ภาคที่ 1 การรุกกลับของศิษย์พี่ บทที่ 81 เซียวเซิง เจ้าจะไปไหน?!

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอมองไปที่มหาปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งอีกฝ่ายกำลังรุกเข้าใกล้มาทีละก้าว

ทันใดนั้น พลันมีเสียงคำรามสนั่นสายหนึ่งดังมาแต่ไกล และค่อยๆ เข้ามาใกล้ด้วยความเร็วสูง

ปราณจิตรารอบกายอาหู่โหมซัดสาดประหนึ่งพายุหมุนทมิฬ ขวางกั้นอยู่เบื้องหน้าเยี่ยนจ้าวเกอ

“คุณชาย ข้ากลับมาแล้วขอรับ!” ขณะที่อาหู่กล่าว เขาก็ปลดกระเป๋าขนาดใหญ่โยนลงไปตรงหน้าเยี่ยนจ้าวเกอ

จากนั้นเขาก็ก้าวออกไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง ถึงตรงหน้าจอมยุทธ์ของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์คนนั้น

อาหู่ไม่พูดพร่ำ เขาวาดกรงเล็บสลับกันไปมา พายุหมุนสีดำอันบ้าคลั่งก็โหมพัดกระหน่ำไปทั่วทั้งผืนฟ้าหน้าดิน

จอมยุทธ์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์คนนั้นตะโกนออกไปด้วยความโกรธครั้งหนึ่ง ก่อนจะแปรปราณจิตรากลายเป็นโลกมายา พระอาทิตย์ดวงใหญ่ส่องสว่างเจิดจ้า

แสงอาทิตย์สีทองกับมรสุมพายุสีดำปะทะเข้าหาในชั่วพริบตา

อาหู่แสยะยิ้มอย่างดุร้าย ก่อนจะเคลื่อนร่างสูงใหญ่ราวกับเงามายาไปมาไม่ยอมหยุด ทั้งยังส่งเสียงแหลมสูงอีกด้วย

เสือดำดุร้ายตัวหนึ่งกระโดดออกจากพายุหมุน พุ่งเข้าหาเหยื่อแล้วกัดกิน!

ร่างกายของอาหู่หมอบต่ำลง จากนั้นก็กระโดดพรวดขึ้น ฉีกดวงอาทิตย์สีทองนั้นขาดกระจุย แล้วกรงเล็บทั้งสองก็ข่วนไปตรงลำคอและหน้าอกของคู่ต่อสู้!

บริเวณที่กรงเล็บภูตพยัคฆ์พาดผ่าน ห้วงอากาศก็ขาดกระจุยราวกับเศษผ้าอย่างไรอย่างนั้น!

พายุหมุนสีดำกลายร่างเป็นเสือร้ายตัวหนึ่ง อ้าปากที่อาบไปด้วยคราบโลหิต เตรียมจะกลืนกันศัตรูที่อยู่ตรงหน้า!

สีหน้าปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาที่ขับเคลื่อนกระบี่เพลิงหลั่งไหลผู้นั้นดูเคร่งขรึมจริงจัง เขาละจากกงจักรเพลิงสุริยะลงก่อนชั่วคราว แล้วบังคับกระบี่เพลิงหลั่งไหลให้ฟันไปทางอาหู่

บนร่างกายของอาหู่เกิดแสงสว่างไสวขึ้น ชุดเกราะส่องแสงสีดำชุดหนึ่งปรากฏขึ้น ต้านรับการโจมตีของกระบี่เพลิงหลั่งไหลเอาไว้

เขาแผดเสียงคำรามทีหนึ่ง ก่อนจะยกกรงเล็บข้างหนึ่งขึ้น ต้านเพลงกระบี่อรุณเบิกฟ้าของคู่ต่อสู้ทันที

ศัตรูคนแรกที่ประมือกับเขา ตกใจจนเหงื่อท่วมตัว รีบเร่งใช้วิชาสุริยันทะยานบูรพาถอยหลังออกไป!

กระบี่เพลิงหลั่งไหลไม่ยอมถอยให้กับชุดเกราะทมิฬของอาหู่ ปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองเปล่งเสียงดังสนั่นออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน จากนั้นก็เกิดปราณจิตราสะท้านเวหา โลกมายาปกคลุมไปทั่วสี่ทิศ

มีคำพูดกล่าวเอาไว้ว่าบนท้องฟ้าไม่สามารถมีดวงตะวันสองดวงได้ ทว่าบัดนี้ตรงหน้าของอาหู่กลับมีพระอาทิตย์สองดวงปรากฏขึ้น!

