บทที่ 146 สมคบคิดและใส่ความ[รีไรท์]

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 146 สมคบคิดและใส่ความ[รีไรท์]

คนของสำนักสวรรค์ฟ้าตายจนเหลือหวงหยิงเพียงแค่คนเดียว แม้แต่ขั้นปรมาจารย์ระดับ 5 ก็ยังถูกฉู่ชวิ๋นเด็ดหัวทิ้งไปแล้ว เธอที่เป็นขั้นปรมาจารย์ระดับ 3 จึงทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว นอกจากยืนตัวสั่นเทาตั้งแต่หัวจรดเท้า

เมื่อมองไปเห็นว่าฉู่ชวิ๋นกำลังเดินเข้ามาหา หญิงสาวก็เม้มริมฝีปากแน่น จนเกือบจะร้องไห้ออกมาแล้ว

ฉู่ชวิ๋นหยุดยืนและจ้องมองเธออยู่ในความเงียบ หลังจากนั้น เขาจึงพูดว่า “เธอต้องมีชีวิตกลับไปส่งข้อความ ไปบอกหลิวเซียงหรูกับผู้อาวุโสของสำนักเธอซะ ให้พวกเขาปล่อยตัวพ่อแม่ฉันมาเดี๋ยวนี้ ถ้าให้ฉันต้องไปที่นั่นเมื่อไหร่ รับรองว่าสำนักของพวกเธอพินาศแน่”

หญิงสาวกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านักฆ่าใจดำอำมหิตผู้นี้จะละเว้นชีวิตเธอ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป จนหญิงสาวตั้งตัวไม่ทัน เธอได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่เท่านั้น

เมื่อเห็นว่าหญิงสาวเอาแต่ยืนนิ่ง ฉู่ชวิ๋นก็ขมวดคิ้วและพูดว่า “เธอไม่เข้าใจที่ฉันพูดหรือไง?”

หญิงสาวตัวสั่นอย่างรุนแรง เมื่อตระหนักได้ว่าจอมมารอย่างฉู่ชวิ๋นมายืนอยู่ตรงหน้า เธอก็หวาดหวั่นจนแทบหัวใจวายตายแล้ว หน้าผากของเธอเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ หญิงสาวรีบพยักหน้า พูดละล่ำละลักว่า “เข้าใจแล้วค่ะ! ฉันเข้าใจแล้ว!”

“งั้นก็ไปสิ” ฉู่ชวิ๋นว่า

“ขอบคุณ…ขอบคุณที่ไว้ชีวิตฉันนะคะ ฉันจะนำข้อความไปบอกให้ครบทุกถ้อยคำเลย” ในที่สุดหญิงสาวก็พูดออกมาด้วยความดีใจ

ถึงแม้ว่าข้อความของฉู่ชวิ๋นอาจจะทำให้สำนักสวรรค์ฟ้าไม่พอใจ แล้วยังไงล่ะ? เธอเป็นแค่คนส่งข้อความ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือเธอยังรอดชีวิต และผู้อาวุโสที่กระหายอำนาจและน่าขยะแขยงอย่างสือจินก็ตายไปแล้ว ตอนนี้สิ่งเดียวที่เธอควรสนใจก็คือตัวเธอเองเท่านั้น

……

……

ฉู่ชวิ๋นกวาดตามองรอบตัว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชาและความเฉยเมย

“จากวันนี้ไป ทุกคนที่อยู่ในตระกูลหลิวต้องอยู่ที่นี่เท่านั้น ถ้ามีใครเดินพ้นประตูไปแม้แต่ก้าวเดียว รับรองว่าตายแน่!”

