี๋เยว่หานได้ สมองต้องผิดปกติจริงๆ
ไม่อย่างนั้นจะมีคนธรรมดาที่ไหนรับได้?
เรื่องนี้น่าอึดอัดอยู่บ้าง คุยต่อไปไม่ได้แล้ว
เปลี่ยนเรื่องเถอะ
“จริงสิ ฉันยังไม่ได้ขอบคุณเรื่องที่คุณช่วยฉันตามหาหวางเมี่ยวเมี่ยวเลย ถ้าคุณไม่ได้ยื่นมือเข้าช่วย ฉันไม่มีทางตามหาหวางเมี่ยวเมี่ยวได้ทันเวลาแน่”
เหนียนเสี่ยวมู่พูด พลางยื่นมือไปคว้าชายเสื้อของเขา
“แต่คำพูดก่อนหน้านี้มันเกินไปหน่อยแล้ว! ถึงจะทำเพื่อช่วยฉัน แต่คุณพูดอย่างนั้นต่อหน้าเพื่อนร่วมงานเยอะแยะขนาดนั้น บอกว่าพวกเรา…พวกเรา…”
“พวกเราอะไร” อวี๋เยว่หานโน้มตัวลงมาหาเธอเล็กน้อย
ใบหน้าเจ้าเล่ห์อยู่ใกล้ปลายจมูกของเธอ
ตอนที่เขาพูดออกมา ความอบอุ่นปะทะที่ใบหน้าของเธอ ทำให้จั๊กจี้อยู่บ้าง
เหนียนเสี่ยวมู่ลืมไปทันที ว่าตนเองจะพูดอะไร
หญิงสาวถูกเขาดันไปข้างๆ โต๊ะประชุม หลังของเธอชนกับโต๊ะประชุม ร่างกายเอนไปข้างหลังเล็กน้อย
เธอกลัวว่าจะล้มลง จึงคว้าเขาเอาไว้ตามสัญชาตญาณ
“เมื่อวานพวกเราไม่ได้อยู่ด้วยกันสักหน่อย!”
“อืม แล้ววันก่อนล่ะ?” อวี๋เยว่หานเลิกคิ้วเล็กน้อย แล้วขยับริมฝีปากบาง
เหนียนเสี่ยวทำหน้างง “นั่นเป็นเพราะเสี่ยวลิ่วลิ่ว…พวกเราบริสุทธิ์…”
ไม่ได้นอนด้วยกันแบบที่ทุกคนจินตนาการโดยสิ้นเชิง!
เมื่อได้ยินดังนั้น นัยน์ตาสีดำของอวี๋เยว่หานพลันหยั่งลึก ลมหายใจดุจปิศาจ “ดังนั้น คุณกำลังจะโทษว่าตอนนั้นผมไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยเลยงั้นสินะ”
ตอนที่ 330 คุณหนีอะไร
อวี๋เยว่หานพูด พลางใช้ดวงตาสีดำกวาดมองริมฝีปากของเธอ
สายตาของเขาลึกซึ้งขึ้น และค่อยๆ เข้าใกล้เธอ
ทีละเล็ก ทีละน้อย…
เพิ่งจะจูบได้ เหนียนเสี่ยวมู่ก็อยากถอยหลังหลบด้วยความเคร่งเครียด แต่มือของเขากลับไวกว่าเธอ
ชายหนุ่มจับท้ายทอยของเธอเอาไว้ ไม่ให้เธอดิ้น
ระหว่างพวกเขาทั้งสองคนพลันมีความอบอุ่นที่อธิบายไม่ได้เพิ่มขึ้นมา
เหนียนเสี่ยวมู่มองชายหนุ่มที่อยู่ใกล้เธอมาก ในหัวเหมือนหมุนติ้วขึ้นมาทันที เธอยื่นมือไปจิ้มหน้าอกของเขา แล้วขู่ว่า
“คุณรีบถอยออกไปนะ ขืนยังไม่ถอยอีก ฉันจะจูบคุณ…อุ๊บ!”
เธอยังพูดไม่จบ ก็ถูกอีกฝ่ายอุดปากไว้แล้ว
การกระทำนี้ทำเอาเธอเบิกตาโพลงมองคนที่อยู่ตรงหน้า!
อยู่ๆ ประตูห้องประชุมก็เปิดออก
“ไม่ได้บอกว่ามีคนอยู่ข้างในเหรอ ทำไมไม่มีเสียงเลยสักนิด…” เสียงพูดพึมพำของเฉินจื่อซินดังมาจากประตู
วินาทีต่อมา เขาก็ได้เห็นทั้งสองคนกอดกันอยู่หน้าโต๊ะประชุม เท้าที่เพิ่งก้าวเข้าไปในห้องประชุมพลันหดกลับไป ราวกับถูกไฟช็อตก็ไม่ปาน
สองมือของเขาจับไหล่ของตนเอง สายตามีแต่ความหวาดหวั่น!
