เสียงฮือฮาดังขึ้นมา เหล่าศิษย์ชิงซานคาดเดาเจตนาของจิ๋งจิ่วได้
เขาคิดอยากจะท้าทายทั้งยอดเขาเหลี่ยงว่าง? เพราะเขาต้องการจะแก้แค้นให้หลิ่วสือซุ่ยอย่างนั้นหรือ?
แน่นอนว่าอาจมิได้เป็นเพราะเหตุผลนี้เช่นกัน เนื่องเพราะจิ๋งจิ๋วเคยมีความบาดหมางกับยอดเขาเหลี่ยงว่างมาก่อนหน้านี้
เวลาส่วนใหญ่ศิษย์ชิงซานจะเก็บตัวบำเพ็ญเพียร แต่หลายๆ คนต่างก็รู้เรื่องที่เกิดขึ้นริมธารสี่เจี้ยนในครั้งนั้น
ศิษย์ยอดเขาเหลี่ยงว่างกลับถูกศิษย์ขั้นล้างกระบี่ธรรมดาคนหนึ่งเล่นงานจนพูดอะไรไม่ออก นี่ถือเป็นเรื่องที่พบเห็นได้น้อยมาก
กู้หานจะรับคำท้าของเขาหรือไม่?
คำถามนี้ไม่มีทางมีคำตอบอื่น
ลำแสงกระบี่วูบไหวเล็กน้อย
กู้หานลงมายืนบนเสาหิน มองดูจิ๋งจิ่วพลางกล่าว “ข้าไม่ชอบเจ้ามาโดยตลอด แต่ในที่สุดวันนี้ก็มองเจ้าเปลี่ยนไปบ้าง”
เขาหมายถึงเรื่องที่จิ๋งจิ่วยอมก้าวออกมาท้าทายยอดเขาเหลี่ยงว่างเพื่อหลิ่วสือซุ่ย
จิ๋งจิ่วเข้าใจความหมายของเขา จึงกล่าวว่า “ความคิดที่ข้ามีต่อเจ้ายังคงไม่เปลี่ยน”
หลายปีก่อน เมื่อยอดเขาเหลี่ยงว่างเริ่มมีสถานะพิเศษในสำนักชิงซาน เขาก็เริ่มไม่ชื่นชอบที่นั่น
หลังจากนั้นอีกหลายปี เขายังคงไม่ชื่นชอบยอดเขาเหลี่ยงว่าง อย่างเช่นเจ้าอ้วนคนนั้นกับกั้วหนานซาน
แต่คนที่เขาไม่ชอบมากที่สุดก็คือกู้หาน เรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกู้ชิงซึ่งเป็นศิษย์คนปัจจุบันของเขาอยู่บ้าง แต่ที่มากกว่านั้นย่อมเป็นเพราะหลิ่วสือซุ่ย
หรือไม่ก็เป็นเพราะคืนนั้นตอนที่อยู่ภายในถ้ำริมธารเมื่อสี่ปีก่อน หลิ่วสือซุ่ยกล่าวถึงกู้หานมากเกินไป เรียกกู้หานว่าศิษย์พี่อย่างไม่เคอะเขิน ทั้งยังชื่นชมกู้หานว่าเป็นคนดี
“แม้นเจ้าจะบรรลุขั้นมิประจักษ์ แต่เจ้าก็ยังมิใช่คู่ต่อสู้ของข้าอยู่ดี”
กู้หานมองเขาพลางกล่าวด้วยสีหน้าราบเรียบ “ข้ารู้ว่าอารมณ์ข้ามิค่อยดีเท่าไร แต่วิถีกระบี่ของข้าไม่มีปัญหา”
จิ๋งจิ่วกลาว “ข้าเคยบอกเจ้าแล้ว สำหรับข้า วิถีของพวกเจ้าล้วนแต่ผิด”
ทั้งวิถีล้วนผิด เช่นนั้นวิถีกระบี่ก็ย่อมมีปัญหา
กู้หานจำได้แม่น เมื่อสามปีก่อนบนยอดเขาซีไหล จิ๋งจิ่วเคยกล่าวเช่นนี้กับกั้วหนานซาน
“พิสูจน์ให้พวกข้าเห็น”
กู้หานสะบัดแขนเสื้อเบาๆ
ลำแสงกระบี่สีขาวพุ่งออกมา
ชั้นเมฆบนท้องฟ้าพลันม้วนบิดเป็นเกลียว
ตรงตำแหน่งที่กระบี่บินผ่านจะมีเสียงฟ้าคำราม พร้อมทั้งลำแสงเส้นเล็กๆ จำนวนนับไม่ถ้วน คล้ายกับสายฟ้าที่หดขนาดเล็กลงจากเดิมหลายเท่า
เขาใช้เพลงกระบี่แปดทิศของยอดเขาปี้หู!
