บทที่ 170 แล้วสินค้าล่ะ

ไหปีศาจ

บทที่ 170
แล้วสินค้าล่ะ

ภายในพรรคหวงชา

ฟางฉุนฮีกำลังตบโต๊ะด้วยความโกรธ “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ท่านคงฉิน ท่านช่วยหาคำอธิบายที่สมเหตุสมผลมาได้ไหม”
เขากำลังโกรธจัด

สินค้าชุดนี้นั้นถูกส่งมาจากศาลาไป่หยู่สาขาใกล้ ๆ เป็นการขนส่งแบบไม่มีการหยุดพัก ด้วยอำนาจสูงสุดที่เขามี
สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ถูกนำไปใช้โดยไม่มีข้อแลกเปลี่ยนอะไร แม้ว่าเขาจะมีสิทธิ์ในการขนส่งสินค้าพวกนี้ แต่เงินที่ได้จากสินค้าเหล่านี้ก็จะต้องถูกส่งคืนไปที่ตระกูลลั่ว
แต่ใครจะไปคิดว่าสินค้าเหล่านั้นกลับไปปรากฏในสำนักโล่พิทักษ์

นี่มันหมายความว่าอย่างไร? มันไม่ต่างอะไรไปจากการที่เขาจ่ายเงินไปให้สำนักโล่พิทักษ์เรื่อย ๆ
คงฉินทำอะไรไม่ถูก เขาได้แต่ยิ้มอย่างบิดเบี้ยว “พ่อบ้านฟางฉุนฮี โปรดใจเย็น ๆ ก่อน ข้าไม่รู้จริง ๆว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรื่องนี้ บางทีมันอาจจะเป็นเพราะการดูแลที่ไม่ดีของฝ่ายโกดังในพรรคหวงชา สินค้าบางส่วนจึงถูกขโมยไป”
“สินค้าบางส่วนถูกขโมยไปงั้นเหรอ!” ฟางฉุนฮีโกรธยิ่งกว่าเดิม “ที่นี่คือเขตหวงชา มันเป็นดินแดนของพรรคหวงชาของท่าน ใครกันจะกล้าเข้ามาขโมยสินค้าของท่านที่นี่?”
“มันก็จริงอยู่ที่ความแข็งแกร่งของสำนักโล่พิทักษ์นั้นไม่ใช่เล่น ๆ และพรรคหวงชาของเราในตอนนี้ก็ไม่อาจจะสู้ประมือกับพวกเขาได้ แต่ข้าไม่คาดคิดเลยว่าพวกเขาจะกล้าใช้กลยุทธ์ที่ร้ายกาจแบบนี้” ใบหน้าของคงฉินดูยุ่งเหยิง “พ่อบ้านฟางฉุนฮี นี่เป็นความผิดของพรรคหวงชา พวกเราจะชดใช้ค่าเสียหายสำหรับสินค้าชุดนี้ให้ท่านเอง”

โทสะของฟางฉุนฮีลดลงเล็กน้อย
ก็ยังพอคุยกันได้อยู่
อย่างไรก็ตามเขานั้นได้ล้มเหลวในการโค่นล้มสำนักโล่พิทักษ์ ซ้ำยังกลับทำให้ธุรกิจของอีกฝ่ายรุ่งเรืองขึ้น นี่ทำให้เขารู้สึกตกต่ำลงอย่างมาก
“พ่อบ้านฟางฉุนฮี ท่านควรส่งคนไปเฝ้าสินค้าพวกนั้นนะ หากไม่แล้วละก็ ข้าเกรงว่าการขนส่งสินค้าอาจจะผิดพลาดอีกครั้งได้” คงฉินกล่าว
ที่เขาพูดมาก็จริงอยู่ฟางฉุนฮีคิด
เดิมทีเขาก็ไม่สมควรที่จะให้บุคคลภายนอกมาดูแลสินค้าที่สำคัญเหล่านี้อยู่แล้ว ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกล่ะก็ เขาจะยิ่งต้องใช้เวลาจัดการกับสำนักโล่พิทักษ์นานมากกว่าเดิมอีกไม่ใช่รึยังไงกัน ?