พระอาทิตย์ดวงหนึ่งเสมือนกับตะวันยามเที่ยงตรง ลอยอยู่บนท้องฟ้าเหนือศีรษะ ส่วนพระอาทิตย์อีกดวงหนึ่งเสมือนกับตะวันยามรุ่งอรุณ แย้มแสงจางๆ!

อาหู่มีท่าทางดีอกดีใจ ไม่ได้เกรงกลัวแต่อย่างใด ปราณจิตราทั่วทั้งร่างกายของเขาปะทุออก ก่อนจะพุ่งตัวพรวดประหนึ่งกับเสือกระโจน

มังกรคู่เมฆ พยัคฆ์คู่ลม!

ขณะที่เขาเปล่งเสียงคำราม พายุหมุนสีดำก็พัดหมุนขึ้นทั่วฟ้า กวาดหินดินทราย น่ากลัวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้!

เยี่ยนจ้าวเกอรับเอาสัมภาระที่อาหู่โยนมาให้ หยิบเอาของล้ำค่าหลากหลายที่อยู่ภายในออกมาอย่างรวดเร็ว

ชายหนุ่มพลัยยกมือข้างหนึ่งขึ้น สิ่งของมากมายก็ลอยไปตกในค่ายกลย้อนกลับ

เขางอนิ้วแล้วดีดต่อเนื่องกัน อักขระจิตแต่ละแถวในค่ายกลก็ยิ่งส่องแสงเจิดจ้ามากยิ่งขึ้น ทุกๆ จุดเชื่อมบรรจบกันจนเสร็จสมบูรณ์อย่างรวดเร็ว

คนของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็รู้ดีถึงความอัศจรรย์ของค่ายกลย้อนกลับเช่นกัน ทว่าคิดไม่ถึงเช่นกันว่าจะสามารถสร้างค่ายกลย้อนกลับได้รวดเร็วเช่นนี้

มหาปรมาจารย์คนนั้นคิดอยากจะโจมตีเขตป้องกันของจ้าวซื่อเฉิงให้แตกกระจายมาโดยตลอด จึงทำลายค่ายกลย้อนกลับก่อน ทว่าก็ถูกอีกฝ่ายสกัดกั้นเอาไว้ไม่ปล่อย ทำให้ยากที่จะทำสำเร็จได้

บัดนี้ค่ายกลย้อนกลับวางรากฐานได้อย่างมั่นคงสมบูรณ์ ภายในใจของเขาก็พลันเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นทันที

“เฮอะ!”

เยี่ยนจ้าวเกอกู่ร้องเสียงทุ้มต่ำ ก่อนจะสะบัดมือ กระบี่วิญญาณมังกรมรกตก็ลอยขึ้นกลางอากาศ

ค่ายกลย้อนกลับในหุบเขาวายุวิญญาณเสร็จสมบูรณ์แล้ว มันเริ่มทำงานเสียงที่ดังสนั่น ก่อนจะเคลื่อนตัวลงไปรวมเข้าเป็นวงเดียวกันกับค่ายกลที่จ้าวซื่อเฉิงชักนำมา!

บนอักขระวิญญาณของค่ายกลก็พลันปรากฏแสงสีแดงที่ทั้งประหลาดและรุนแรงขึ้น!

เมื่อแสงสีแดงผ่านพ้นไป จ้าวซื่อเลี่ยที่ชักจูงพลังของค่ายกลอยู่ภายในพระราชวังภายของเมืองชมตะวัน ก็พลันรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งร่างกาย ก่อนจะมีโลหิตสดๆ พุ่งทะลักออกจากปาก!

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนรน “ท่านลุง ตอนนี้แหละ!”

จ้าวซื่อเฉิงไม่พูดพร่ำทำเพลง ยืนอยู่กลางค่ายกล แล้วตั้งท่าวางหมัดขึ้น

ในขณะที่เยี่ยนจ้าวเกอมองไป เขาเห็นแสงจางๆ เคลื่อนไหวอยู่เหนือศีรษะของจ้าวซื่อเฉิง พอจะมองเห็นเป็นต้นไม้วิเศษต้นหนึ่งสูงตระหง่านระฟ้าแผ่ขยายกิ่งก้านรับลม

พลังของเกราะมังกรเกล็ดมังกรทองได้ถูกปลุกขึ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว เมื่อจ้าวซื่อเฉิงปล่อยหมัดหนึ่งโจมตีออกไป พลังของค่ายกลก็พลันเพิ่มพูนขึ้นทันที

มหาปรมาจารย์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ที่เดิมทีเป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่นั้น รู้สึกตกใจจนไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะตนพ่ายแพ้และต้องถอยกลับในพริบตาเช่นนี้!

