ตอนที่175 ได้คะแนนเพิ่ม
“คุณหลิว ประธานจากบริษัทอวู่โจว อินเตอร์เนชั่นแนล กำลังรอเข้าพบประธานชูที่ห้องน้ำชาค่ะ เห็นว่ามีเรื่องสำคัญอย่างมากต้องการคุยด้วย”
เฉิงเจียซินย่างเข้ามายืนใกล้ในระยะห่างราวสามก้าวพร้อมกล่าวรายงานให้ชูซินซูฟัง เนื่องจากนี่เป็นตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดในการยืนรายงานผู้เป็นเจ้านาย
ใกล้เกินงามก็อาจทำให้เจ้านายอึดอัดไม่สบายใจได้ แต่ถ้าอยู่ไกลเกินไปก็อาจต้องเพิ่มเสียงพูดให้ดังขึ้น จนอาจกลายเป็นตะโกนทำให้เจ้านายตกใจได้เช่นกัน
ชูซินซูตอบกลับไปแบบส่งๆ
“บอกเขาไปว่าฉันติดธุระ ไม่ว่างไปคุยด้วย”
“รับทราบค่ะประธานชู”
เฉิงเจียซินตอบรับโดยปราศจากข้อโต้แย้งใดๆ
“ส่วนเรื่องการเข้าซื้อกิจการเครื่องบินโดยสารขนาดเล็กของกัลฟ์สตรีมได้รับการตกลงเรียบร้อยแล้ว และมิสเตอร์แฮมเมอร์เองก็หวังว่าจะได้เดินทางมาพบด้วยตัวเองสักครั้งค่ะ”
“ให้มิสเตอร์แฮงค์รับผิดชอบไป”
เฉิงเจียซินพยักหน้าก่อนจะส่งกองเอกสารชุดหนึ่งในมือให้ พร้อมกับรายงานต่อว่า
“นี่เป็นแฟ้มข้อมูลของฉีเล่ยในช่วงสัปดาห์ล่าสุดค่ะ”
หากเป็นเมื่อก่อนแฟ้มข้อมูลฉีเล่ยจะประกอบไปด้วยเอกสารปึกใหญ่ แต่ปัจจุบันกลับมีเพียงนิดเดียว นี่เป็นเพราะครั้งล่าสุดชูซินซูกำชับว่าเธอจะเป็นคนตรวจสอบข้อมูลของฉีเล่ยด้วยตัวเอง แต่เพื่อช่วยเจ้านายประหยัดเวลา เฉิงเจียซินจึงอาสาไปสรุปข้อมูลทั้งหมดให้อย่างย่อๆ แต่ก็ไม่มีข้อมูลสำคัญใดตกหล่นไปเช่นกัน
เมื่อเห็นดังนั้น ชูซินซูก็ดูท่าจะสนใจขึ้นมาทันที
ชูซินซูหยิบแฟ้มขึ้นมาเปิดออกมาดูทันที ก่อนจะพบว่าภายในเต็มไปด้วยชิ้นส่วนหนังสือพิมพ์ที่ถูกตัดแปะจากหลายสำนักข่าวมารวมกัน
“ทายาทแห่งวิชาสามเข็มปาฏิหาริย์ปรากฏตัวแล้ว! เขาสามารถเอาชนะเป่ยฉวนเทียนแห่งตระกูลเข็มเทวะไปได้อย่างขาดลอย!”
“ฉีเล่ย ผู้สืบทอดวิชาที่หายสาบสูญ สามเข็มปาฏิหาริย์! นี่ถือเป็นก้าวสำคัญของวงการแพทย์แผนจีน!”
“วิชาสามเข็มปาฏิหาริย์ของฉีเล่ยเป็นของจริงหรือของลวงโลกกันแน่?!”
“สุดยอดเคล็ดวิชาที่หายสาบสูญจากหน้าประวัติศาสตร์กว่าหลายร้อยปีได้ปรากฏอีกครั้งแล้ว! ฉีเล่ย ผู้สืบทอดวิชาสามเข็มปาฏิหาริย์หนึ่งเดียวบนโลก!”
“สรุปแล้ว การแพทย์แผนจีนเป็นแค่วัฒนธรรมอันเก่าแก่ของประเทศจีน หรือเป็นทักษะทางการแพทย์ที่สามารถใช้ได้จริงกันแน่?”