“พะๆ…พวกคุณทำ…”
“ปึง!” พอเหนียนเสี่ยวมู่ได้ยินว่ามีคนมา เธอก็ผลักคนตรงหน้าออกไปอย่างแรงโดยไม่คิด
ก่อนจะยืนตัวตรง และยื่นมือไปปิดปากเอาไว้อย่างรวดเร็ว
“รองประธานเฉิน คุณอย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะคะ ไม่ใช่อย่างที่คุณเห็น…”
เธอเพิ่งจะอธิบาย หลังคอเสื้อก็ถูกคนดึงเอาไว้ ทำให้ทั้งตัวเธอถูกอวี๋เยว่หานหิ้วไปอยู่ข้างหลัง
ตอนนี้เขายืนอยู่ข้างหน้าเธอ ท่ายืนตัวตรงยิ่งทำให้เขาดูสูงส่งหาใดเปรียบ
ถึงแม้จะถูกเฉินจื่อซินเห็นภาพน่าอาย แต่บนใบหน้าน่ามองของเขายังคงเรียบนิ่งดังเดิม
เขาเลิกคิ้วมองเฉินจื่อซินครั้งหนึ่ง สายตาเฉยชาราวกับว่าเฉินจื่อซินต่างหาก ที่เป็นคนทำผิด
ถ้าอีกฝ่ายฉลาดสักหน่อย ก็น่าจะออกไปทันที
เฉินจื่อซินตัวสั่นไปทั้งตัว ก่อนจะรีบอธิบาย “ผมได้ข่าวมาว่าพวกคุณหามือถือของผมเจอแล้ว แถมยังจับคนที่วางแผนเรื่องวันนั้นได้แล้วด้วย ก็เลยอยากมาดูสักหน่อย ไม่ได้ตั้งใจทำลายเรื่องดีของพวกคุณนะครับ!”
“ผมจะไปเดี๋ยวนี้!”
เฉินจื่อซินหมุนตัวอย่างว่องไว แต่เพิ่งจะก้าวขาออกไป เขาก็หันกลับมาด้วยความน้อยใจ “เอ่อ ตอนที่พวกคุณจูบกันครั้งหน้า รบกวนล็อกประตู คนโสดไร้เดียงสาไม่อยากเห็นภาพขัดตาแบบนี้หรอกนะครับ”
“…”
เหนียนเสี่ยวมู่มองเงาหลังของเฉินจื่อซินหายไปอย่างรวดเร็ว ท่าทางเตรียมจะยื่นโทรศัพท์มือถือให้เขาก็ชะงักไปด้วย
ในหัวมีแต่ความว่างเปล่า
เธอเป็นใคร เมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้น…
ระหว่างทางกลับไปที่แผนกประชาสัมพันธ์
หัวสมองของเหนียนเสี่ยวมู่ทึ่มทือไปหมดแล้ว
ตรงหน้ามีภาพที่อวี๋เยว่หานจูบเธออย่างกะทันหันเมื่อครู่โผล่ขึ้นมาไม่หยุด เธอสงบใจลงอย่างยากลำบาก แต่ก็ใจเต้นแรงขึ้นมาทันควัน
เธอใช้สองมือจับใบหน้า ไม่ให้ตนเองคิดมั่วซั่ว พลางมุ่งหน้ากลับไปที่แผนกประชาสัมพันธ์
แต่เพิ่งจะนั่งลงบนที่นั่งของตนเอง โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
เป็นข้อความ
ข้างบนนั้นมีเพียงสองสามตัวอักษรสั้นๆ ‘คุณหนีอะไร’
คนส่ง ‘เจ้าก้อนน้ำแข็ง’
อ๊ากก!
ถูกคนเห็นภาพน่าอายขนาดนั้น เขายังจะถามเธออีกเหรอ ว่าเธอหนีอะไร
หรือว่าหลังจากที่เฉินจื่อซินไปแล้ว เธอยังอยากอยู่ต่อ เพื่อคุยกับเขาว่าเสียดายที่เมื่อครู่จูบไม่สำเร็จเหรอ
แม้เธอจะเป็นคนยั่วเย้าเขาเอง
แต่ถึงอย่างไรเธอก็เป็นผู้หญิง เธอรักนวลสงวนตัวมาก!
เหนียนเสี่ยวมู่อาย สองมือจับโทรศัพท์มือถือพิมพ์ตอบกลับไปทีละคำ
หลังจากอัดอั้นอยู่เกือบสามนาที เธอถึงจะพิมพ์ออกมาได้คำหนึ่ง ‘ตอนนี้งานฉันยุ่งมาก ถ้ามีธุระอะไร ไว้เดี๋ยวค่อยคุย!’
เมื่อกดส่งไปแล้ว เธอก็โยนโทรศัพท์ใส่ลงในลิ้นชักของตนเอง และลงล็อก!