ภาคที่ 2 ตอนที่ 36 กระบี่เหล็กยังคงอยู่

มรรคาสู่สวรรค์

เสียงฮือฮาดังขึ้นมา เหล่าศิษย์ชิงซานคาดเดาเจตนาของจิ๋งจิ่วได้

 

เขาคิดอยากจะท้าทายทั้งยอดเขาเหลี่ยงว่าง? เพราะเขาต้องการจะแก้แค้นให้หลิ่วสือซุ่ยอย่างนั้นหรือ?

 

แน่นอนว่าอาจมิได้เป็นเพราะเหตุผลนี้เช่นกัน เนื่องเพราะจิ๋งจิ๋วเคยมีความบาดหมางกับยอดเขาเหลี่ยงว่างมาก่อนหน้านี้

 

เวลาส่วนใหญ่ศิษย์ชิงซานจะเก็บตัวบำเพ็ญเพียร แต่หลายๆ คนต่างก็รู้เรื่องที่เกิดขึ้นริมธารสี่เจี้ยนในครั้งนั้น

 

ศิษย์ยอดเขาเหลี่ยงว่างกลับถูกศิษย์ขั้นล้างกระบี่ธรรมดาคนหนึ่งเล่นงานจนพูดอะไรไม่ออก นี่ถือเป็นเรื่องที่พบเห็นได้น้อยมาก

 

กู้หานจะรับคำท้าของเขาหรือไม่?

 

คำถามนี้ไม่มีทางมีคำตอบอื่น

 

ลำแสงกระบี่วูบไหวเล็กน้อย

 

กู้หานลงมายืนบนเสาหิน มองดูจิ๋งจิ่วพลางกล่าว “ข้าไม่ชอบเจ้ามาโดยตลอด แต่ในที่สุดวันนี้ก็มองเจ้าเปลี่ยนไปบ้าง”

 

เขาหมายถึงเรื่องที่จิ๋งจิ่วยอมก้าวออกมาท้าทายยอดเขาเหลี่ยงว่างเพื่อหลิ่วสือซุ่ย

 

จิ๋งจิ่วเข้าใจความหมายของเขา จึงกล่าวว่า “ความคิดที่ข้ามีต่อเจ้ายังคงไม่เปลี่ยน”

 

หลายปีก่อน เมื่อยอดเขาเหลี่ยงว่างเริ่มมีสถานะพิเศษในสำนักชิงซาน เขาก็เริ่มไม่ชื่นชอบที่นั่น

 

หลังจากนั้นอีกหลายปี เขายังคงไม่ชื่นชอบยอดเขาเหลี่ยงว่าง อย่างเช่นเจ้าอ้วนคนนั้นกับกั้วหนานซาน

 

แต่คนที่เขาไม่ชอบมากที่สุดก็คือกู้หาน เรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกู้ชิงซึ่งเป็นศิษย์คนปัจจุบันของเขาอยู่บ้าง แต่ที่มากกว่านั้นย่อมเป็นเพราะหลิ่วสือซุ่ย

 

หรือไม่ก็เป็นเพราะคืนนั้นตอนที่อยู่ภายในถ้ำริมธารเมื่อสี่ปีก่อน หลิ่วสือซุ่ยกล่าวถึงกู้หานมากเกินไป เรียกกู้หานว่าศิษย์พี่อย่างไม่เคอะเขิน ทั้งยังชื่นชมกู้หานว่าเป็นคนดี

 

“แม้นเจ้าจะบรรลุขั้นมิประจักษ์ แต่เจ้าก็ยังมิใช่คู่ต่อสู้ของข้าอยู่ดี”

 

กู้หานมองเขาพลางกล่าวด้วยสีหน้าราบเรียบ “ข้ารู้ว่าอารมณ์ข้ามิค่อยดีเท่าไร แต่วิถีกระบี่ของข้าไม่มีปัญหา”

 

จิ๋งจิ่วกลาว “ข้าเคยบอกเจ้าแล้ว สำหรับข้า วิถีของพวกเจ้าล้วนแต่ผิด”

 

ทั้งวิถีล้วนผิด เช่นนั้นวิถีกระบี่ก็ย่อมมีปัญหา

 

กู้หานจำได้แม่น เมื่อสามปีก่อนบนยอดเขาซีไหล จิ๋งจิ่วเคยกล่าวเช่นนี้กับกั้วหนานซาน

 

“พิสูจน์ให้พวกข้าเห็น”

 

กู้หานสะบัดแขนเสื้อเบาๆ

 

ลำแสงกระบี่สีขาวพุ่งออกมา

 

ชั้นเมฆบนท้องฟ้าพลันม้วนบิดเป็นเกลียว

 

ตรงตำแหน่งที่กระบี่บินผ่านจะมีเสียงฟ้าคำราม พร้อมทั้งลำแสงเส้นเล็กๆ จำนวนนับไม่ถ้วน คล้ายกับสายฟ้าที่หดขนาดเล็กลงจากเดิมหลายเท่า

 

เขาใช้เพลงกระบี่แปดทิศของยอดเขาปี้หู!

