บทที่ 148 วิญญาณโลหิตยักษ์ (2)

ยอดวิถีแห่งปีศาจ

บทที่ 148 วิญญาณโลหิตยักษ์ (2)
สวีชุยสีหน้าสงบลง ขอแค่ประมุขพรรคอยู่ ยังมีอันตรายหรือปัญหาใดควรค่าให้สนใจอีก

เขาลุกขึ้น เดินตามลู่เซิ่งออกประตูลาน

ลมยามพลบค่ำเย็นเยียบเล็กน้อย พัดผ่านถนนด้านนอกสวนด้านทิศเหนือ ส่งเสียงหวีดหวิว

มีคนของพรรควาฬแดงในลานฝั่งตรงข้ามเดินออกจากตัวลาน พอเห็นลู่เซิ่ง ก็รีบทำความเคารพ

“ประมุขพรรค สภาพการณ์แปลกๆ อยู่บ้าง พลพรรคแม่น้ำขาวที่ตอนบ่ายยังลาดตระเวนเบื้องนอก ตอนนี้ไม่มีการเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย

พวกเราให้คนยกสุราอาหารส่วนหนึ่งมา ตอนนี้ผ่านไปหนึ่งชั่วยามแล้ว หญิงรับใช้หายไปหมด พี่น้องที่ออกไปหาบอกว่าด้านนอกไม่มีใครสักคน!” ผู้อาวุโสคนหนึ่งในพรรคเข้ามาเอ่ยเสียงทุ้ม

“พวกเจ้ารออยู่ที่เดิม ข้าจะไปถามพี่ไป๋ดู” ลู่เซิ่งรู้สึกผิดปกติอยู่บ้างเช่นกัน ย่นคิ้วกล่าว

“ข้าจะติดตามประมุขพรรคไปด้วย”

“ข้าน้อยอยากตามไปด้วย”

มีหลายคนขอร่วมทาง ลู่เซิ่งกลับยกมือห้าม

“พวกเจ้าอยู่รวมกันในตัวลานดีกว่า ถ้าผ่านไปนานแล้วข้ายังไม่กลับมา ให้พวกเจ้าถอยออกจากหน่วยหลักพรรคแม่น้ำขาว หาสถานที่ปลอดภัยรอข้า”

ยอดฝีมือสำนึกปลอดโปร่งหลายคนต่างรู้จักลำดับความสำคัญ รีบพยักหน้าขานรับ

ลู่เซิ่งไม่ได้พาใครไปด้วย ให้สวีชุยรั้งอยู่ ตนเองออกจากสวนด้านทิศเหนือ มุ่งหน้าไปยังสวนกลางของหน่วยหลักพรรคแม่น้ำขาวตามลำพัง

กำแพงดำตั้งสูง ทางเชื่อมที่เย็นเยียบเงียบสงัด โคมไฟสีเหลืองอ่อนหลายแถวโยกเยกกลางสายลม เรียงต่อกันไปถึงสุดสายตา

โถงอาหาร ไม่มีคน

โถงธุรการ ไม่มีคน

โถงอาญา ไม่มีคน

แม้แต่ลานด้านหลังที่ข้ารับใช้อยู่ ก็เงียบกริบ

ลู่เซิ่งผ่านสถานที่ไม่น้อย ตอนแรกแน่ใจว่าเป็นอาณาเขตที่ต้องมีคน กระนั้นกลับไม่มีใครเลย

พรรคแม่น้ำขาวเหมือนกลายเป็นเขตร้าง

มาถึงตัวลานที่ไป๋เจิ้นหมิงอยู่ ด้านในมืดสนิท โคมไฟก็ดำไปแล้วเช่นกัน

กลิ่นคาวเลือดจางๆ ลอยมาจากในลาน

ลู่เซิ่งชะงักฝีเท้า ยืนอยู่หน้าประตูลาน

ไม่ต้องเข้าไป เขาก็รู้คำตอบแล้ว กลิ่นเลือดนี้เป็นของไป๋เจิ้นหมิงที่เขาพบปะสมาคมมาหลายวัน หนำซ้ำยังมีกลิ่นเหม็นเน่าจางๆ