น้ำเสียงที่เย็นเยียบของเขาทำให้สมาชิกตระกูลหลิวตัวสั่นงันงก เหมือนกับนกน้อยที่ถูกสายลมหนาวพัดกรรโชก

“ฉู่ชวิ๋น แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร? ตระกูลหลิวของเราเป็นเสาหลักค้ำจุนประเทศ ตัวแกทำได้อย่างพวกเราหรือเปล่า? เป็นแค่นายพลตัวเล็กตัวน้อย คิดจะมาย่ำยีตระกูลหลิวของพวกเรา ฉันยอมรับว่าไม่มีใครสามารถหยุดแกได้ก็จริง แต่แกพร้อมที่จะเป็นศัตรูกับชาวจีนอีกกว่าพันล้านคนแล้วหรือไง” หลิวไป๋เฟิงที่ใบหน้าเสียโฉมไปครึ่งหนึ่ง พูดด้วยน้ำเสียงโกรธแค้น และทำให้ตัวเขาดูน่าขนลุกมากยิ่งขึ้น

“ตระกูลหลิวของพวกแกเนี่ยนะ มีคนหนุนหลังเป็นพันล้านคน?” ฉู่ชวิ๋นเยาะเย้ยอย่างไม่ปิดบัง

หลิวไป๋เฟิงระเบิดเสียงหัวเราะ จ้องมองฉู่ชวิ๋นและพูดว่า “ฉู่ชวิ๋น แกนี่มันตลกจริง ๆ รู้ไหมว่าใครอยู่ในหอบรรพบุรุษในภูเขาไป๋หยุน คนที่ได้อยู่ในนั้นก็คือบรรพบุรุษของตระกูลหลิว พวกท่านหลั่งเลือดเนื้อเพื่อแผ่นดินเกิด วีรกรรมของพวกท่านถูกจารึกไว้ทั่วหอบรรพบุรุษ แม้แต่เด็ก 3 ขวบก็รู้ว่าพวกท่านทำอะไรเอาไว้บ้าง แล้วนายคิดหรือว่าการที่แกมาเหยียบย่ำตระกูลหลิวแบบนี้ คนพวกนั้นจะทนอยู่นิ่งเฉยได้”

ฉู่ชวิ๋นเงียบไปเล็กน้อย แต่สมองของเขาทำงานอย่างหนัก ที่หลิวไป๋เฟิงพูดออกมาก็มีส่วนจริงอยู่ไม่น้อย บรรพบุรุษของตระกูลหลิวเป็นวีรบุรุษในสายตาของชาวบ้านทั่วไป วีรกรรมครั้งโบราณของตระกูลหลิวถูกถ่ายทอดเป็นเหมือนนิทานประจำบ้าน เท่ากับเป็นการปลูกฝังความจงรักภักดีต่อสกุลหลิวไปในตัว ถ้ามีใครสักคนหนึ่งลุกขึ้นมาเป็นศัตรูกับตระกูลหลิว คนผู้นั้นต้องถูกมองว่าไม่ใช่ตัวดีอย่างแน่นอน

แล้วถ้าเขาสังหารคนของตระกูลหลิวอย่างบ้าเลือด ผลลัพธ์ที่ออกมาก็คงเลวร้ายเกินคาดเดา ชายหนุ่มไม่แปลกใจอีกแล้วว่าทำไมแม้แต่หัวหน้าหมายเลขหนึ่งก็ยังหวาดกลัวตระกูลหลิวขนาดนั้น

“หลิวไป๋เฟิง อย่าบอกนะว่านี่คือไม้ตายของแก?”

ฉู่ชวิ๋นหรี่ตาลง ดวงตาเป็นประกายแจ่มใส สุดก้นบึ้งในดวงตาของเขามีแต่ความเย็นชา แสดงให้เห็นว่าชายหนุ่มเกลียดชังตระกูลหลิวจากก้นบึ้งของหัวใจจริงๆ

อีกนิดเดียวหลิวไป๋เฟิงก็จะกลายเป็นคนบ้าแล้ว เขามีฐานะเป็นหัวหน้าตระกูลหลิว แต่ฉู่ชวิ๋นกลับเล่นงานเขาไม่มีชิ้นดีต่อหน้าสาธารณะ ปากของเขาบิดเบี้ยว ดวงตาก็โปนถลน ถึงรักษาตัวหายดีในภายหลัง แต่ชื่อเสียงของเขาคงป่นปี้ไม่เหลือชิ้นดี ด้วยเหตุนี้ หลิวไป๋เฟิงจึงเกลียดชังฉู่ชวิ๋นไม่แพ้กัน