 

สิ่งที่ทำให้คนรู้สึกประหลาดใจก็คือกระบี่ของจิ๋งจิ่วนั้นรวดเร็วอย่างมาก ออกทีหลังแต่กลับถึงก่อน!

 

ตรงกลางระหว่างเสาหินทั้งสองต้น กระบี่สองเล่มพบกัน ส่งเสียงดังสนั่น

 

คลื่นอากาศระเบิดออก กระบี่เหล็กเบี่ยงออกแล้วบินกลับมา

 

แม้นปราณกระบี่ของจิ๋งจิ่วจะมหาศาลเพียงใด แต่เขาก็ไม่สามารถอาศัยเพียงความเร็วในการชดเชยความต่างของสภาวะได้

 

กู้หานมองเขาอย่างเงียบๆ

 

ลำแสงสีขาวยังคงเคลื่อนที่ไปข้างหน้า

 

สีหน้าจิ๋งจิ่วมิแปรเปลี่ยน เขายื่นมือคว้าจับด้ามกระบี่ หมุนตัวแล้วก้าวเดิน

 

เสียงวูมดังขึ้น ร่างกายเขาหายไปจากเสาหิน

 

อึดใจต่อมา เขาไปปรากฏตัวอยู่บนเสาหินอีกต้นที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบจ้าง

 

แต่ในเวลาเดียวกัน กระบี่ของกู้หานมาถึงอีกครั้ง

 

จิ๋งจิ่วคล้ายสามารถมองเห็นภาพด้านหลัง เขาบังคับกระบี่บินหลบการโจมตีนี้ ก่อนจะมายังหน้าผาที่อยู่ทางด้านเหนือของป่าหิน

 

กระบี่เหล็กบินผ่านด้านหน้าของหน้าผา ไม่มีเมฆหมอกบดบัง มองเห็นได้อย่างชัดเจน ตรงพื้นด้านล่างมีเสียงอุทานตกใจดังเป็นช่วงๆ

 

ทุกคนคิดไม่ถึงว่าความเร็วของกระบี่ของจิ๋งจิ่วและความเร็วในการควบคุมกระบี่จะรวดเร็วจนน่าตกใจเพียงนี้

 

กระบี่ของกู้หานไล่ตามหลังเขาเหมือนเป็นเงาตามตัว ค่อยๆ เข้าใกล้ แต่กลับยังไล่ไม่ทัน

 

กระบี่ที่แบกคนเอาไว้กลับสามารถแข่งกับกระบี่บินเปล่าๆ ได้ นี่มันเป็นความเร็วแบบไหนกัน?

 

สถานการณ์ในเวลานี้แตกต่างกับการประลองก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง

 

จิ๋งจิ่วตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบโดยสิ้นเชิงคล้ายหม่าหวา

 

เวลานี้กู้หานกำลังครองความได้เปรียบ เขาย่อมไม่มีทางปล่อยให้โอกาสหลุดมือไป สายตาเยือกเย็นเล็กน้อย มือขวาร่ายเคล็ดกระบี่

 

ลำแสงกระบี่สีขาวจู่ๆ ก็ยาวขึ้น จากนั้นฟันไปทางหน้าผา

 

กระบี่เหล็กหมุนอย่างฉับพลัน พาจิ๋งจิ่วหลบการโจมตี

 

ลำแสงสีขาวพุ่งไปข้างหน้าอีกครั้ง

 

กระบี่เหล็กหลบอีกครั้ง

 

บนหน้าผามีรอยฟันของกระบี่เกิดขึ้นหลายรอย เศษหินร่วงตกลงไปด้านล่าง

 

จิ๋งจิ่วบังคับกระบี่ออกไปไกลขึ้น ลำแสงกระบี่สีขาวตามติดไม่ปล่อย ไม่กี่อึดใจก็มาถึงปลายสุดทางด้านตะวันตกของป่าหิน

 

