เจียงซวี่มองนางด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยามและในแววตาเต็มไปด้วยความสมเพช

กู้ชูหน่วนหยิบระฆังวิญญาณสะบั้นออกมาจากในอกและพูดอย่างแผ่วเบา “พวกเจ้าก็แค่ต้องการระฆังวิญญาณสะบั้นไม่ใช่หรือ เช่นนั้นข้ามอบให้กับพวกเจ้าก็ได้ ถึงอย่างไรเสีย ของสิ่งนี้ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเมื่ออยู่กับข้า”

เมื่อพูดจบ นางก็โยนระฆังวิญญาณสะบั้นไปข้างหน้า

“เชอะ เชอะ เชอะ……”

ทุกคนในเผ่าปีศาจต่างพากันวิ่งเข้าไปแย่งชิงระฆังวิญญาณสะบั้น ขณะเดียวกันแววตาของกู้ชูหน่วนก็เย็นชาขึ้นและเมื่อนางยกมือขึ้น เข็มจำนวนหลายสิบเล่มก็ยิงออกไปยังผู้ที่ล้อมพวกเขาไว้ฝั่งตรงข้าม จากนั้นนางคว้าเซี่ยวอวี่เซวียนด้วยมือข้างเดียว

“ไปกันเถอะ”

“แม่สาวอัปลักษณ์ ข้าไม่ไปไหนทั้งนั้น”

“หยุดพูดจาเหลวไหล รีบกลับไปตามคนมาช่วย”

“บึ้ม……”

หลังจากที่กล่องไม้มะเกลือตกลงกระแทกพื้น ก็มีเสียงดังเกิดขึ้นและลูกน้องเผ่าปีศาจที่อยู่ไม่ไกลต่างก็บาดเจ็บสาหัส

เจียงซวี่ก็ใบหน้าคลุกฝุ่นและบาดเจ็บด้วยเช่นกัน

เขาโมโห “นังตัวดี แกกล้าทำกับข้าอย่างนั้นหรือ”

“อุ๊ย ขอโทษนะ ข้าตกใจเลยโยนผิดไปน่ะ”

“จับตัวนางมาให้ได้ ข้าจะสับนางให้ละเอียดเป็นชิ้นๆ เลยคอยดู”

ยังไม่ทันที่เจียงซวี่จะพูดจบ คนเหล่านั้นต่างพากันมาห้อมล้อมกู้ชูหน่วน มีคนหนึ่งโบกธงที่มีสัญลักษณ์รูปดอกกล้วยไม้ไปทางกู้ชูหน่วน

ธงของพวกเขาไม่ใช่ธงผ้า แต่เป็นธงมีดที่มีความแหลมคม หากไปโดนเข้าจะต้องกลายเป็นศพในทันที

คนเหล่านี้แบ่งเป็นกลุ่มละแปดคนและไม่สามารถคาดเดาการเคลื่อนไหวของพวกเขาได้เลย พวกเขาแบ่งกำลังเป็นห้าเหลี่ยมและเข้าโจมตีพร้อมกัน

ธงล่าเหยื่อโบกสะบัดไปตามลมและการลงมือก็โหดเหี้ยมมาก

กู้ชูหน่วนเขย่งเท้าเล็กน้อยและใช้กำลังภายในเพื่อหลบการเข้าจู่โจมของพวกเขา

นางไม่ต้องการต่อสู้ด้วยความประมาท เพราะคนทั้งแปดคนนั้นมีความสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะกำลังภายในหรือวิชาตัวเบา พวกเขาต่างก็ยอดเยี่ยม อีกทั้งข้างกายก็ยังมีเจียงซวี่และผู้อาวุโสอีกสองคน รวมไปถึงมือธงที่กำลังจับจ้องราวกับเสือล่าเหยื่อ

ถึงแม้ว่านางจะนำผงพิษและเข็มพิษมาด้วยจำนวนมาก แต่การถูกลอบฆ่าตลอดหนึ่งคืนที่ผ่านมานี้ ทำให้นางเหลือผงพิษและเข็มพิษจำนวนไม่มากแล้ว

นอกจากนี้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้ที่มีความสามารถสูงจำนวนมากเหล่านี้ อาวุธลับที่แสนธรรมดานี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรมาก

นึกถึงเมื่อสักครู่ ที่เซี่ยวอวี่เซวียนและเด็กหนุ่มเผชิญหน้ากับผู้มีวิทยายุทธสูงส่งจำนวนมากที่ไล่ฆ่า แต่นางกลับไม่ได้เข้าไปช่วย แต่กลับใช้วิธีการของตัวเองในการจัดการกับศัตรูอย่างเงียบๆ

อาวุธลับผงพิษก็ดูเหมือนเกือบจะใช้หมดแล้วในตอนนั้น

กู้ชูหน่วนครุ่นคิดหาวิธีจัดการในขณะที่หลบเลี่ยงและกำจัดค่ายกลกระบี่การจู่โจมจากพวกเขา

เจียงซวี่ถามไปยังผู้อาวุโสทั้งสอง “ไหนบอกว่านางไม่มีวิทยายุทธไม่ใช่หรือ?”

แววตาของทั้งสองหรี่ลงด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย

ข่าวที่ได้รับมาบอกว่านางไม่มีวิทยายุทธนี่นา

และจากการมองดูตอนนี้นั้น นางก็ไม่มีกำลังภายใน

เพียงแค่คนคนเดียวที่ไม่มีกำลังภายใน แต่กลับมีฝีมือทางด้านวิชาตัวเบาได้ยอดเยี่ยมเช่นนี้ ที่แม้แต่ปรมาจารย์ก็ยากที่จะฝึกฝนไปถึงขั้นนี้ได้

หากเขาเดาไม่ผิด วิชาตัวเบาของกู้ชูหน่วนนี้ เกรงว่าจะไปถึงระดับขั้นที่สองแล้ว

“บึ้ม……”

ไม่ว่าธงสัญลักษณ์ลมจะไปทางไหน ก็เกิดความโกลาหลทุกที่ ทุกสิ่งทุกอย่างถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน แม้กระทั่งร้านช่างตีเหล็กก็ถล่มทลายลงกับพื้น

ไม่ไกลออกไปนัก เซี่ยวอวี่เซวียนที่เพิ่งหลบหนีจากการถูกปิดล้อมก็ถูกห้อมล้อมอีกครั้ง อีกทั้งยังถูกแขวนและทำร้ายร่างกายตลอดทาง

เขารู้สึกเหนื่อยล้าและหมดแรงด้วยความสะพรึงกลัวอย่างมาก และพื้นก็เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดในระหว่างทางที่เขาผ่านไป

กู้ชูหน่วนเห็นเช่นนั้น แววตาอันเยือกเย็นของกู้ชูหน่วนก็ปรากฏขึ้น นางหยิบไม้กระบองขึ้นมาและทุบตีออกไปอย่างแรงและรวดเร็วโดยไม่คำนึงถึงชีวิตของตัวเอง นางเดินก้าวเข้าไปยังเซี่ยวอวี่เซวียน

คำพูดที่พูดตักเตือนออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หากเซี่ยวอวี่เซวียนเป็นอะไรไป ข้าจะเอาชีวิตของทุกคนในเผ่าปีศาจมาสังเวยให้กับเขา”

นางโจมตีด้วยความโกรธจัด ค่ายกลกระบี่ทั้งแปดของพวกเขาถูกนางทำลายอย่างยับเยินและคนทั้งแปดก็ถูกโจมตีอย่างแรงในทันที

กู้ชูหน่วนถือกระบองและเดินไปข้างหน้าอย่างไม่มีทีท่าจะหยุดและทำการทุบตีทุกคนที่กำลังห้อมล้อมเซี่ยวอวี่เซวียนทีละคนๆ

และ……

ทุบตีไปยังศีรษะของพวกเขาอย่างแรง

นักวิทยายุทธทุกคนไม่มีใครไม่รู้ว่าห้ามทุบตีไปยังศีรษะ เพราะนั่นเป็นวิธีที่ทำให้น่าอับอายขายหน้าอย่างมาก

แต่กู้ชูหน่วนกลับเป็นคนไม่แยแสและหยิ่งผยองเช่นนั้น

“ผยองนัก”