“ดีงั้นเดี๋ยวข้าจะส่งคนมาเฝ้าที่นี่ให้” ฟางฉุนฮีกล่าว
ในวันนั้น ฟางฉุนฮีก็ได้ติดต่อกลับไปที่ศาลาไป่หยู่ที่อยู่ใกล้ ๆ และเปลี่ยนกลุ่มผู้คุมสินค้าในทันที โดยมีผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูง 5 คน และผู้ใช้พลังวิญญาณทั่ว ๆ ไปอีก 12 คน
กองกำลังขนาดนี้ต้องสามารถรับมือกับพรรคพวกของสำนักโล่พิทักษ์ได้อย่างแน่นอน

ตอนนี้โกดังสินค้ามีความปลอดภัยมากขึ้นเยอะ
ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสามารถขโมยสินค้าภายใต้การดูแลของพวกเขาได้ เว้นแต่ว่าสำนักโล่พิทักษ์จะมีผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงมากกว่าฝ่ายเขา

วันต่อมา

หอคอยหวงชาได้เปิดให้บริการตามปกติ

แต่เรื่องที่สุดแสนจะบั่นทอนจิตใจก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
เมื่อคนงานเดินมารับสินค้า เพื่อจะนำไปวางบนชั้นวาง เขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่ากล่องเดิมที่ควรจะมีสินค้ากลับเต็มไปด้วยหิน
สินค้าในโกดังของหายไปอีกแล้ว

ทันทีที่ฟางฉุนฮีทราบข่าว เขาก็รีบบึ่งมาที่หอคอยหวงชา
หลังจากตรวจสอบสินค้าใบหน้าของเขาก็ดูมืดมนและน่ากลัว

“เกิดอะไรขึ้น?” ฟางฉุนฮีกล่าวถามด้วยเสียงเย็นชืด
ครั้งนี้มันไม่เกี่ยวกับพรรคหวงชาแล้ว
ภายใต้การคุ้มครองของคนที่เขาส่งมาให้ดูแลสินค้าด้วยตัวเอง มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะสามารถโยนความรับผิดชอบค่าชดใช้ให้กับหัวหน้าของพรรคหวงชาได้เหมือนคราวก่อน
ผู้คุมต่างมองหน้ากันอย่างสับสน
“พ่อบ้านฟางฉุนฮี พวกเราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเราเฝ้าอยู่ที่นี่ทั้งคืนไม่ได้ละสายตาหรือหลับตาลงด้วยซ้ำ พวกเรามั่นใจได้เลยว่าไม่มีใครลอบเข้ามาขอรับ” หัวหน้ากองคุ้มกันกล่าว
ฟางฉุนฮีชี้ไปที่กล่องที่ควรจะมีสินค้าอยู่ แต่ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยก้อนหินแล้วคำราม “งั้นพวกเจ้าลองอธิบายให้ข้าฟังสิว่านี่มันหมายความว่ายังไง”
“ นี่มัน … ” หัวหน้ากองคุ้มกันอธิบายไม่ถูก

มันเป็นเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ
ขณะเดียวกัน เหล่าคนงานของหอคอยหวงชารีบเดินทางเข้ามาเพื่อกระจายข่าว “ท่านฟางสำนักโล่พิทักษ์ได้วางสินค้าใหม่บนชั้นวางแล้ว สินค้าของพวกเขาเหมือนของที่พวกเราเคยมีเมื่อวานนี้เลยขอรับ … ”

“ข้ารู้แล้วน่า!” ฟางฉุนฮีหันศีรษะไปแล้วคำราม เขารู้สึกโกรธจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้แล้ว
เหล่าคนงานชายต่างวิ่งหนีด้วยความหวาดกลัว

แน่นอนว่าฟางฉุนฮีเดาได้อยู่แล้วว่าสินค้าที่หายไปนั้นตอนนี้อยู่ในสำนักโล่พิทักษ์ แต่อีกฝ่ายทำได้อย่างไร? มันไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย
หัวหน้ากองคุ้มกันกระซิบ “แบบนี้เนื่องจากเรารู้แล้วว่าเป็นสำนักโล่พิทักษ์ที่ขโมยสินค้าของพวกเราไป แล้วทำไมพวกเราไม่ไปจัดการมันซะเลยล่ะขอรับ … ”

“พวกเราจะไปจัดการพวกมันได้ที่ไหนกันเล่า? พวกเจ้ามีหลักฐานรึไงว่าสำนักโล่พิทักษ์เป็นคนที่ขโมยสินค้าไปน่ะ?”
“บนสินค้ามีเครื่องหมายของศาลาไป่หยู่ … ”
ฟางฉุนฮีโกรธเดือดดาล “เจ้าพวกโง่! อีกฝ่ายกล้าขายมันขนาดนี้ พวกมันจะเก็บรักษาเครื่องหมายไว้รึยังไงกันหา ? ยิ่งไปกว่านั้นหากเหตุการณ์นี้แพร่กระจายออกไป ทุกคนจะรู้ว่าสินค้าของตระกูลลั่วถูกขโมยไปได้ หากเป็นเช่นนั้นมันไม่ยิ่งน่าอัปยศกว่าเดิมรึไง ถ้ามันแพร่กระจายออกไปล่ะก็พวกเราทุกคนจะต้องเดือดร้อนแน่!”
ถ้าทำพลาดพวกเขาจะเสียหน้า
จากนั้นพวกเขาจะต้องถูกลงโทษสถานหนักถึงขั้นที่ส่งผลต่ออนาคตของพวกเขาอย่างแน่นอน