เสาหินที่นี่มีจำนวนน้อยกว่าด้านหน้ายอดเขามาก ระหว่างเสาหินแต่ละต้นห่างกันร้อยกว่าจ้าง

 

ลำแสงกระบี่หดหาย จิ๋งจิ่วหยุดอยู่บนเสาหินต้นหนึ่ง

 

ในเวลานี้ เขาอยู่ห่างจากแท่นหินรับชมการประลองด้านหน้ายอดเขาอยู่หลายลี้ ในสายตาทุกคน เขากลายเป็นจุดสีดำเล็กๆ จุดหนึ่ง

 

แม้นกู้หานจะเป็นยอดฝีมือทางวิถีกระบี่ที่บรรลุสภาวะมิประจักษ์ขั้นสูง แต่เขาก็ไม่สามารถโจมตีจากระยะไกลขนาดนี้ได้

 

เขาแค่นหัวเราะ เหยียบไปบนกระบี่ที่เรียกกลับมา ก่อนจะบินไปยังทิศทางที่จิ๋งจิ่วอยู่

 

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ในป่าหินทางด้านตะวันตกพลันมีลำแสงกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนสว่างขึ้นมา เศษหินปลิวว่อน ฝุ่นควันคละคลุ้ง บดบังทัศนวิสัยของศิษย์ที่สภาวะค่อนข้างต่ำต้อย

 

เหล่าลูกศิษย์รู้ว่าการต่อสู้ทางด้านนั้นเป็นไปอย่างดุเดือด แต่พวกเขากลับมองไม่ชัดเจน จึงอดร้อนใจขึ้นมาไม่ได้

 

ศิษย์ที่ใจกล้าบางคนไม่สนใจกฎเกณฑ์ ทยอยขี่กระบี่บินขึ้นไปยังด้านบนป่าหิน

 

อาจารย์หลายคนที่อยู่บนแท่นหินก็ลุกยืนขึ้นมา สายตาทอดมองไปทางด้านนั้น

 

……

 

……

 

“เพลงกระบี่ไร้จุดจบปกคลุมแน่นหนาราวหิมะ ข้ารู้สึกว่ามันเหมาะแก่การปิดทางหนีมากกว่าเพลงกระบี่เจ็ดดอกเหมยเสียอีก กู้หานใช้มันออกมาได้ช่ำชองขนาดนี้ ดูเหมือนจะฝึกหนักอยู่หลายปีทีเดียว”

 

“รีบดูเร็ว ศิษย์พี่กู้ใช้เพลงกระบี่แปดทิศหรือนั่น? เกรงว่าศิษย์พี่บนยอดเขาปี้หูยังใช้ได้ไม่ช่ำชองเท่าเขาเลยนะเนี่ย”

 

“ศิษย์พี่กูเข้าใจเคล็ดกระบี่สุริยันได้ลึกซึ้งที่สุดจริงด้วย มิแปลกที่ตอนนั้นกู้ชิงจะเรียนเพลงกระบี่นี้เหมือนกัน”

 

“ใช้กระบี่่ของทั้งสามยอดเขาออกมาได้อย่างง่ายดาย สมแล้วที่ศิษย์พี่กู้เป็นยอดฝีมือทางวิถีกระบี่สามอันดับแรกของยอดเขาเหลี่ยงว่าง ช่างน่านับถือจริงๆ”

 

“อย่าลืมสิ ศิษย์พี่กู้มาจากยอดเขาเทียนกวง จนถึงตอนนี้เขายังมิได้ใช้เพลงกระบี่แบกสวรรค์เลยนะ”

 

“สุดยอดกระบี่ของยอดเขาเหลี่ยงว่างล่ะ? นั่นต่างหากถึงจะเป็นระดับที่แท้จริงของศิษย์พี่กู้ ขอเพียงใช้ออกมา จิ๋งจิ่วจะต้องแพ้แน่นอน”

 

ท่ามกลางเสียงชื่นชมที่ดังขึ้นมา ย่อมมีหลายคนที่คิดถึงความจริงอีกอย่างหนึ่งได้

 

วิถีกระบี่ของกู้หานนั้นสูงส่ง เพลงกระบี่เองก็ยอดเยี่ยม

 

แต่ว่า

 

กระบี่เหล็กของจิ๋งจิ่วยังอยู่

 

ไม่ว่ากระบี่ของเขาจะถูกกดดันอย่างหนักหน่วงเพียงใด แต่อีกสักพักหนึ่งก็มักจะเห็นลำแสงกระบี่ของเขาปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคนใหม่อีกครั้ง

 

นี่ช่างเป็นเรื่องที่น่าตกตะลึงยิ่งนัก

 

หากเขาเพิ่งจะบรรลุสภาวะมิประจักษ์เมื่อครู่นี้จริงๆ มันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่เขาจะรับมือยอดฝีมืออย่างกู้หานได้นานขนาดนี้?