“ฉู่ชวิ๋น แกกล้าฆ่าคนตระกูลหลิวไหมล่ะ?” หลิวไป๋เฟิงจ้องมองไปที่ฉู่ชวิ๋น

ฉู่ชวิ๋นเม้มริมฝีปากทำเป็นขบคิดอะไรบางอย่าง ก่อนที่เขาจะยิ้มออกมา และพูดว่า “ทำไมจะไม่กล้าล่ะ?”

หลิวไป๋เฟิงถึงกับงงงันไปแล้ว หลิวจื้อไจ้ก็ไม่เข้าใจ สมาชิกตระกูลหลิวคนอื่น ๆ ก็ได้แต่ยืนนิ่ง

เป็นไปไม่ได้ พวกเขาไม่อยากเชื่อ ฉู่ชวิ๋นกล้าดียังไงถึงพูดคำนั้นออกมา?

“ฉู่ชวิ๋น นายไม่กลัวจริง ๆ ใช่ไหมว่าตระกูลฉู่จะเป็นศัตรูกับคนพันล้านคน” หลิวไป๋เฟิงพูดออกมาเหมือนคนเสียสติ

“ทำไมต้องกลัวด้วย ในเมื่อตระกูลของแกทำเรื่องชั่วช้าเอาไว้ตั้งเยอะ” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

หลิวไป๋เฟิงและหลิวจื้อไจ้หันมองหน้ากัน และพูดขึ้นแทบจะพร้อมกันว่า “หมายความว่ายังไง? พวกเราทำอะไรไว้ไม่ทราบ?”

ในจิตใจของพวกเขาเกิดความรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาชอบกลแล้ว

ฉู่ชวิ๋นหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาอย่างไม่สนใจใคร เขากดโทรไปหาเฉินฮั่นหลง และพูดกับลูกน้องทันทีว่า “ฮั่นหลง หลิวเจี่ยเฟยอยู่ที่ไหน?”

“นายท่านอยากเจอหลิวเจี่ยเฟยเหรอครับ?” เฉินฮั่นหลงถามอย่างแปลกใจเล็กน้อย

ฉู่ชวิ๋นยิ้ม คิดอยู่แล้วว่าเฉินฮั่นหลงคงเพิ่งรักษาร่างกายให้หลิวเจี่ยเฟยเสร็จ เขารู้จักเฉินฮั่นหลงเป็นอย่างดี

“ในอีก 1 ชั่วโมง ฉันอยากให้นายถ่ายคลิปเขาพูดว่า ตระกูลหลิวร่วมมือกับศัตรูและทรยศประเทศชาติ”

เห็นได้ชัดว่าเฉินฮั่นหลงมึนงงไปเล็กน้อยแต่ไม่นานเข้าก็เข้าใจเรื่องทั้งหมด ก่อนที่จะพูดด้วยความตื่นเต้น “ไม่ต้องเป็นห่วงครับนายท่าน ใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมงหรอก ครึ่งชั่วโมงก็เรียบร้อยแล้วครับ”

ตอนที่กดวางสาย ฉู่ชวิ๋นได้ยินเสียงหลิวเจี่ยเฟยกำลังร้องขอความเมตตา

“ฉู่ชวิ๋น แกมันชั่วช้าจริง ๆ อยากจะใส่ความตระกูลหลิวใช่ไหม ฝันไปเถอะ” หลิวไป๋เฟิงคำรามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ

“แค่หลิวเจี่ยเฟยคนเดียวกล่าวหาว่าตระกูลหลิวทรยศประเทศชาติ น่าตลกเกินไปแล้ว ไม่มีใครเชื่อเรื่องนี้แน่ ๆ” หลิวจื้อไจ้เลิกคิ้วขึ้นสูง ดวงตาเป็นประกายโกรธแค้นขณะที่คำรามออกมา