‘ต้องรีบไปจากที่นี่!’ ลู่เซิ่งหรี่ตามองดูโคมไฟหน้าประตูใหญ่อย่างล้ำลึก แล้วรีบหมุนกายกลับไป

พรรคแม่น้ำขาวไม่ใช่ญาติมิตร ในสถานการณ์แบบนี้ไม่จำเป็นต้องรับความเสี่ยงแทน ขอแค่อีกฝ่ายไม่หาเรื่อง เขาก็จะไม่ยุ่งด้วย

สามารถทำให้หน่วยหลักพรรคแม่น้ำขาวทั้งหมดตกอยู่ในสภาพนี้โดยเทพไม่ทราบภูตผีไม่รู้ได้ พลังและขุมกำลังจะต้องไม่เล็กแน่

ลู่เซิ่งไม่คิดมาก ถอยกลับอย่างรวดเร็ว ครั้งนี้เขาไม่ได้มาคนเดียว แต่พายอดฝีมือบริวารของพรรควาฬแดงมาด้วยหลายสิบคน ย่อมไม่อาจเสี่ยง

เสียงฝีเท้าเร่งรีบ เขาหายไปจากมุมที่เย็นเยียบอ้างว้างอย่างรวดเร็ว เสียงลอยออกไปไกลอย่างเร่งร้อน

หลังลู่เซิ่งจากไปหลายสิบอึดใจ เงาคนหนึ่งดำหนึ่งแดงปรากฏตัวในด้านหน้าตัวลาน

“เขามาได้อย่างไร” เงาคนสีดำมองทิศทางที่ลู่เซิ่งจากไป ฉงนใจอยู่บ้าง

“คิกๆ…ลู่เซิ่ง…หรือว่า…รู้จักเรื่อง…หยกปีศาจเช่นกัน” สตรีอาภรณ์แดงอีกคนกางร่มคันหนึ่ง ซุกซ่อนใบหน้าไว้ใต้ร่มจนมองไม่ถนัด

ถ้าหากลู่เซิ่งยังอยู่ มองปราดเดียวจะต้องจดจำได้ทันทีว่า สตรีนางนี้ก็คือสตรีกางร่มแห่งจัตุรัสแดงที่เขาเคยสู้ด้วย

“เป็นไปไม่ได้ ผู้นำค่ายพรรคแดนเหนือเช่นเขาเหตุใดจึงทราบเรื่องหยกปีศาจ” เงาคนสีดำเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ

“เช่นนั้น…ท่านคิดจะ…ทำอย่างไร เขาเป็นคนของตระกูลซั่งหยาง…” สตรีกางร่มกล่าวกระท่อนกระแท่น

“บริวารตระกูลซั่งหยางแค่คนเดียว หรือข้าผู้เฒ่าต้องหลบเลี่ยง” เงาคนสีดำเอ่ยอย่างเย็นชา “ในเมื่อมาโผล่ที่นี่ ก็กำจัดทิ้งไปพร้อมกันเลย”

“ใต้เท้าร้ายกาจจริงๆ…คิกๆๆ…” สตรีกางร่มหัวเราะคิกๆ

“หยกปีศาจจะแสดงผลโดยสมบูรณ์แล้ว ให้คนของพวกเราหลีกเลี่ยงใจกลาง อย่าได้ถูกลูกหลง ไอปีศาจไม่สนใจว่าเจ้าจะช่วยมันหรือสังหารมัน รีบไปเถอะ อย่าเสียเวลา ทำให้เสร็จเร็วๆ ได้ยิ่งดี” เงาคนสีดำกล่าวราบเรียบ