สิ่งที่ทำให้คนรู้สึกประหลาดใจก็คือกระบี่ของจิ๋งจิ่วนั้นรวดเร็วอย่างมาก ออกทีหลังแต่กลับถึงก่อน!
ตรงกลางระหว่างเสาหินทั้งสองต้น กระบี่สองเล่มพบกัน ส่งเสียงดังสนั่น
คลื่นอากาศระเบิดออก กระบี่เหล็กเบี่ยงออกแล้วบินกลับมา
แม้นปราณกระบี่ของจิ๋งจิ่วจะมหาศาลเพียงใด แต่เขาก็ไม่สามารถอาศัยเพียงความเร็วในการชดเชยความต่างของสภาวะได้
กู้หานมองเขาอย่างเงียบๆ
ลำแสงสีขาวยังคงเคลื่อนที่ไปข้างหน้า
สีหน้าจิ๋งจิ่วมิแปรเปลี่ยน เขายื่นมือคว้าจับด้ามกระบี่ หมุนตัวแล้วก้าวเดิน
เสียงวูมดังขึ้น ร่างกายเขาหายไปจากเสาหิน
อึดใจต่อมา เขาไปปรากฏตัวอยู่บนเสาหินอีกต้นที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบจ้าง
แต่ในเวลาเดียวกัน กระบี่ของกู้หานมาถึงอีกครั้ง
จิ๋งจิ่วคล้ายสามารถมองเห็นภาพด้านหลัง เขาบังคับกระบี่บินหลบการโจมตีนี้ ก่อนจะมายังหน้าผาที่อยู่ทางด้านเหนือของป่าหิน
กระบี่เหล็กบินผ่านด้านหน้าของหน้าผา ไม่มีเมฆหมอกบดบัง มองเห็นได้อย่างชัดเจน ตรงพื้นด้านล่างมีเสียงอุทานตกใจดังเป็นช่วงๆ
ทุกคนคิดไม่ถึงว่าความเร็วของกระบี่ของจิ๋งจิ่วและความเร็วในการควบคุมกระบี่จะรวดเร็วจนน่าตกใจเพียงนี้
กระบี่ของกู้หานไล่ตามหลังเขาเหมือนเป็นเงาตามตัว ค่อยๆ เข้าใกล้ แต่กลับยังไล่ไม่ทัน
กระบี่ที่แบกคนเอาไว้กลับสามารถแข่งกับกระบี่บินเปล่าๆ ได้ นี่มันเป็นความเร็วแบบไหนกัน?
สถานการณ์ในเวลานี้แตกต่างกับการประลองก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
จิ๋งจิ่วตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบโดยสิ้นเชิงคล้ายหม่าหวา
เวลานี้กู้หานกำลังครองความได้เปรียบ เขาย่อมไม่มีทางปล่อยให้โอกาสหลุดมือไป สายตาเยือกเย็นเล็กน้อย มือขวาร่ายเคล็ดกระบี่
ลำแสงกระบี่สีขาวจู่ๆ ก็ยาวขึ้น จากนั้นฟันไปทางหน้าผา
กระบี่เหล็กหมุนอย่างฉับพลัน พาจิ๋งจิ่วหลบการโจมตี
ลำแสงสีขาวพุ่งไปข้างหน้าอีกครั้ง
กระบี่เหล็กหลบอีกครั้ง
บนหน้าผามีรอยฟันของกระบี่เกิดขึ้นหลายรอย เศษหินร่วงตกลงไปด้านล่าง
จิ๋งจิ่วบังคับกระบี่ออกไปไกลขึ้น ลำแสงกระบี่สีขาวตามติดไม่ปล่อย ไม่กี่อึดใจก็มาถึงปลายสุดทางด้านตะวันตกของป่าหิน
เสาหินที่นี่มีจำนวนน้อยกว่าด้านหน้ายอดเขามาก ระหว่างเสาหินแต่ละต้นห่างกันร้อยกว่าจ้าง
ลำแสงกระบี่หดหาย จิ๋งจิ่วหยุดอยู่บนเสาหินต้นหนึ่ง
ในเวลานี้ เขาอยู่ห่างจากแท่นหินรับชมการประลองด้านหน้ายอดเขาอยู่หลายลี้ ในสายตาทุกคน เขากลายเป็นจุดสีดำเล็กๆ จุดหนึ่ง