 

เจ้าแห่งยอดเขาทุกคนและเหล่าอาจารย์มองเห็นการต่อสู้ที่อยู่ห่างออกไปหลายลี้อย่างชัดเจน

 

พวกเขามั่นใจว่าเพลงกระบี่ที่จิ๋งจิ่วใช้ออกมาคือเพลงกระบี่เก้ามรณาของยอดเขาเสินม่อ

 

ว่ากันว่าก่อนที่ปรมาจารย์อาจิ๋งหยางจะบรรลุกลายเป็นเซียน ท่านได้เอาเพลงกระบี่เก้ามรณาและกระบี่มิคำนึงแอบซ่อนไว้ที่ปลายสุดของยอดเขาเสินม่อ และในคืนนั้นก็ถูกเจ้าล่าเยวี่ยพบเข้า

 

ตอนนี้ดูแล้ว ข่าวลือนี้หมือนจะเป็นเรื่องจริง

 

สิ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจก็คือเพลงกระบี่ของจิ๋งจิ่วดูช่ำชองยิ่งนัก ไหนเลยจะคล้ายคนที่เพิ่งฝึกมาสามปี หากแต่คล้ายคนที่ฝึกมาสามร้อยปีมากกว่า ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเพลงกระบี่เก้ามรณาถูกใช้ออกมาโดยเขา มันกลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างกับเพลงกระบี่เก้ามรณาที่ร่ำลือกันอย่างเห็นได้ชัด

 

ภายในใจของผู้อาวุโสบางคนกำลังครุ่นคิด เพลงกระบี่ของอาจารย์อาเล็กเมื่อกาลก่อนทั้งโดดเดี่ยวและเยือกเย็น ไหนเลยจะจืดชืดเหมือนอย่างเจ้า

 

ถูกต้อง เพลงกระบี่ที่อยู่ในมือจิ๋งจิ่วนั้นจืดชืดอย่างมาก มิได้มีความรู้สึกของการมุ่งไปสู่ความตายอย่างไม่หวาดหวั่นแม้แต่นิดเดียว คล้ายกับความเฉยชาหลังจากที่รู้เท่าทันและเข้าใจถึงความเป็นความตาย

 

ไม่ว่าลำแสงกระบี่ของกู้หานจะเจิดจ้าเพียงใด กระบี่เหล็กเล่มนั้นยังคงสงบนิ่ง มองไม่เห็นถึงความอ่อนแอใดๆ

 

ลำแสงกระบี่ฉวัดเฉวียน เพิ่งจะเริ่มไปได้ไม่กี่อึดใจ ยังสั้นนัก

 

แต่สำหรับกู้หานแล้ว การที่ใช้เวลานานขนาดนี้แล้วยังไม่สามารถเอาชนะจิ๋งจิ่วได้ ถือเป็นเรื่องที่น่าขายหน้าอย่างมาก เขาไม่สามารถทนต่อไปได้อีก

 

เขาตัดสินใจที่จะจบการต่อสู้นี้โดยเร็วที่สุด

 

เสียงหวีดดังออกมาจากริมฝีปากของเขา

 

กระบี่บินของเขามิได้สนใจกระบี่เหล็กของจิ๋งจิ่วอีก หากแต่เร่งความเร็วอย่างฉับพลัน แปรเปลี่ยนเป็นแสงสีขาวอันสว่างเจิดจ้า พุ่งตรงเข้าไปโจมตีจิ๋งจิ่ว

 

กระบี่เหล็กมิได้ป้องกันอีก หากแต่พุ่งฟันไปทางร่างกายเขาแทบจะในเวลาเดียวกัน

 

กู้หานสีหน้ามิแปรเปลี่ยน สองมือไขว้กันอยู่ด้านหน้า พลังอันรุนแรงสายหนึ่งระเบิดออกมา

 

เมื่อเห็นภาพนี้ ฉือเยี่ยนเลิกคิ้วเล็กน้อย คาดเดาได้ว่าเขาคิดจะทำอะไร

 

ผู้อาวุโสคนหนึ่งตะโกนออกมาอย่างตกใจ “บ่อน้ำเยือกเย็นในสารทฤดู!”

 

………………………………………………………….