“ทราบแล้ว…” สตรีกางร่มขานรับ เงาร่างค่อยๆ เดินห่างออกไป ไม่ทันไรก็หายไปในเงามืด

เงาดำเอามือไพล่หลังเร่งฝีเท้าออกจากมุมถนน สาบสูญไปอย่างรวดเร็ว

ผ่านไปอีกสิบกว่าอึดใจ ในที่สุดก็มีคนกลุ่มที่สามมาถึงหน้าประตูลานอีกครั้ง

หลี่ซุ่นซีกับไป๋ชิวหลิงที่หอบหายใจในที่สุดก็มาถึงหน้าลานซึ่งไป๋เจิ้นหมิงอยู่

“ท่านพ่อ!” ไป๋ชิวหลิงตะโกนเรียก สีหน้ากระวนกระวายขณะพุ่งเข้าไปผลักเปิดประตู

เอี๊ยด…!

เสียงดังเบาๆ เมื่อประตูไม้ถูกผลักเปิด เผยให้เห็นสภาพด้านในลาน

เลือด

เลือดเต็มพื้น

ในตัวลานที่มืดมิด ไป๋เจิ้นหมิงกับยอดฝีมือของพรรคแม่น้ำขาวสิบกว่าคนด้านข้าง นั่งด้วยกันเป็นวง คล้ายกำลังประชุม แต่ทุกคนมีสีหน้าซีดขาว ไม่ขยับเขยื้อน

ไป๋ชิวหลิงเห็นรูใหญ่ที่อกของไป๋เจิ้นหมิงทันที มันถูกคว้านทิ้งเลือดกำลังไหลรินจากด้านข้างรูไปตามเก้าอี้และขาลงสู่พื้น

ไม่ใช่แค่เขา คนอื่นๆ ก็เป็นเช่นนี้ เลือดของทุกคนรวมกัน กลายเป็นใบหน้าประหลาดขนาดใหญ่บนพื้น

คล้ายเป็นคน และคล้ายเป็นแมว

“ท่านพ่อ…!” ไป๋ชิวหลิงน้ำตาพรั่งพรู มือกุมปากพยายามอดกลั้นไม่ให้ตนเองร้องไห้เสียงดัง แต่ร่างกายยังคงสั่นโดยไม่รู้ตัว

หลี่ซุ่นซีเดินเข้าประตูมา ยืนข้างๆ นางพลางถอนใจเบาๆ นี่ก็คือจุดจบของไป๋เจิ้นหมิง หยกปีศาจถูกปลดผนึกแล้ว ถ้ายังไม่ไป เมื่อเกิดระเบิดขึ้น พวกเขาอยากไปก็ไปไม่ได้แล้ว

“เบื้องหลังนี้จะต้องคนมีของจวนอู๋โยวก่อกวน” หลี่ซุ่นซีกล่าวเบาๆ

แต่ว่าในสภาพแวดล้อมที่สงบเงียบที่สุดเช่นนี้ แม้เสียงของเขาจะไม่ดัง ไป๋ชิวหลิงก็ได้ยินชัดเจน

“จวนอู๋โยว?! นั่นคืออะไร” ไป๋ชิวหลิงหมุนตัวมา มองเขาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “ท่านรู้ได้อย่างไร!?”

หลี่ซุ่นซีถอนใจอย่างอับจน

“เป็นเพราะ…”

“เป็นเพราะเขาคุ้นเคยกับวิธีการของพวกเราเกินไป”

ด้านนอกลานเบื้องหลังพวกเขาทั้งสองคน พลันมีเสียงทุ้มต่ำชราภาพดังมา

ไป๋ชิวหลิงกับหลี่ซุ่นซีรีบหมุนตัว กลับเห็นด้านหลังของพวกเขา มีชายชราสวมอาภรณ์ดำคนหนึ่งโผล่มาตอนไหนไม่ทราบ

ชายชราสวมอาภรณ์ดำที่กว้างยาวอำพรางทั่วทั้งร่าง ดูผอมสูง ดวงตาที่เป็นประกายสีเขียวจ้องมองหลี่ซุ่นซีกับไป๋ชิวหลิง

“โลหิตวิญญาณยักษ์กับหยกลี้ลับมารวมตัวกัน โชคดีแท้ๆ…”

หลี่ซุ่นซีสีหน้าพลันแปรเปลี่ยน ฉุดดึงไป๋ชิวหลิงพุ่งไปทางซ้าย

ฟุ่บ!