แม้นกู้หานจะเป็นยอดฝีมือทางวิถีกระบี่ที่บรรลุสภาวะมิประจักษ์ขั้นสูง แต่เขาก็ไม่สามารถโจมตีจากระยะไกลขนาดนี้ได้
เขาแค่นหัวเราะ เหยียบไปบนกระบี่ที่เรียกกลับมา ก่อนจะบินไปยังทิศทางที่จิ๋งจิ่วอยู่
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ในป่าหินทางด้านตะวันตกพลันมีลำแสงกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนสว่างขึ้นมา เศษหินปลิวว่อน ฝุ่นควันคละคลุ้ง บดบังทัศนวิสัยของศิษย์ที่สภาวะค่อนข้างต่ำต้อย
เหล่าลูกศิษย์รู้ว่าการต่อสู้ทางด้านนั้นเป็นไปอย่างดุเดือด แต่พวกเขากลับมองไม่ชัดเจน จึงอดร้อนใจขึ้นมาไม่ได้
ศิษย์ที่ใจกล้าบางคนไม่สนใจกฎเกณฑ์ ทยอยขี่กระบี่บินขึ้นไปยังด้านบนป่าหิน
อาจารย์หลายคนที่อยู่บนแท่นหินก็ลุกยืนขึ้นมา สายตาทอดมองไปทางด้านนั้น
……
……
“เพลงกระบี่ไร้จุดจบปกคลุมแน่นหนาราวหิมะ ข้ารู้สึกว่ามันเหมาะแก่การปิดทางหนีมากกว่าเพลงกระบี่เจ็ดดอกเหมยเสียอีก กู้หานใช้มันออกมาได้ช่ำชองขนาดนี้ ดูเหมือนจะฝึกหนักอยู่หลายปีทีเดียว”
“รีบดูเร็ว ศิษย์พี่กู้ใช้เพลงกระบี่แปดทิศหรือนั่น? เกรงว่าศิษย์พี่บนยอดเขาปี้หูยังใช้ได้ไม่ช่ำชองเท่าเขาเลยนะเนี่ย”
“ศิษย์พี่กูเข้าใจเคล็ดกระบี่สุริยันได้ลึกซึ้งที่สุดจริงด้วย มิแปลกที่ตอนนั้นกู้ชิงจะเรียนเพลงกระบี่นี้เหมือนกัน”
“ใช้กระบี่่ของทั้งสามยอดเขาออกมาได้อย่างง่ายดาย สมแล้วที่ศิษย์พี่กู้เป็นยอดฝีมือทางวิถีกระบี่สามอันดับแรกของยอดเขาเหลี่ยงว่าง ช่างน่านับถือจริงๆ”
“อย่าลืมสิ ศิษย์พี่กู้มาจากยอดเขาเทียนกวง จนถึงตอนนี้เขายังมิได้ใช้เพลงกระบี่แบกสวรรค์เลยนะ”
“สุดยอดกระบี่ของยอดเขาเหลี่ยงว่างล่ะ? นั่นต่างหากถึงจะเป็นระดับที่แท้จริงของศิษย์พี่กู้ ขอเพียงใช้ออกมา จิ๋งจิ่วจะต้องแพ้แน่นอน”
ท่ามกลางเสียงชื่นชมที่ดังขึ้นมา ย่อมมีหลายคนที่คิดถึงความจริงอีกอย่างหนึ่งได้
วิถีกระบี่ของกู้หานนั้นสูงส่ง เพลงกระบี่เองก็ยอดเยี่ยม
แต่ว่า
กระบี่เหล็กของจิ๋งจิ่วยังอยู่
ไม่ว่ากระบี่ของเขาจะถูกกดดันอย่างหนักหน่วงเพียงใด แต่อีกสักพักหนึ่งก็มักจะเห็นลำแสงกระบี่ของเขาปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคนใหม่อีกครั้ง
นี่ช่างเป็นเรื่องที่น่าตกตะลึงยิ่งนัก
หากเขาเพิ่งจะบรรลุสภาวะมิประจักษ์เมื่อครู่นี้จริงๆ มันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่เขาจะรับมือยอดฝีมืออย่างกู้หานได้นานขนาดนี้?