“แล้วพวกข้าจะทำอะไรได้บ้างล่ะขอรับ … ” หัวหน้ากองคุ้มกันหน้าเศร้า
ฟางฉุนฮีกวาดสายตาของเขาอย่างไม่แน่ใจ ราวกับว่าเขากำลังคิดถึงกลยุทธ์บางอย่าง
……
……

คนงานชายคนหนึ่งผู้ที่ถูกฟางฉุนฮีตะคอก วิ่งหนีเข้าไปที่ห้องลับที่ซ่อนอยู่ในหอคอยหวงชา
ท่าทางที่ลุกลี้ลุกลนของเขาหายไปกลายเป็นสงบลงในทันที

“รอดแล้ว” คนงานชายพูดด้วยเสียงต่ำ

ในความมืดมีร่างสูงของคงฉินยืนรออยู่
คงฉินพยักหน้าเล็กน้อย “จงทำสิ่งนี้ต่อไปอย่างลับๆ แอบแลกเปลี่ยนสินค้าในยามที่พวกนั้นไม่สังเกต เจ้าทำได้ดีมากแล้วในวันนี้”

มันเป็นเรื่องยากที่จะแอบขโมยสินค้าจากเหล่าผู้ใช้พลังพิเศษระดับสูงจำนวนมากขนาดนั้น
แต่มันไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ตามคำสั่งของคงฉินคนงานชายบางคนแอบเปลี่ยนสินค้ากับหิน โดยอาศัยจังหวะตอนที่พวกเขาได้รับสินค้ามาและกำลังตรวจนับพวกมัน
มันจึงทำให้พวกผู้คุมไม่เอะใจสงสัย
จากนั้นสินค้าก็จะถูกส่งไปยังสำนักโล่พิทักษ์ในช่วงกลางคืน
ลั่วอู๋รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งและเสนอหินวิญญาณจำนวน 1 ล้านก้อนให้กับพรรคหวงชาเพื่อเป็นเงินในการซื้อสินค้าเหล่านี้

คนงานชายดูลังเลและดูเหมือนมีอะไรอยากจะพูด
คงฉินกล่าวถาม “เจ้ามีคำถามอะไรรึเปล่า ในฐานะที่เจ้าเป็นคนสนิทคนสำคัญของข้า เจ้าควรได้รับรู้ ในสิ่งที่เจ้าสงสัย”
สีหน้าแห่งความไว้วางใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
“มีสิ่งหนึ่งที่ข้าไม่เข้าใจขอรับหัวหน้า” คนงานชายถามด้วยเสียงต่ำ “ข้ารู้ว่าฝ่ายลั่วอู๋และพรรคหวงชาของเรามีความสัมพันธ์ในฐานะพันธมิตรแบบร่วมมือกัน”

“แต่การมีอยู่ของสำนักโล่พิทักษ์ได้ชิงธุรกิจมากมายในหอคอยหวงชาไป”
“พี่น้องในพรรคหวงชาเองก็ค่อนข้างวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีตระกูลลั่วที่มาขอความร่วมมือกับพวกเราในครั้งนี้อีก”
“ทำไมท่านถึงเลือกจะเสี่ยงทำให้ตระกูลลั่วขุ่นเคือง เพื่อลั่วอู๋เพียงคนเดียว แทนที่จะใช้ประโยชน์จากตระกูลลั่ว เพื่อกำจัดสำนักโล่พิทักษ์และได้มิตรภาพจากตระกูลลั่วแทนล่ะขอรับ?”

ไม่มีมิตรและศัตรูนิรันดร์ ผลประโยชน์เท่านั้นที่สำคัญ
เรื่องนี้มองยังไงพวกเขาก็ควรเข้าข้างฝ่ายตระกูลลั่ว

คงฉินถอนหายใจยาว ใบหน้าของเขาดูซับซ้อน เขารู้สึกถึงรอยแผลที่เก่าแขนของเขา ตรงที่หยดเลือดนั้นถูกกรีดออกไปจากแขนของเขา

“ อืม เจ้าอย่าไปคิดมากเลย เจ้าควรรู้แค่ว่าพวกเราควรทำให้ดีที่สุดเพื่อช่วยฝ่ายลั่วอู๋” คงฉินพูด

นอกจากเขาไม่มีใครควรได้รู้เรื่องนั้น

มันไม่มีทางอื่น
คำเตือนของหลงเซี่ยดูเหมือนจะดังก้องอยู่ในหูของเขาซ้ำไปซ้ำมา
ถ้าเขาทำให้ตระกูลลั่วขุ่นเคืองอย่างมากเขาแค่อาจจะต้องตาย แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับลั่วอู๋ล่ะก็ มันคงไม่ใช่แค่อาจจะต้องตาย เขาคงได้ตายจริงๆ แน่