“เดี๋ยวคนก็ดูออกว่าหลิวเจี่ยเฟยถูกบังคับให้พูดแบบนั้น ตอนนั้นต่อให้แกมานั่งเสียใจทีหลังมันก็สายเกินไปแล้ว คราวนี้แหละ นายจะเป็นศัตรูกับคนมากกว่าพันล้านคนด้วยซ้ำ”

“ฉันขอแนะนำให้แกล้มเลิกแผนการนี้ไปดีกว่านะ ไม่มีใครเชื่อสิ่งที่เจ้าเด็กคนนั้นพูดอยู่แล้ว หลิวเจี่ยเฟยอายุมากกว่าแกแค่ไม่กี่ปี แถมยังเป็นคนธรรมดา ใครจะไปเชื่อเรื่องที่เขาพูดบ้าง? ถ้าตอนนั้น เราออกมาประกาศว่าแกเป็นคนใส่ร้ายตระกูลหลิว ทุกคนก็ต้องเชื่อตระกูลหลิวอยู่แล้ว และแกนั่นแหละที่จะต้องเป็นศัตรูกับคนหลายพันล้านคน”

……

……

ฉู่ชวิ๋นมองคู่พ่อลูกตระกูลหลิวด้วยสายตาเย็นชา

“หลิวเจี่ยเฟยกับพวกหมาป่าทองคำร่วมมือกันปล้นเครื่องบินสัญชาติจีนและจับลูกเรือกว่า 100 ชีวิตไว้เป็นตัวประกัน รวมถึงดาราดังอย่างถางโร้ว แถมยังมีเชื้อพระวงศ์จากต่างประเทศอยู่บนเครื่องบินลำนั้นอีกด้วย พวกหมาป่าทองคำมีชื่อเสียงในทางไม่ดีอยู่แล้ว พวกเขาได้ชื่อว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย ประเทศที่คอยหนุนหลังคนกลุ่มนี้อยู่ ก็คือประเทศที่เป็นศัตรูกับประเทศจีน ทุกคนรู้ดี แต่หลิวเจี่ยเฟยก็ยังไปร่วมมือกับพวกมัน แบบนี้ถ้าไม่เรียกว่าทรยศต่อประเทศชาติ แล้วจะเรียกว่าอะไรได้อีก?”

“เหลวไหล อย่ามาพูดไร้สาระแถวนี้ หลิวเจี่ยเฟยไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกหมาป่าทองคำสักหน่อย เป็นไปไม่ได้ แกแต่งเรื่องขึ้นมาเองทั้งนั้น” หลิวไป๋เฟิงส่งเสียงตะโกนเหมือนคนบ้า

สมาชิกตระกูลหลิวคนอื่นก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน หมาป่าทองคำเป็นชื่อกลุ่มคนที่ถูกฉู่ชวิ๋นสังหารทิ้งหลังจากปล้นเครื่องบินและจับคนเป็นตัวประกัน พวกเขาเริ่มรู้จักชื่อเสียงของฉู่ชวิ๋นก็ตั้งแต่ตอนนั้นเอง แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหลิวเจี่ยเฟยด้วยหรือ? มันจะต้องเป็นเรื่องที่ฉู่ชวิ๋นแต่งเติมขึ้นมาเองแน่นอน ทุกคนมั่นใจว่าอย่างนั้น

คิ้วของฉู่ชวิ๋นเลิกขึ้นสูงเล็กน้อยดูจากสีหน้าของทุกคนรวมถึงหลิวไป๋เฟิง ด้วยแล้ว นี่ไม่ใช่การเสแสร้งแกล้งทำแน่นอน พวกเขาไม่เคยล่วงรู้เรื่องนี้เลย เป็นไปได้ที่หลิวเจี่ยเฟยอาจจะทำเพียงลำพัง หรืออาจจะมีใครกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งคอยบงการเขาอยู่เบื้องหลังอีกทีก็ได้ อย่างเช่น หลิวเซียงหรูที่อยากยืมมือของกลุ่มหมาป่าทองคำเพื่อมาสังหารฉู่ชวิ๋นนั่นเอง