“เยี่ยนจ้าวเกอ!” เซียวเซิงและคนอื่นๆ ต่างก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน ไม่คาดคิดเลยว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะพลิกกระดานกลับมาได้ ทั้งๆ ที่ฝ่ายของตนเองได้เปรียบอยู่มากแท้ๆ

“ต่อให้ค่ายกลย้อนกลับผสานกับค่ายกลเดิม ก็ไม่น่าจะมีผลลัพธ์ที่แข็งแกร่งเช่นนี้!”

จ้าวซื่อเฉิงบาดเจ็บสาหัส จ้าวซื่อเลี่ยที่ยึดครองเมืองชมตะวันยิ่งได้เปรียบด้านสถานที่

ถึงกระนั้นผลสุดท้ายการแย่งชิงอำนาจควบคุมค่ายกลเมืองชมตะวัน กลับเป็นจ้าวซื่อเฉิงที่พลิกกลับมาเป็นฝ่ายชนะได้อย่างคาดไม่ถึง!

แสงดาบสีทองหนึ่งส่องสว่างมาจากที่ไกลๆ

เป็นปรมาจารย์เคียงนภาอีกคนหนึ่งของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ที่ชนะการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของตนเอง จากนั้นก็ใช้ดาบผลาญฟ้าประจิมฟันลงมาที่เยี่ยนจ้าวเกอตรงๆ!

ทว่าไม่รอให้เขาเข้าใกล้ อาหู่ตะโกนคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวครั้งหนึ่ง มือซ้ายยังคงเป็นกรงเล็บภูตพยัคฆ์ไม่เปลี่ยนแปลง แต่มือขวากลับถอดกรงเล็บเปลี่ยนเป็นหมัด!

ซึ่งนี่เป็นวิชาวรยุทธ์ที่เยี่ยนจ้าวเกอถ่ายทอดให้กับอาหู่เป็นการส่วนตัว!

หนึ่งในหมัดอสูรหกวิญญาณ หมัดพยัคฆ์คำราม!

บัดนี้อาหู่บ้าคลั่งโดยสิ้นเชิง เขาต่อยหมัดฟาดกรงเล็บ เพื่อพิทักษ์รักษาบุคคลเพียงผู้เดียว ชั่วอึดใจเดียวก็สกัดกั้นปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ได้ถึงสามคน!

เสียงของอาหู่ดังก้องไปทั่วทั้งหุบเขาวายุวิญญาณ สวีชวนและคนอื่นๆ ที่มองอยู่ต่างก็รู้สึกประหลาดใจอยู่ลึกๆ

เซียวเซิงที่เห็นดังนั้น แววตาของเขาก็เริ่มฉายแววเยือกและเย็นดุร้าย ไม่มีเวลาที่จะสนใจเก็บกงจักรเพลิงสุริยะอีกต่อไป

“น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือขวาง!” เซียวเซิงมองเยี่ยนจ้าวเกอและอาหู่ด้วยสายตาโหดเหี้ยม “ในเมื่อเจ้าจงรักภักดีปกป้องนาย เช่นนั้นข้าก็จะฆ่าเจ้าสุนัขรับใช้ตัวนี้ไปพร้อมกันกับนายของมันเลยแล้วกัน!”

เมื่อได้ยินคำพูดที่เย็นชาและไร้ความปราณีของเซียวเซิง เยี่ยนจ้าวเกอก็จ้องอีกฝ่ายกลับอย่างไม่ละสายตา

เซียวเซิงพลันหยิบเอาสิ่งของหนึ่งที่มีรูปร่างเป็นทรงกระบอกออกมาจากหน้าอก

เขาถือปลายด้านหนึ่งเอาไว้ในมือ ส่วนอีกด้านหนึ่งเล็งไปทางอาหู่!

เยี่ยนจ้าวเกอเบิกตาโพลง แล้วตะโกนเสียงดังในไป “อาหู่ หลบไป! นั่นคือฝนสุริยะ!”

อาหู่ได้ยินดังนั้นก็เหมือนกับจะลังเลไปชั่วครู่หนึ่ง

ถึงกระนั้น สุดท้ายแล้วร่างสูงใหญ่ก็ยังคงไม่หลบหลีก

เพราะหากเขาหลบไป ฝนสุริยะของเซียวเซิงก็จะพุ่งตรงไปที่เยี่ยนจ้าวเกอ ดังนั้นเขาจึงไม่หลบ!