เจ้าแห่งยอดเขาทุกคนและเหล่าอาจารย์มองเห็นการต่อสู้ที่อยู่ห่างออกไปหลายลี้อย่างชัดเจน
พวกเขามั่นใจว่าเพลงกระบี่ที่จิ๋งจิ่วใช้ออกมาคือเพลงกระบี่เก้ามรณาของยอดเขาเสินม่อ
ว่ากันว่าก่อนที่ปรมาจารย์อาจิ๋งหยางจะบรรลุกลายเป็นเซียน ท่านได้เอาเพลงกระบี่เก้ามรณาและกระบี่มิคำนึงแอบซ่อนไว้ที่ปลายสุดของยอดเขาเสินม่อ และในคืนนั้นก็ถูกเจ้าล่าเยวี่ยพบเข้า
ตอนนี้ดูแล้ว ข่าวลือนี้หมือนจะเป็นเรื่องจริง
สิ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจก็คือเพลงกระบี่ของจิ๋งจิ่วดูช่ำชองยิ่งนัก ไหนเลยจะคล้ายคนที่เพิ่งฝึกมาสามปี หากแต่คล้ายคนที่ฝึกมาสามร้อยปีมากกว่า ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเพลงกระบี่เก้ามรณาถูกใช้ออกมาโดยเขา มันกลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างกับเพลงกระบี่เก้ามรณาที่ร่ำลือกันอย่างเห็นได้ชัด
ภายในใจของผู้อาวุโสบางคนกำลังครุ่นคิด เพลงกระบี่ของอาจารย์อาเล็กเมื่อกาลก่อนทั้งโดดเดี่ยวและเยือกเย็น ไหนเลยจะจืดชืดเหมือนอย่างเจ้า
ถูกต้อง เพลงกระบี่ที่อยู่ในมือจิ๋งจิ่วนั้นจืดชืดอย่างมาก มิได้มีความรู้สึกของการมุ่งไปสู่ความตายอย่างไม่หวาดหวั่นแม้แต่นิดเดียว คล้ายกับความเฉยชาหลังจากที่รู้เท่าทันและเข้าใจถึงความเป็นความตาย
ไม่ว่าลำแสงกระบี่ของกู้หานจะเจิดจ้าเพียงใด กระบี่เหล็กเล่มนั้นยังคงสงบนิ่ง มองไม่เห็นถึงความอ่อนแอใดๆ
ลำแสงกระบี่ฉวัดเฉวียน เพิ่งจะเริ่มไปได้ไม่กี่อึดใจ ยังสั้นนัก
แต่สำหรับกู้หานแล้ว การที่ใช้เวลานานขนาดนี้แล้วยังไม่สามารถเอาชนะจิ๋งจิ่วได้ ถือเป็นเรื่องที่น่าขายหน้าอย่างมาก เขาไม่สามารถทนต่อไปได้อีก
เขาตัดสินใจที่จะจบการต่อสู้นี้โดยเร็วที่สุด
เสียงหวีดดังออกมาจากริมฝีปากของเขา
กระบี่บินของเขามิได้สนใจกระบี่เหล็กของจิ๋งจิ่วอีก หากแต่เร่งความเร็วอย่างฉับพลัน แปรเปลี่ยนเป็นแสงสีขาวอันสว่างเจิดจ้า พุ่งตรงเข้าไปโจมตีจิ๋งจิ่ว
กระบี่เหล็กมิได้ป้องกันอีก หากแต่พุ่งฟันไปทางร่างกายเขาแทบจะในเวลาเดียวกัน
กู้หานสีหน้ามิแปรเปลี่ยน สองมือไขว้กันอยู่ด้านหน้า พลังอันรุนแรงสายหนึ่งระเบิดออกมา
เมื่อเห็นภาพนี้ ฉือเยี่ยนเลิกคิ้วเล็กน้อย คาดเดาได้ว่าเขาคิดจะทำอะไร
ผู้อาวุโสคนหนึ่งตะโกนออกมาอย่างตกใจ “บ่อน้ำเยือกเย็นในสารทฤดู!”
………………………………………………………….