ตำแหน่งที่เขายืนอยู่ในตอนแรกถูกเส้นผมสีดำช่อหนึ่งปักใส่พื้นดิน

ในสวนด้านทิศเหนือ

ลู่เซิ่งก้าวยาวๆ เข้าตัวลาน ตอนนี้ทุกคนในพรรควาฬแดงรวมตัวกันในที่เล็กๆ แห่งนี้

รอให้เขาออกคำสั่ง

“ประมุขพรรค ทุกคนเพิ่งเก็บของเสร็จ เตรียมเดินทางแล้ว” สวีชุยเข้ามารายงาน

ลู่เซิ่งมองทุกคนในลาน รอบๆ ไม่มีคนอ่อนแอ ยอดฝีมือสำนึกปลอดโปร่งหลายคน ขอบเขตสูงสุดของพลังปลอดโปร่งสิบคน

กองกำลังเช่นนี้เป็นหัวกะทิในหัวกะทิของพรรควาฬแดง โดยเฉพาะยอดฝีมือกำลังภายในที่ฝึกฝนปราณภายในธาตุหยางเหล่านั้น จัดการภูตผีทั่วไปได้ แม้จะค่อนข้างกินแรง แต่ก็นับว่าไม่เลว

“ตั้งขบวน ออกไปทันที” เขาออกคำสั่ง

ยอดฝีมือพรรควาฬแดงคุ้มครองพลพรรคทั่วไป เริ่มไปลากรถม้าและจูงม้ามา จัดเตรียมข้าวสารอาหารแห้งอย่างรวดเร็ว

ไม่ทันไรทุกอย่างก็เรียบร้อย รถม้า เกวียนเทียมวัวหลายคันเบียดกันที่ประตูลาน แม้แต่รถม้าที่งดงามซึ่งระดับสูงในพรรคแม่น้ำขาวใช้ก็นำออกมาลากสิ่งของเช่นกัน

ลู่เซิ่งออกคำสั่ง ทุกคนออกจากสวนด้านทิศเหนือของพรรคแม่น้ำขาว เข้าสู่ถนนด้านในหน่วยหลักอย่างรวดเร็ว

บนถนนว่างเปล่าไร้ผู้คน เงียบสงัดเย็นยะเยือก

พลพรรคทั่วไปกระสับกระส่ายเล็กน้อย พึงทราบว่าหน่วยหลักพรรคแม่น้ำขาวเป็นพรรคขนาดใหญ่ที่มีคนหลายร้อยคนพักอยู่ ถ้าบอกว่าจะเข่นฆ่าทำศึก กลับไม่มีการเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย นี่แปลกพิกลสุดขีด

ลู่เซิ่งสังเกตเห็นจุดนี้เช่นกัน ยังคงขี่ม้าอยู่หน้าสุดเหมือนเดิม

ขบวนรถมุ่งไปด้านหน้า ใกล้จะถึงประตูกำแพงสูงของหน่วยหลัก สองฟากข้างถนนก็มีเงาสีดำเทาส่วนหนึ่งค่อยๆ ปรากฏ

เงาเหล่านี้เคลื่อนไหวไร้สุ้มเสียง พอเข้ามาใกล้หน่อยค่อยมีคนเห็นชัด เงาเป็นสัตว์ประหลาดรูปร่างมนุษย์ผอมกะหร่องตัวดำหลายตัว