ครู่ถัดมาท่อนกระบอกในมือของเซียวเซิงก็พลันระเบิดแสงสีทองนับหมื่นเล่ม ส่องสว่างทิ่มแทงสายตาที่สุดออกมาทันที

เข็มสีทองเล็กแหลมจำนวนนับไม่ถ้วนนั้นประหนึ่งแสงอาทิตย์สาดส่องไปทั่วฟ้าดิน อีกทั้งยังเหมือนกับฝนห่าใหญ่กระหน่ำตกลงมา ไม่มีแม้แต่ช่องว่าง!

ฝนสุริยะ อาวุธลับสืบทอดของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ใช้ทำลายปราณจิตราของปรมาจารย์โดยเฉพาะ!

ผู้ที่มีระดับวรยุทธ์น้อยกว่าระดับมหาปรมาจารย์ลงไปหากถูกโจมตีจังๆ ก็ยังยากที่จะมีชีวิตรอด!

แม้แต่ปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาทั้งสามคนแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ก็ล้วนแล้วแต่กุลีกุจอหลบไปข้างๆ ด้วยเช่นกัน

ดวงตาทั้งสองของอาหู่ราวกับมีเพลิงกำลังลุกไหม้อยู่ ในขณะที่ส่งเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่ง เขาก็แปรปราณจิตราให้กลายเป็นโลกมายา

พายุหมุนสีดำพัดไปทั่วทั้งสี่ทิศด้วยกำลังรุนแรง ชุดเกราะทมิฬก็ส่องสว่างขึ้นมาเช่นกัน อาหู่ป้องกันตัวอย่างสุดกำลัง

เสียงกระทบแหลมเล็กดังเข้าโสตประสาทไม่หยุด บนร่างกายของอาหู่เต็มไปด้วยเข็มสุริยันสีทองเป็นพันเป็นหมื่นเล่ม!

อีกฝั่งหนึ่ง จ้าวซื่อเฉิงแหงนศีรษะขึ้นฟ้าเปล่งเสียงคำรามยาวๆ ครั้งหนึ่ง แล้วผลักฝ่ามือทั้งสองออกไปข้างหน้าตรงๆ

จ้าวซื่อเฉิงชิงอำนาจควบคุมค่ายกลขนาดใหญ่กลับมาได้โดยสมบูรณ์แล้ว

แม้จ้าวซื่อเฉิงเองจะมีอาการบาดเจ็บสาหัสบนร่างกายอยู่ ทว่าเมื่อมีพลังของคยกลขนาดใหญ่หนุนเสริม เขาก็มีพลังแข็งแกร่งขึ้นมาอย่างยิ่งยวด

เขาขับเคลื่อนค่ายกลเป็นอันดับแรก จากนั้นส่งแรงสั่นสะเทือนกลับไปเมืองชมตะวัน สั่นสะเทือนจนจ้าวซื่อเลี่ยที่ยังไม่ทันได้สติกลับมากระอักเลือดสดๆ ออกมาอย่างบ้าคลั่ง

จากนั้นจ้าวซื่อเฉิงก็ปล่อยฝ่ามือหนึ่งออกไปในอากาศ โจมตีไปยังยอดฝีมือระดับมหาปรมาจารย์แห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่เบื้องหน้า ทำเอาอีกฝ่ายกระอักเลือดและถอยร่นออกไป

ด้วยพลังของค่ายกลขนาดใหญ่ที่เพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็ว จอมยุทธ์ของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ภายในคยกลต่างก็ถูกซัดกระเด็นออกไป

เยี่ยนจ้าวเกอพุ่งออกไปประคองร่างของอาหู่เอาไว้ แล้วส่งตัวเขาให้กับสวีชวนและคนอื่นๆ ที่ตามหลังมา

เมื่อหันกลับไปมอง ชายหนุ่มเห็นเซียวเซิงกำลังรีบร้อนถอยกลับไปเช่นกัน

เขาเห็นดังนั้นแล้ว ก็ปริปากเปล่งเสียงประหนึ่งสายฟ้าฟาดด้วยความโกรธเกรี้ยว “เซียวเซิง เจ้าจะไปไหน!”

ชายหนุ่มกระโจนออกไป ชั่วพริบตาเดียวเขาก็พุ่งไปถึงตรงหน้าเซียวเซิงดุจเสือกระโจนออกจากกำแพงกั้น!

หมัดอสูรหกวิญญาณ หมัดพยัคฆ์คำราม!

……………..