เนื้อหาในหนังสือพิมพ์เหล่านี้ มีบางส่วนที่ยกย่องฉีเล่ยเป็นยอดอัจฉริยะผู้นำแห่งวงการแพทย์แผนจีนหน้าใหม่ บางสำนักพิมพ์เขียนถึงขั้นว่าเขาคือผู้กอบกู้แห่งวงการแพทย์แผนจีน และบางเจ้าก็กล่าวหาว่าเป็นโฆษณาชวนเชื่อที่หวังกระตุ้นให้วัฒนธรรมจีนชนิดนี้กลับมาโด่งดังเฉยๆเท่านั้น ส่วนเรื่องทายาทวิชาสามเข็มปาฏิหาริย์อะไรนั่นเป็นเพียงแค่เรื่องไร้สาระ
ไม่ว่าจะเป็นข่าวที่ดีหรือไม่ดี แต่สิ่งหนึ่งที่พิสูจน์ได้ชัดเจนก็คือ ตอนนี้ฉีเล่ยเริ่มมีชื่อเสียงแล้ว
ชูซินซูปิดแฟ้มในมือลง พร้อมกับพูดขึ้นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“น่าสนใจ”
มีผู้ชายเพียงหยิบมือเท่านั้นที่จะสามารถดึงดูดเพศตรงข้ามให้เกิดความสนอกสนใจได้
“เจียซิน จะเกิดอะไรขึ้นถ้าตระกูลชูของฉันจะให้การสนับสนุนเขาอย่างเต็มกำลัง เพื่อฟื้นฟูวงการแพทย์แผนจีนของประเทศเรา?”
ทันทีที่พูดจบ เธอก็เอนกายนอนลงบนโซฟาแสนนุ่มอีกครั้ง พร้อมกับยืดกายบิดขี้เกียจเล็กน้อย สีหน้าดูผ่อนคลายอย่างยิ่ง
เฉิงเจียซินยืนนิ่งใช้ความคิดวิเคราะห์อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวตอบเจ้านายสาวไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า
“จากสถานการณ์ที่พัฒนามาจนถึงจุดนี้ แสดงให้เห็นว่า เขามีความสามารถมากพอที่จะแบกรับความรับผิดชอบต่างๆ ที่มากระทบกับการแพทย์แผนจีนโดยตรงได้ ด้วยวิชาการแพทย์ที่สูญหายไปนานนับหลายร้อยปีในมือของเขา ฉีเล่ยน่าจะนำพาให้ศาสตร์แพทย์แขนงนี้กลับมาเฟื่องฟูได้ค่ะ”
ดวงตาคู่สวยของชูซินซูฉายแววเปล่งประกายสว่างวาบขึ้นในทันที
“เธอแน่ใจเหรอ?”
แต่เพิ่งจะนึกชื่นชมฉีเล่ยได้ไม่ทันไร ความคิดเหล่านั้นในหัวของเฉิงเจียซินพลันหายวับไปทันที เมื่อเจอคำถามนี้จากเจ้านายสาวของเธอเข้า
“แต่ถ้าฉันทำแบบนั้น เขาจะชอบฉันไหม?”
เวลานี้ เฉิงเจียซินแทบอยากจะจับฉีเล่ยมาทรมานสักวันสองสามวันให้เข็ดหลาบ
ชายหนุ่มคนนี้เล่นของหรือไสยศาสตร์มนต์ดำอะไรรึเปล่า ถึงได้สามารถเปลี่ยนประธานสาวน้ำแข็งผู้ไร้อารมณ์คนนี้ของเธอ ให้กลายมาเป็นสาวน้อยคลั่งรักได้มากขนาดนี้?
เฉิงเจียซินแอบถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ก่อนจะตอบไปว่า
“ดิฉันไม่ทราบค่ะ”
แม้ว่าภายในใจของเธอจะไม่ค่อยชอบฉีเล่ยสักเท่าไหร่นัก แต่เธอยังต้องไล่คอยสืบหาข้อมูลของอีกฝ่ายต่อไป
ความภักดี คือกฎข้อแรกที่ผู้ใต้บัญชาควรปฏิบัติต่อผู้เป็นนายอย่างเคร่งครัด
“ถ้าฉันให้การสนับสนุนเขาทุกอย่าง จะมีทางเปลี่ยนให้เขามาเป็นของของฉันได้ไหมนะ? ต้องทำยังไงให้เขารักฉัน?”
ชูซินซูถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อนึกถึงสีหน้าท่าทางที่สุดแสนจะเย็นชาของฉีเล่ยในครั้งหลังสุดที่พบกัน
“เพิ่มลงไป1คะแนนในแฟ้มของเขา”
1คะแนน?
ดวงตาของเฉิงเจียซินถึงกับเบิกกว้าง เลาขาสาวรีบร้องเตือนทันทีว่า
“ประธานชูค่ะ ตามกฎของเรา ประธานจะสามารถเพิ่มคะแนนได้ครั้งละ0.5คะแนนเท่านั้นนะคะ เว้นเสียแต่ว่าบุคคลนั้นๆจะให้การช่วยเหลือท่านประธารและครอบครัว ถึงจะมีการพิจารณาให้คะแนนพิเศษได้”
เธอเป็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยพื้นฐานตารางการให้คะแนน และบางคนก็รู้ดีว่าตารางคะแนนนี้เปรียบได้ดั่งตารางทองคำอันมีค่าอย่างไม่อาจประเมินได้ และพวกเขาก็ยินดีที่จะทุ่มเทเงินกว่าหลายล้านหยวนเพื่อให้ได้หนึ่งคะแนนนั้นมาเพิ่ม
โดยปกติแล้ว บรรดาชายหนุ่มมหาเศรษฐีหลายคนได้พยายามอย่างหนัก เพื่อให้ชูซินซูเพิ่มคะแนนลงไปในช่องตารางด้านหลังชื่อของพวกเขา หากจะพูดว่าคะแนนเพียงแค่หนึ่งคะแนนนั้น มีค่าเป็นหลักล้านหยวนเลยก็คงจะไม่เกินจริงนัก
ชูซินซูปัดปอยผมที่ตกลงมาเล็กน้อยขึ้น พร้อมกับจ้องมองเฉิงเจียซินด้วยดวงตาคู่สวยนั้น เธอร้องบอกกับเลขาสาวด้วยน้ำเสียงเจือหัวเราะแผ่วเบาว่า
“เจียซิน ปีนี้เธออายุ 26แล้วใช่ไหม?”
“ใช่ค่ะ เดือน9นี้ก็จะเข้า26ปีพอดีค่ะ”
“หัดรู้จักมีความรักได้แล้ว”
“…” เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของเฉิงเจียซินที่ดูอ้ำๆอึ้งๆไป ชูซินซูจึงได้เอ่ยถามเสียงเรียบว่า
“มีเพียงรักแท้เท่านั้นที่ไม่สามารถใช้กฎเกณฑ์ใดๆมาจำกัดได้ เธอในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งก็ควรจะเข้าใจเรื่องนี้ดีไม่ใช่เหรอ?”
ดังคำพูดที่ว่า แม้คนหนึ่งตาย แต่จะยังมีชีวิตอยู่ในใจอีกคนไปตลอดกาล
คอมพิวเตอร์ไม่ใช่เครื่องมือที่แม่นยำที่สุด เพราะมันไม่สามารถคำนวณความรักหรือเกลียดอย่างเป็นรูปธรรมได้
เฉิงเจียซินกล่าวตอบอย่างสุภาพขึ้นทันที
“รับทราบค่ะ ดิฉันจะเพิ่ม1คะแนนลงไปในแฟ้มประวัติของเขาแล้ว เพราะฉะนั้น ในตอนนี้เขามีคะแนนรวมอยู่ที่ 99คะแนน จัดอยู่ในบุคคลระดับสูงในชีวิตของประธานชูเลยค่ะ”
อันที่จริงเธอไม่เข้าใจอะไรเลย
การศึกษาและการเลี้ยงดูตลอดที่ผ่านมา ได้หล่อหลอมหญิงสาวคนนี้ให้กลายมาเป็นเครื่องจักรที่เอาแต่ทำงานเท่านั้น ฉะนั้นแล้ว สำหรับสิ่งที่อยู่นอกเหนือเหตุและผลอย่างความรัก เธอจึงไม่สามารถบอกได้เช่นกันว่ามันคืออะไรกันแน่
ชูซินซูโบกมือส่งสัญญาณให้เฉิงเจียซิน เธอจึงได้ก้าวเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ
ชูซินซูเอื้อมมือไปเปิดแฟ้มตรงหน้าขึ้นดูอีกครั้ง สายตาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้ายิ้มแย้มของฉีเล่ย ชูซินซูถึงกับหน้าแดงและจมอยู่กับความคิดที่สวยงามของตัวเอง
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!!
ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้จังหวะเคาะทั้งเร็วและหนักหน่วงอย่างมาก เสียงดังจนน่ารำคาญทำให้ชูซินซูถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากันทันที
“เข้ามาได้”
แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยพอใจกับเสียงเคาะประตูนั้นมากนัก แต่สุดท้ายก็ต้องจำใจต้องอนุญาตให้อีกฝ่ายเข้ามาอยู่ดี เพราะชูซินซูรู้ดีว่า มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่กล้าเคาะประตูเสียงดังขนาดนี้ มีแค่เขาคนเดียวจริงๆ
ประตูไม้หนาถูกผลักออก เผยให้เห็นใบหน้าสวยและมีเสน่ห์ของใครบางคน
ชูซินฮังเดินตรงเข้ามาด้วยรอยยิ้มอันเย็นยะเยือก
“พี่ซิน! ผมอยากฆ่าพี่ให้ตายซะตรงนี้จริงๆ! ปล่อยให้ผมรอตั้งนาน!”
ตามที่คาดไว้ไม่มีผิด มีแค่คนเดียวเท่านั้นที่กล้าเคาะประตูห้องเธอด้วยเสียงที่ดังแบบนี้ และนั่นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากน้องชายของเธอชูซินฮังนั่นเอง
ชูซินซูพ่นลมหายใจอย่างเย็นชาออกมาหนึ่งทีก่อนจะสั่งว่า
“นั่งลง”
ชูซินฮันไม่ได้สนใจอะไรทั้งสิ้น เขาลากเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่งตรงข้ามกับเธอพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“พี่ซินนี่สวยวันสวยคืนเลยนะ”
ชูซินซูลุกขึ้นเดินไปเปิดคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงาน แกล้งทำเป็นว่าตัวเองกำลังยุ่งมาก
“มีอะไรก็รีบๆพูดมา พี่ต้องทำงานต่อแล้ว”
ชูซินฮังพยักหน้าตอบไปว่า
“พี่ซิน พี่เป็นเสาหลักของตระกูลซูนะ เป็นเรื่องปกติไหมที่ยุ่งอยู่ตลอดเวลา? ถึงแม้น้องคนนี้จะไม่ค่อยช่วยอะไรที่เป็นประโยชน์ได้ก็จริง แต่ผมก็ห่วงสุภาพพี่ซินนะ”
ชูซินซูเลิกคิ้วเล็กน้อยอย่างกับว่ารู้ทัน เธอมองข้ามความห่วงใยจอมปลอมเหล่านั้นไปทันที
“มีอะไรก็พูดมา เสี่ยวฮัง พี่รู้ว่าที่แกมาหาพี่แบบนี้ต้องมีอะไรแน่ๆ”
“ถูกต้องนะคร๊าบบ พี่ซินของผมทั้งสวยทั้งฉลาดที่สุดเลย!”
ชูซินฮันยิ้มหวานให้พร้อมกับถามขึ้นว่า
“งั้นลองเดาสิว่า ที่ผมมาหาแบบนี้เพราะมีเรื่องอะไรกันแน่?”
ชูซินฮังเองย่อมไม่รู้ตัวแน่นอนว่า ท่าทางของในตอนนี้ดู‘น่ารัก’ขนาดไหน น้องชายคนนี้ของเธอดูสวยมากจนแทบไม่อยากคิดเลยว่าจะเป็นผู้ชาย ทั้งผิวพรรณที่ขาวนวลเนียนราวกับหยก มิหนำซ้ำยังมีขนตาที่งอนยาวแบบที่ผู้หญิงเห็นแล้วต้องอิจฉา ไว้ผมยาวมัดเป็นหางม้า ใส่หมวกเบสบอสสีขาว
เอาเข้าจริง ถ้าชูซินซูออกไปเดินเที่ยวข้างนอกพร้อมกับชูซินฮัง ทุกคนคงต้องทักเป็นเสียงเดียวกันว่า พี่สาวพาน้องสาวออกมาเดินเล่น
รูปลักษณ์ภายนอกของสองคนนี้ดูคล้ายกันอย่างมาก จนดูเหมือน‘น้องสาว’แทนที่จะเป็น‘น้องชาย’จริงๆ