“เป็นเพียงทาสศพเท่านั้น” เขาได้ข้อมูลส่วนหนึ่งจากศิษย์พี่และหลี่ซุ่นซี นึกออกว่านี่คือสิ่งใด

ทาสศพเป็นตัวตนที่คล้ายกับผีดิบซึ่งเกิดจากการที่ศพมนุษย์ปนเปื้อนพลังงานบางอย่าง และคืบคลานขึ้นมา ตัวตนเช่นนี้เหมือนกับผีดิบ ถูกควบคุมโดยกำเนิด

สิ่งมีชีวิตประเภทนี้บิดเบี้ยวสุดขีด พวกมันเนื้อเน่าเป่อย กึ่งโปร่งใส ไม่มีเงา ใบหน้าเหมือนตอนยังมีชีวิต ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก

สิ่งที่ทำให้คนประหลาดใจก็คือ ทาสศพจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ กรูออกมาจากมุมแต่ละมุมของสิ่งก่อสร้าง ต่อให้คนที่มุงดูพวกมันมีมากกว่านี้ พวกทาสศพก็ไม่มีความคิดจะแตะต้องขบวนพรรควาฬแดงที่ผ่านทาง

ดูจากจุดน่าสงสัยมากมายก่อนหน้า ลู่เซิ่งความจริงคาดเดาไว้แล้วว่า คนร้ายเบื้องหลังเหตุเปลี่ยนแปลงของพรรคแม่น้ำขาว เป็นใครไปไม่ได้นอกจากจัตุรัสแดงกับจวนอู๋โยว

แต่เขาไม่มีอารมณ์เข้าไปยุ่งเกี่ยว โศกนาฏกรรมของพรรคแม่น้ำขาวเป็นเรื่องปกติธรรมดาในโลกแบบนี้

ความตาย ความลี้ลับ วิญญาณร้าย ความมืดมน ไม่ว่าไปถึงที่ไหน หัวข้อหลักเหล่านี้ก็เห็นได้ทุกที่ หลายๆ ครั้งขอแค่อีกฝ่ายไม่หาเรื่อง เขาก็ไม่อยากจะแส่หาเรื่องเช่นกัน

ตอนนี้ในขบวนปั่นป่วนเล็กน้อย แสดงว่าตกใจเพราะทาสศพที่จู่ๆ ก็โผล่มา ยอดฝีมือที่เคยผ่านภารกิจภายนอกส่วนหนึ่งปรับตัวได้ แต่พลพรรคทั่วไปไม่เหมือนกัน

เห็นดังนั้น ลู่เซิ่งจึงปลอบเสียงดัง

“ทุกคนวางใจ พวกมันสมควรรู้จักบันยะบันยัง ไม่ทำร้ายพวกพี่น้อง พวกเราตรงดิ่งออกไป ออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดก็จะปลอดภัย…”

อ๊าก!

เสียงร้องดังขึ้นอย่างฉับพลัน ตัดบทลู่เซิ่งที่กำลังพูดอยู่

เขามีสีหน้างงงัน มองยอดฝีมือในพรรคที่จ้องมองเขาอยู่รอบๆ

จากนั้นเห็นชายฉกรรจ์ในพรรคคนหนึ่งที่นอนหงายอยู่ห่างออกไปรอบนอก ทรวงอกเปื้อนเลือด

“หาที่ตาย!”

ลู่เซิ่งกระชากเสียง โถมตัวออกไป

ตูม!

ประตูใหญ่ทำจากไม้ที่ใช้เข้าออกระเบิดกระจายไปสี่ทิศ พริบตาเดียวเงาร่างของลู่เซิ่งก็หายไปด้านนอกประตู

“ประมุขพรรค!” พวกสวีชุยค่อยตอบสนอง รีบร้อนไล่ตามออกไปนอกประตูใหญ่ กลับหาทิศทางไม่เจอแล้ว

……………………………………….